สำหรับท่านที่สอบถาม เรืองอาการป่วยของฉัน ต้องขอบคุณทุกท่านที่สอบถามกันมา ในแชทกันหลายท่าน ก็ขอตอบตรงนี้ ในสถานการณ์ ของ อัตภาพฉัน ในขณะนี้ว่า
อาการทรงตัวอยู่
1. เลือดไหลจากคอหยุดแล้ว
2. มีอาการความดันสูง ปวดหัวตรงขมับด้านซ้าย และ ซีกซ้ายดู ๆ จะไม่ค่อยทำงาน บางครั้งไม่มีแรงยกของ แก้วภาชนะแตกไปหลายใบช่วงนี้ ความดันวัดล่าสุด 360 - 410 หมอบอกว่า เกณฑ์ระดับ ช๊อค ( เข้าใจ อยู่ )
3. มีอาการปวด ใต้ซี่โครงขวา ปวดจี๊ดตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นหลังทานอาหารใหม่ ๆ จะปวดมาก ปวดเหมือนคนชกท้อง จุกเสียด แน่นหน้าอก ( อันนี้คือ นิ่วในถุงน้ำดี )
4. มีอาการปวดหลังเป็นพัก ๆ ( อันนี้คือ นิ่วในท่อปัสสาวะ และไต )
วิธีการรักษาขณะนี้
1. ทานยา ปฏิชีวนะ ซื้อเอาไปตามอัตภาพ
2. ใช้อำนาจสมาธิ ข่ม เวลาปวดมาก ๆ ก็เข้าสมาธิแทน
3. พักผ่อนด้วย เนสัชิกธุดงค์ แบบไม่สมาทาน คือ ไม่นอน นั่งหลับ เอา
4. ดื่มน้ำมาก ๆ
โดยรวม ทรงตัวอยู่ได้ แต่ต้องระวัง เนื่องด้วย อาการความดันสูง เป้นไปตามอายุ และ ลักษณะร่างกายเดิม คือ อ้วน
ก็คิดว่า อีกสักพักก็คงไป รักษาที่ รพ. ที่ดูแลเราจริง ๆ แต่เนื่องด้วยความเป็นพระ และ ร่างกายยังไม่ปกติ จึงต้องรักษาในที่ใกล้ ๆ สะดวกกอ่น ถึงแม้ว่า การดูแลจะยังไม่ดี
สิ่งสำคัญเราไม่โทษ โลกภายนอกว่า เขากระทำไม่ดีกับ เราไม่ค่อยดูแลรักษาเรา แต่เป็นเพราะว่า เรายอมรับสถานะ ความเป็นพระ หากหมอดูแลเราเท่านี้ ก็ยอมรับตามนั้นเพราะว่า เราไปรักษาใน รพ.รัฐ ในฐานะ พระ ที่รับการรักษาฟรี บางครั้งหมอใช้วาจาไม่ค่อยดี กับ ฉันหลายครั้ง และหลายครั้ง ก็แทบจะไม่ได้ดูอะไรเลย บางครั้งไปนั่งรอ ทั้งวันไม่ได้ยากกลับมา หมอติดประชุม ละการตรวจรักษา ก็มี ( อันนี้ไม่ได้ว่า หมอ) แค่บอกว่าเข้า ใจ และยอมรับ เงื่อนไข ในการเข้ารักษา ใน รพ.รัฐ ขณะนี้
ดังนั้นก็ตอบโดยรวม เพราะว่าหลายคนอยากรู้ว่า ธัมมะวังโส จะไปหรือยัง ( คงตอบได้สั้น ๆว่า ใกล้ แล้ว )
ดังนั้นถ้าใครคิดถึงกัน ก็ขอให้ คิดถึงกันในทางที่ดี โลกนี้ไม่เที่ยง ฉันก็อาจจะไปได้ทุกเมื่อ ที่จะไปคือโรคความดัน อันนี้ค่อนข้างจะชัดเจน ดังนั้นวันหนึ่งคืนหนึ่ง ที่มีโอกาสทำภาวนาได้ ฉันจึงให้เวลาในการภาวนา อบรมจิตมากที่สุด เพราะว่า เวลาข้างหน้าฉันไม่รู้ ว่า จะได้อยู่คุยกับใครไหม หรือ อาจจะต้องนอนเป็นอัมพฤต อัมพาต อย่างที่หมอทำนายบอกไว้ว่า มีโอกาส 95% ที่จะเป็นอย่างนั้ ถึงแม้มันจะหน้าหนักใจอยู่บ้างแต่ ฉันคิดว่า ฉันอบรมจิตไว้ดีแล้ว อะไรมันจะเกิด หรือ เป็นไปก้ยอมรับตอนนั้น
หลายคนคิดว่าฉันไม่รักตนเอง ไม่ยอมไปหาหมอ เสียที ก็ไปมาหลายครั้งแล้ว ไปจนน่าเบื่อ เพราะหมอบอกว่า ให้ดูแลตนเอง ระวังอาหาร ที่บอกมานั้นมันทำไม่ได้ อาหารก็ต้องมีตามได้ เพราะว่าฉันไม่ได้ทำงานไม่ได้มีเงินมาก บิณฑบาตรไม่ได้ ซื้อฉันก็ต้องประหยัดไม่ให้เป็นภาระใครมาก จะไปโทษใคร นี่คือสิ่งที่ฉันเลือก เพราะเลือกมาเป็นพระ ในเพศบรรพชิต เตรียมตัวไว้แล้วว่าจะต้องลำบาก
ดังนั้นอาการป่วยของฉัน ก็ให้เป็นเรื่องฉันบริหารก่อน ถึงเวลาก็จะไปรักษา ที่เขาดูแลเราดีเอง แต่ตอนนี้ยังมีภาระกิจอีกนิดหน่อย ประกอบกับสุขภาพ เรือ่งความดันต้องระวังอยู่ จึงเดินทางไปไหนไม่ได้
ขอบคุณที่คิดถึงกัน