ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การพิจารณา อาหาร จะทำให้มีความสุขในการทานอาหาร  (อ่าน 1338 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
วันสงกรานต์ สำหรับฉันทุกปี ก็เหมือนวันธรรมดาปกติ เพราะไม่มีกิจกรรมอะไรเลย แบบวัด แบบชาวบ้าน ทุกวันก็ยังมอบธรรมในระบบออนไลน์ เท่าที่กระทำได้ อันนี้ส่วนรวม ส่วนส่วนตัวนั้น ก็เดินจงกรม นั่งกรรมฐาน ยืน เดิน นั่ง นอนสลับกันไป ตามชีวิตของพระที่ไม่ค่อยยุ่งกับสังคม

วันนี้โยมแม่เข้ามาหา มาทำบุญ มีข้าวมันไก่ สองกล่อง กาละแม 2 แพ็ค 6 ชิ้น และ ขาหมู 1 ถุง น้ำแข็งยูนิต 1 ถุง น้ำอัดลม 2 ขวดเล็ก สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่า เล็กน้อย สำหรับฉันที่ซื้ออาหารกิน ( ฉัน ) เองนั้น นับว่าเป็นของมีราคา มีคุณ มีค่า ตรง ๆ

หลังจากกล่าวถวายทานเสร็จให้พรเรียบร้อย โยมแม่ ก็พูดว่า
"ท่านต้องฉันกาละแม ให้หมดนะ โยมชอบกาละแม"

หลังจากโยมกลับไปแล้ว ฉันก็นำอาหารต่าง ๆ ถวายข้าวพระพุทธ และ ลาข้าวพระพุทธ เตรียมบริโภค ข้าวมันไก่ กล่องละ 30 บาท ฉันได้แค่ 6 คำก็หมดแล้ว ข้าวมันไก่กล่องนี้น่าจะเป็นพวกรถเข็นขาย แถมมีการนำไก่เน่ามาทำอีกต่างหาก( มีกลิ่นอย่างแรง ) แต่ก็ฉันหมดนะ กล่องหนึ่ง ต่อไป หยิบกาละแม ขึ้นมาฉันต่อ ส่วนตัวไม่ชอบฉันของพวกนี้นะ แต่ก็หยิบฉัน คำแรก ขม หวาน เหนียว มัน ๆ พูดตรง ๆ เลยว่า ไม่อยากฉัน แต่ ด้วย สปิริตความเป็นพระ ฉันพิจารณาอาหาร ไม่ว่า อาหารนั้นจะประณีต หยาบ เลวอย่างไรก็ตาม การทำปัจจเวกขณะ ระหว่างที่ฉัน ก็จะมีความสำคัญ ขึ้นมาเพราะว่า ที่ฉันอยู่นั้นเป็นเพียงสักธาตุ ตามธรรมชาติ มิได้เป็นสัตว์อันยั่งยืน มิได้เป็นชีวิตบุรุษบุคคล ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวเป็นตน ไม่ได้หมายถึงอาหาร แต่หมายถึงตนเองผู้กำลังฉันอยู่ ถ้ามันถอดว่านามรูป เป็น ธาตุ เป็นเพียงสักว่า ธาตุ 4 มีอุปทายรูป 24 มีเพียงกายขันธ์ จิตขันธ์ ไม่ได้สัตว์ที่ยั่งยืนประเสริฐ มิได้เป็นบุรุษบุคคล ใด ๆ เป็นเพียงแต่ความเปล่า ที่มีและไม่มี ขณะที่พิจารณาอยู่นั้น คำอาหารที่บริโภค ก็ไร้รสทันที ไม่มีขมหรือหวาน ไม่มีจืดคาว จิตไม่รับทราบ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ของอาหาร คงเหลือเพียงธรรมารมณ์ ที่ รู้ว่า สักว่า ธาตุ ขณะบริโภค ขณะนั้นเท่านั้น

ดังนั้นสำหรับฉัน ทานแบบไหน ? ก็เหมือนกันตอนนี้ เพราะมันเป็นเพียงสักว่า ธาตุ เท่านั้น

ก็ขอให้ผลบุญนี้จงถึงแก่บิดาที่ล่วงลับไปแล้ว ให้ได้รับบุญส่วนนี้ด้วยเทอญ

( กระทู้นี้ต้องการชี้ให้เห็นเรื่อง

1.คุณภาพอาหาร ที่พ่อค้าแม่ค้า หวังเพียงกำไร และลดทอน คุณภาพของวัตถุทำอาหาร ข้าวมันไก่ ราคา 30 บาท ฉันนึกถึงข้าวมันไก่กล่องละ 10 บาท ที่แม้แต่น้าจิ้ม แค่ ซีอิ๋วผสมพริกหั่น ไม่มีขิง ส่วนกาละแมคล้ายแป้งมันผสมสีเป็นก้อนคลุกน้ำมัน ขาหมูก็แค่ เนื้อหมูในน้ำ พะโล้ ซึ่งมันไม่ได้ถูกต้องตามสูตร การทำอาหารสักอย่าง คนซื้อก็ไม่ทราบเพราะว่า รูปร่างหน้าตา เขาทำได้เหมือนแต่ วัตถุดิบที่ใช้นั้น มันไม่ได้ราคาตามนั้น แต่ทั้่งหมดขายตามราคา เหมือนอาหารพิเศษ เช่นกัน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้า ก็ได้กำไรไป นับวัน คนไทยเริ่มเลียนแบบคนจีน ทำอาหารปลอมกัน มาขายเพื่อหวังกำไร สร้างเนื้อ สร้างตัว

2.ความเป็นพระ เลือกฉันไม่ได้ เมื่อถึงคราวต้องฉัน อาหารที่เป็นความทุกข์ ต้องหมั่นพิจารณาที่เป็นธาตุ เพื่อให้มีชีวิตต่อไป ส่วนอาหารที่มีรสเลิศ แค่พิจารณาไม่ให้เพลิดเพลินกับอาหาร หรือ รสอาหารก็เพียงพอแล้ว
)

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ