ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำปานะทรงเสวยของสมเด็จพระสังฆราช กับเรื่องสำคัญที่คนทำบุญต้องรู้ การถวายน้ำปานะ  (อ่าน 1813 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



น้ำปานะทรงเสวยของสมเด็จพระสังฆราช! กับเรื่องสำคัญที่คนทำบุญต้องรู้!! ถวายน้ำปานะแด่พระภิกษุ ทำอย่างไรจึงถูกต้อง

ในเพจ ป๊อปวัดบวร ได้โพสเรื่องเกี่ยวกับน้ำปานะไว้น่าสนใจดังนี้

ภาพในอดีตที่ได้เห็นแล้วต้องให้นึกถึงวันเก่าที่เหมือนจะพึ่งผ่านมาไม่นาน หลังจากที่ทรงรับแขก และเสวยพระกระยาหารในช่วงเช้าแล้วเสร็จ จะทรงพักผ่อนอยู่ที่ชั้นล่างของตำหนักคอยท่าปราโมช ช่วงเวลาเที่ยงของทุกวัน ลูกศิษย์จะยกน้ำปานะขึ้นไปถวาย พระองค์ท่านจะทรงเสวยน้ำมะม่วง ๑ แก้ว น้ำชา ๑ แก้ว น้ำมะม่วงจึงเป็นน้ำปานะที่ทรงเสวยอยู่ในทุกวันหลังช่วงเที่ยง

โยมอุปัฏฐาก ได้ซื้อเครื่องแยกกากผลไม้มาเพื่อคั้นน้ำผลไม้แยกกาก สำหรับถวายพระองค์ท่าน สมัยนั้นเจ้าเครื่องแยกกาก ที่เมืองไทยยังไม่มีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยสำหรับเด็กวัดที่จะได้เล่นกันทุกวัน ไม่เคยมีใครสงสัยว่าทำไมจึงต้องแยกกาก แค่สนุกไปกับการได้เล่นนวัตกรรมชิ้นหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในห้องครัว วัดบวรนิเวศวิหาร จนกระทั่งได้รับการสอนว่า น้ำปานะ ในบัญญัติต้องไม่มีกาก และตอนฉันนั้นพระต้องนั่งเพื่อสำรวม ไม่เดิน ไม่ยืนฉัน

น้ำปานะ คือ เครื่องดื่มที่คั้นจากลูกไม้ หรือ น้ำคั้นผลไม้ จัดเป็น "ยามกาลิก" คือ ของที่พระภิกษุสงฆ์รับประเคนไว้แล้ว

@@@@@@

ฉันในช่วงหลังเที่ยงไปได้ทั้งวันทั้งคืนก่อนรุ่งเช้า ผู้บัญญัติให้เกิดมีการดื่มน้ำปานะขึ้นเป็นท่านแรกคือ “เกณยชฎิล” ปรากฏหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกพระวินัย เล่มที่ ๕ ข้อที่ ๘๖ ว่า พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตน้ำปานะ หรือน้ำดื่ม ๘ ชนิด คือ

    ๑. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลมะม่วง 
    ๒. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลหว้า 
    ๓. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลกล้วยมีเมล็ด
    ๔. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลกล้วยไม่มีเมล็ด 
    ๕. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลมะซาง 
    ๖. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลจันทน์ หรือผลองุ่น
    ๗.น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลเหง้าบัว 
    ๘. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลมะปราง หรือผลลิ้นจี่

    - และทรงอนุญาตน้ำผลไม้ทุกชนิด   ยกเว้นน้ำต้มเมล็ดข้าวเปลือก   และผลไม้ที่มีผลใหญ่กว่าผลมะตูม หรือผลมะขวิด
    - น้ำใบไม้ทุกชนิด   น้ำผักดอง น้ำดอกไม้ทุกชนิด  เว้นน้ำดอกมะซาง
    - และทรงอนุญาตน้ำอ้อยสด เว้นผลไม้ที่มีผลใหญ่กว่าผลมะตูม หรือผลมะขวิด

    วิธีทำก็ต้องคั้นเอาแต่น้ำ และกรองให้ไม่มีกาก จะทำให้สุกด้วยแสงอาทิตย์ก็ได้ แต่ห้ามผ่านการสุกด้วยไฟ
    สรุปได้ว่า  ในเวลาวิกาลพระท่านสามารถดื่มน้ำผลไม้ได้ทุกชนิด


    @@@@@@

    น้ำที่ห้ามพระสงฆ์ดื่มในยามวิกาล

    - น้ำจากมหาผล คือ ผลไม้ใหญ่ ๙ ชนิด คือ ผลตาล ผลมะพร้าว ผลขนุน ผลสาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไทย แตงโม และฟักทอง
    - น้ำที่ได้จากธัญชาติ ๗ ชนิด มี ข้าวสาลี ข้าวเปลือก หน้ากับแก้ ข้าวละมาน ลูกเดือย ข้าวแดง ข้าวฟ่าง
    - น้ำที่ได้จากพืชจำพวกถั่ว มีถั่วเขียว ถั่วเหลือง เป็นต้น
รวมถึงน้ำนมสด ก็ไม่จัดเป็นน้ำปานะ เพราะนมสดถือเป็นโภชนะ (คืออาหาร) อันประณีต ไม่ควรดื่มในเวลาวิกาล

    - ส่วนโภชนะอันประณีตอีก ๕ อย่าง คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย แม้จะเป็นอาหาร แต่ก็เป็นเภสัช คือ ยาด้วย พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ฉันได้ทั้งในกาลและวิกาล คือฉันได้ไม่จำกัดเวลา
    - มาถึงตรงนี้แล้ว ก็เป็นอันเข้าใจได้เลยว่า ทั้งนม, น้ำเต้าหู้, นมถั่วเหลือง, โอวัลติน กาแฟ ไม่จัดว่าเป็นน้ำปานะ
    ฉะนั้นจะจัดน้ำปานะถวายพระก็ต้องระวังกันด้วยนะครับ เดียวจะบาปไม่รู้ตัว



ที่มา FB :เพจป๊อปวัดบวร และ FB หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives ได้แชร์รูปภาพของ Sommai Thammachai
เรียบเรียงโดย ไญยิกา เนื่องจำนงค์ : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/339479
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ 

รู้สึกยินดี

ที่ได้รับทราบ ครับ

....คราที่ ครูเคย  พาไปเที่ยว ถ้ำพระอรหันต์

ลพบุรี

  เค้ามีน้ำปานะ  หม้อใหญ่เชียว

  ครานั้นใกล้จะค่ำแล้ว



  ผมได้ชิม  ปานะ แก้วหนึ่ง


มีพระปฏิบัติธรรม  ออกมาเสวนาธรรม

ดื่มฉันปานะ

  ญาติโยมก็มีมาก

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2017, 08:57:58 pm โดย PRAMOTE(aaaa) »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา