พิมพ์

[ธัมมะวังโส]

ถาม เราทำกรรมไม่ดีไว้ ถ้าทำบุญสร้างบารมี จะทำให้กรรมนั้นหายไหม ครับ / คะ
ตอบ กรรมที่ทำไปแล้ว ย่อมมีวิบากเป็นที่สุด คืออย่างไรก็ต้องรับผลกรรม ดังนั้นไม่มีใครหนีกรรมไปได้
แล้วบุญบารมีจะช่วยอะไรได้
บุญบารมี ช่วยได้ และช่วยได้มาก การสร้างบุญบารมี ก็เหมือนสร้างภูมิคุ้มกัน เหมือนเกราะป้องกันตัว
ดังนั้น ถ้าเราสร้างบุญไว้ดี เวลากรรมไม่ดี มาสนองนั้น ก้เหมือนหักล้างกันไป ที่จริงไม่ใช่หักล้าง แต่เพราะว่าภูมิคุ้มกัน เกราะ นั้นดีพอที่จะต้านทานได้
วิบากไม่ดี เหมือนไฟตามพื้น
บุญบารมี ก็เหมือน รองเท้า ชั้นยอด หรือ เป็นสะพานผ่านไปได้ นี่คือ อำนาจบุญบารมี แต่อย่างไร สิ่งไม่ดี วิบากไม่ดี ก็ต้องมีผลอยู่บ้าง
ดั่งพระพุทธเจ้า ใกล้ปรินิพพาน พระองค์ทรงกระหายน้ำ ให้พระอานนท์ไปตักน้ำ มาให้ดืม แต่พระอานนท์ต้องลงไปเอา สามครั้ง ในครั้งที่ 3 จึงได้ แต่วาระ เวลา มันนานขึ้น
นี่ขนาดพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ต้องรับกรรม เช่นกัน
เป็นพระอรหันต์ แล้ว ก็ต้องรับกรรม
จะเป็นใคร ก็ไม่พ้นกรรม
แต่จะให้กรรมที่ กลับมานั้น ต้านทานได้ ก็ต้องสร้างบุญบารมี ให้ทันกัน
พระเจ้าอชาตศรัตรู หลงกระทำกาละ เพราะฆ่า พระบิดา ( พระเจ้าพิมพิสาร )
แต่ อย่างไร ก็สำนึกผิด มาทำนุบำรุงพุทธศาสนา ในบั้นปลาย พระพุทธเจ้า ไม่ได้เสือกใสว่า เธอทำ ปิดุฆาตแล้ว จะสร้างบุญบารมีไม่ได้
ดังนั้นการ สร้างบุญบารมี ไม่ใช่ไปทำให้กรรมที่สร้างไว้ไม่ดีหายไป แต่เป็นการสร้างเกราะ รับกับกรรมที่จะเกิด ต่างหาก
การได้ทำบุญ สร้างกุศล กับพระอริยะ
จึงเป็นเกราะชั้นเลิศในปัจจุบัน
เจริญพร

[ธัมมะวังโส]

หลายคนไปมองว่า กรรมชั่วส่งผล กรรมดีไม่ส่งผล ที่จริงไม่ใช่ กรรมทั้งสองอย่างให้ผลพร้อมกัน เพียงแต่ว่า กรรมตัวไหนจะเยอะกว่า ตัวไหนจะน้อยกว่า

ยกตัวอย่าง เรื่องในพระสูตร

ยิงปั้นดิน ไม่พอใจ พระบิณฑบาตร ทีมาขอดิน ตอนยุ่งๆ ระหว่างนั้นก็เลยทำหน้าตาไม่พอใจ ผลกรรมตรงนั้น ส่งผลให้เกิดมีรูปหน้าตาอัปลักษณ์
ในขณะเดียวกัน บุญที่ได้ใส่ดินถวายตามที่พระขอ ก็ส่งผลให้มีสัมผัสพิเศษ ถ้าหากบุรุษได้กระทบถูกตัว จะเหมือนต้องมนต์ หลงรัก ทำให้ ผู้ครองเมืองสามเมืองรบราฆ่ากัน แย่งเป็นสามี ผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์

[ธัมมะวังโส]

ยกตัวอย่าง พระสูตร อีกเรื่องหนึ่ง

หญิงชาวบ้าน ปกติไม่เคยไปวัดไปวา ไม่สนใจหลักธรรมเท่าไหร่ มาวันหนึ่ง นึกอยากจะไปสักการะ พระธาตุเจดีย์ ไม่มีเงินซื้อดอกไม้ เลยเดินไปในสวนตน เห็นดอกบวบขมสีเหลือง จึงเข้าไปหยิบดอกนั้นด้วยจิตจะนำไปสักการะ ขณะนั้นงูที่อยู่ตรงนั้นได้ ฉกกัดเธอ เสียชีวิตทั้งที่ถือดอกบวบขม พระพุทธเจ้าตรัสตอบภิกษุว่า หญิงชาวบ้านนี้ ได้เกิดอยู่ในวิมาน สีเหลือง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีเหลือง ด้วยอำนาจจิตก่อนตายต้องการถวายสักการะ ด้วยดอกบวบสีเหลือง ขณะทีตายก็ถือดอกบัวอยู่ และมีจิตจะถวายสักการะ อยู่ ไม่ได้เกรงกลัวต่อความตาย ขณะนั้น จึงได้ไปสุคติ เพราะกัมมชรูป ที่เป็นกุศล อย่างนี้

[ธัมมะวังโส]

เป็นคนมีศีล ก็เกิดเป็นมนุษย์
ทำร้ายบุพพการีก็ส่งผลให้เกิด พิกลพิการ
ขัดขวางการทำบุญสร้างทาน ผู้อื่น ก็เกิดมาฐานะยากจน ข่นแค้น
ผลบุญและผลบาปให้ผลพร้อมกัน เสมอ ๆ ไม่ใช่ให้ผลตัวเดียว

[ธัมมะวังโส]

คนส่วนใหญ่ เลือกจะให้ความรู้ ไม่ค่อยสร้างทานเวลาเกิดมาภพใหม่ ก็เกิดมาเป็นคนฉลาด แต่ยากจน ขาดโอกาส
คนส่วนน้อย เลือกจะให้ทาน พอเกิดมาร่ำรวยแต่ไม่ได้พบ พระธรรมคำสอน
คนที่น้อยที่สุด เลือกจะให้ความรู้ และให้ทาน จึงเกิดมาสมบูรณ์ ทั้งสองอย่าง

[ธัมมะวังโส]

 เวร กรรม มีรูปแบบ ตายตัว ไม่ได้ซับซ้อน
เรา ฆ่าเขา เขาก็มา ฆ่าเรา
ผลัดกันไปมา จนกว่า จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงวิมุตติธรรมก่อนก็จะยุติ

พระอหิงสกะ ( องคุลีมาล ) ก่อนจะฆ่าคนเป็น พัน คนที่ถูกฆ่า ก้เคยฆ่าเขามาก่อนเช่นกัน ( ไปอานพระสูตร เอา ) ดังนั้นพอมาชาติปัจจุบัน ก็มาถูกฆ่าเช่นกัน กงกรรม กงเกวียน เป็นสิ่งที่คู่กับมนุษย์

ไม่อยากทุกข์ ก็คือไม่ต้องเกิด
ไม่อยากเกิด ก็ต้อง ภาวนาธรรม
ภาวนาธรรม ง่าย ๆ ก่อนก็คือ พุทโธ พุทโธ
ถ้าที่สุด ก็คือ อรหัง อรหัง อรหัง

เจริญพร

[ธัมมะวังโส]

บุญบารมี ที่สร้างใหม่ หรือกระทำมาแล้ว ก็เหมือนชุดป้องกัน แต่ไม่ใช่ว่า มีชุดป้องกันแล้ว จะไม่เจ็บ หรือ จะไม่ตาย นะทั้งหมดนั้น ก็ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง

ดังนั้น การที่ไม่มีชุดป้องกัน วิบากชั่วเลยนั้น มันจะลำบาก นะ

[ธัมมะวังโส]

ดังนั้น คนที่ไม่รู้จัก สร้างกรรมดี ทาน ศีล ภาวนาที่ดี ก็คือคนที่ไม่มีชุดป้องกัน คนที่เว้นจาก การให้ทาน พระอริยะ และไม่ทรงศีล ไม่ภาวนา ก็คือคนที่ไม่มีเกราะป้องกัน

[PRAMOTE(aaaa)]

ขออนุโมทนาสาธุ