ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "ในหลวงทรงถาม หลวงตามหาบัวตอบ" เปิดบันทึกบทสนทนาธรรมครั้งประวัติศาสตร์  (อ่าน 1349 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29352
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0






"ในหลวงทรงถาม...หลวงตามหาบัวตอบ" เปิดบันทึกบทสนทนาธรรมครั้งประวัติศาสตร์ ณ วัดป่าบ้านตาด.!!

พระราชปุจฉาวิสัชนาธรรมระหว่าง "ในหลวง" กับ "หลวงตามหาบัว"

เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปกราบนมัสการหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เพื่อนิมนต์เชิญหลวงตามหาบัวไปงานพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง

ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปุจฉาวิสัชนาธรรมกับหลวงตามหาบัว ซึ่งพระอาจารย์ภูสิต ขันติธโร (พระอุปัฏฐากของหลวงตามหาบัว) เป็นผู้บันทึกจากความทรงจำ ดังนี้

ในหลวง :  หลวงปู่ครับ "สาวกภูมิ" กับ "พุทธภูมิ" ต่างกันอย่างไร?

หลวงตามหาบัว :  พุทธภูมิก็เหมือนดั่งเรานั่งรถไฟ นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ หรือนั่งรถไฟไปอุดรฯ นั่นแหละ...พุทธภูมิ  แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมา หรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไป นั่นแหละ...สาวกภูมิ  เพราะฉะนั้น  การเป็นพุทธภูมิก็คือการนำคนไปได้เยอะๆ  ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ ๑ คน หรือ ๓-๔ คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ  เข้าใจไหมล่ะ...พ่อหลวง



ในหลวง :  เข้าใจแล้วหลวงปู่...  แล้ว "นิพพาน" เป็นอย่างไรนะ...หลวงปู่?

หลวงตามหาบัว :  อ้อ...พ่อหลวง  เหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ  รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน  อยู่บนกุฏินี่เหรอ  วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ  แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ  แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด  แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด  นี่แหละ...พระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน

ในหลวง :  ขอบารมีหลวงปู่ช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (*ในช่วงเวลานั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่*)

หลวงตามหาบัว :  พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ ขอเองได้ จัดการเอง ... อาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก

ในหลวง :  เอาล่ะ... ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้ว  หลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม?

หลวงตามหาบัว :  การเป็นพุทธภูมิ สร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว  พระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ ๕ คือ  ตอนเช้าบิณฑบาต  ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป  ตกเย็นสอนนักบวช สมณชีพราหมณ์  ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา  พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดู รีบไปโปรดก่อน  พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า  เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ ๕ อย่างนี้  แต่...ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน ... เอาล่ะๆ อาตมาจะให้พร



ที่มา : บันทึกบทพระราชปุจฉาเนื่องในพระราชวโรกาสเสด็จพระราชดำเนิน ณ วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ (นิตยสาร "น่านฟ้า" ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
http://www.tnews.co.th/contents/200290
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7292
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ