ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อพระใสหนองคาย ตำนานหลวงพ่อเกวียนหัก  (อ่าน 1146 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



หลวงพ่อพระใสหนองคาย ตำนานหลวงพ่อเกวียนหัก

กราบขอพรและสรงน้ำ “หลวงพ่อพระใส” ระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน 2560 ณ วัดโพธิ์ชัย(พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.หนองคาย งานนี้ห้ามพลาด...“เทศกาลตรุษสงกรานต์ อีสานหนองคายและสมโภชหลวงพ่อพระใส ประจำปี 2560”

ภาพยนตร์ฉายโต้รุ่ง แสง สี เสียง ความบันเทิง พร้อมสรรพ ชมฟรีตลอดงาน ถูกใจ “สายเที่ยว”... “สายบุญ” ร่วมบำเพ็ญกุศล สะเดาะเคราะห์ ตักบาตร 108 ถวายสังฆทาน

“จงอย่าท้อแท้” คนท้อคือ...ตนไม่แท้ คนแท้ คือ...ตนไม่ท้อ


“หลวงพ่อพระใส” วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง)

คาถาบูชาหลวงพ่อพระใส (ตั้งนะโม 3 จบ) อะระหัง พุทโธ โพธิชโย เสยยะคุโณ โพธิสัตโต มะหาลาโภ ปิยัง มะมะ ภะวันตุโน โหตุ สัพพะทาฯ

“หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก ประวัติการสร้างสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า เป็นพระพุทธรูปหล่อในสมัยล้านช้าง...ตามตำนานที่เล่าสืบต่อๆกันมามีพระธิดา 3 องค์แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่าเป็นพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราชได้หล่อพระพุทธรูปขึ้นมา 3 องค์ โดยมีขนาดลดหลั่นกันไปตามลำดับ



พร้อมขนานนามตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า...พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง

เดิมที “หลวงพ่อพระใส” ประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทน์ สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำและถูกเชิญมาประดิษฐานที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีกทีต่อมา...สมัยรัชกาลที่ 3 ช่วงกบฏเจ้าอนุวงศ์ ได้มีการอัญเชิญ “พระสุก” “พระเสริม” “พระใส” ลงมาด้วย

อัญเชิญมาจากภูเขาควายมาขึ้นบนแพไม้ไผ่ ผูกติดอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม มาถึงบริเวณบ้านเวินแท่นเกิดอัศจรรย์พายุแรงจนแท่นแพพระสุกแตกจมลงไปในน้ำ

การเดินทางยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังล่องแพ กันเรื่อยมาจนถึงปากน้ำงึม...น้ำโขง ใกล้ๆกับบ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ก็ได้เกิดอัศจรรย์พายุใหญ่ ฟ้าคำรามกึกก้องจนแพแตกพระจมอีกครั้ง แล้วก็หายไป แต่คราวนี้...“พระสุก” ยังคงจมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้



อัศจรรย์ธรรมชาติถึงสองครั้งสองครา...คงเหลือแต่แพ “พระใส” กับ “พระเสริม” นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคายได้ ครั้นสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นอีกครั้งที่ได้มีการอัญเชิญพระใสลงไปกรุงเทพฯ แต่พอถึงวัดโพธิ์ชัย ก็ให้เกิดเหตุอัศจรรย์ใจกับผู้คนอีกครั้ง

ว่ากันว่า...ด้วยปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติยากจะอธิบายก็เกิดเหตุเกวียนหัก จนเป็นเหตุให้ต้องอัญเชิญ “พระใส” ไว้ที่วัดโพธิ์ชัย เมืองหนองคายนั่นเอง

ความอัศจรรย์ของ “หลวงพ่อพระใส” นับแต่ในอดีตครั้งนั้นจึงได้สมญาว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก” จนถึงวันนี้...ยังมีผู้คนแวะเวียนเข้ามากราบไหว้สักการะทุกวันไม่ขาดสาย

มุ่งหมายตั้งใจสมดังหวัง...อาชีพการงาน การเรียน แคล้วคลาด ปลอดภัย ร่ำรวย เงินทอง โรคภัยไม่รุกล้ำกล้ำกราย ให้โชคดีมีชัย มีความสุข สมปรารถนาได้ทุกประการ เป็นอีกหนึ่งศรัทธาความเชื่อสำหรับผู้ที่มาขอพรกราบไหว้สักการะบูชา “พระธาตุอรหันต์” วัดโพธิ์ชัย



“พระธาตุอรหันต์” สมหวังทุกประการ.

“...ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอนมัสการพระเจดีย์ที่บรรจุพระธาตุของอรหันต์ทั้ง 5 องค์ คือ พระมหาปราสาทเถระ พระจุลปราสาทเถระ พระมหารัตนเถระ พระจุลลรัตนเถระ และพระสังขวิชชเถระ

ผู้เป็นศิษย์ของพระอรหันต์ชาวเมืองราชคฤห์ทั้ง 3 คือ พระพุทธรักขิตเถระ พระธรรมรักขิตเถระและพระสังขรักขิตเถระ ที่หมื่นกางโฮง พร้อมด้วยชาวเมืองหล้าหนองคายได้ฐาปนาไว้แล้ว ณ วัดโพธิ์ชัยแห่งนี้

ด้วยเศียรเกล้า ด้วยการบูชานี้ ขอความสุขสวัสดีมีความเจริญงอกงามและไพบูลย์เป็นต้น จงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเทอญ...”

เชื่อไม่เชื่ออย่างไร เชิญ...พิสูจน์ศรัทธากันได้ด้วยตัวเอง.

      รัก-ยม



ขอบคุณภาพและเนื้อหา
http://www.thairath.co.th/content/901762#cxrecs_s
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ