ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มาได้อย่างไร..ปาฏิหาริย์ "เจ้าคุณนรฯ" พอคุณหญิงนึกอยากได้พระ อยู่ๆก็มาเอง  (อ่าน 1183 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เจ้าคุณนรฯ


มาได้อย่างไร..ปาฏิหาริย์ "เจ้าคุณนรฯ" แม้ละสังขารไปนาน พอคุณหญิงนึกอยากได้พระ อยู่ๆก็มาเอง จีวรก็มาเอง และยังยาวขึ้นได้อีก...

ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ได้พบ โดยทองทิว สุวรรณทัต
หนังสือพระธาตุปาฏิหาริย์ อภินิหารเจ้าคุณนรฯ ภิกษุพระยานรรัตน์ราชมานิต


ตอนนั้น ท่านเจ้าคุณนรฯ มรณภาพแล้ว ก็ยังไม่ค่อยรู้จักท่าน ทั้ง ๆ ที่ญาติพี่น้องก็รู้จักท่านกันอย่างดิบดี เพราะญาติผู้ใหญ่ของดิฉันท่านหนึ่งที่ดิฉันเรียกท่านว่า “หลวงอา” ท่านบวชอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ฯ ท่านเป็นนักเรียนนอกมาก่อน เป็นนักเรียนอังกฤษ แล้วท่านก็มาบวช

ท่านมีความเคารพท่านเจ้าคุณนรฯ มาก ก็บอกให้หลาน ๆ ทุกคนไปกราบ พี่น้องเขาก็ไปกราบหมด มีดิฉันคนเดียวที่ไม่ยอมไปกราบท่าน เมื่อไหร่ไปกราบก็ได้ จนกระทั่งท่านมรณภาพไป คนเขาก็ตื่นเต้นฮือฮาท่าน ก็มีเหรียญมีอะไรของท่านที่เขานับถือ

@@@@@

อยู่มาวันหนึ่ง ก็ไปอ่านประวัติท่าน ตอนนั้นอยู่สภานิติบัญญัติค่ะ เสร็จจากงาน หลังจากที่ทำงานมาอย่างหนักแล้ว ดิฉันเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณด้วย อยู่ดึกๆ ดื่นๆ กันตลอด แล้วก็ต้องอ่านงานมาก

เช้าวันนั้น จำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ ขอตื่นสายสักวันเถอะ แต่ตอนนั้นตื่นแล้ว ยังไม่อยากลุกขึ้น ก็คว้าหนังสือจากหัวเตียงมา จะเป็นหนังสืออะไรได้ขออ่านก่อน กลายเป็นหนังสือเจ้าคุณนรฯ ซึ่งไม่เคยได้อ่านเลยวันนั้นก็อ่านไปพลิกอ่านอยู่ตอนหนึ่งว่า ท่านนั่งภาวนาตั้งแต่๖ โมงเย็นถึง ๖ โมงเช้าโดยไม่หลับ

ดิฉันก็นึกว่า เอ๊ะ.! นั่งได้อย่างไรคนเรา.? เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่ามีพระอย่างนี้ทำได้

พระองค์นี้ท่านต้องมีศีลบริสุทธิ์ซี.! ตอนนั้นเราไม่ค่อยศรัทธานะ เพราะเคยเห็นพระพูดเล่น บางทีล้อสีกา หรือบางครั้งเคยเห็นพระหัดเต้นรำ

@@@@@

ผู้เขียน : เคยเห็นพระหัดเต้นรำหรือครับ.?
คุณสุรีพันธุ์ : ค่ะ พระหัดเต้นรำสเต็ปใหม่ๆ ดิฉันก็เลยไม่รู้สึกศรัทธาท่าน แต่เมื่อมาอ่านประวัติเจ้าคุณนรฯ ก็นึกว่าพระท่านอย่างนี้มีนะ.!...ท่านมีศีลบริสุทธิ์น่าเคารพนะ แหม.! ทำอย่างไรเราจะได้พระของท่านสักองค์ แต่นึกในใจว่าป่านนี้คงไม่ได้แล้ว คงหมดแล้ว ใครๆ คงแย่งกันตาย เพราะตอนที่เราคิดนี่มันปี ๑๗ แล้วนะคะ. เสร็จแล้วก็นึกตัดใจว่าไม่เอาแล้ว เลิกกัน

ไปล้างหน้า พอล้างหน้าออกมา แต่งตัวหน้ากระจก มองเห็นโถแก้วที่ใส่สำลีสำหรับเช็ดเครื่องสำอาง จะหยิบขึ้นมาเช็ดมองเห็น เอ๊ะ.! ในนั้นมีอะไร.? มีพระอยู่ตั้งหลายองค์ แต่ที่ประหลาดอยู่ที่องค์หนึ่ง ที่แปลกใจเพราะเป็นเหรียญ ก็หยิบขึ้นมาดู มองดูหน้าไปมา เหรียญสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) พ.อ.ฆ.(ไม่ใช่เหรียญที่คุณหญิงได้รับ)

@@@@@

เอ๊ะ.! นี่เหมือนกับที่เรานึกเมื่อกี้นี้นี่ ดูลักษณะหน้าตาเหมือนหมด.! เขียนว่า พ.ฆ.อ.

ดิฉันก็วิ่งไปถามลูกว่า ใครเอาอะไรมาไว้ที่นี่ ดิฉันหลุดมาคำว่า เอ! ทำไมเหมือนในหนังสือนี่ เหมือนอย่างที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านเสก ที่เราอยากได้สักองค์แต่นึกว่าคงไม่ได้

เอ๊ะ.! นี่เหมือนที่แม่นึกอยากจะได้นี่ แต่ตัดไปแล้ว เราไม่เอาแล้ว พระอื่นก็มี มีพระสมเด็จ พระอะไร ๆ มาหลายองค์เลย

@@@@@

ผู้เขียน : มาพร้อมกัน.?
คุณสุรีพันธุ์ : ค่ะ.มาหลายองค์เลย ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นของแปลก นึกว่าเรามีกันอยู่เสมอ ถ้าใครอยากได้ ก็คงจะตกลงมาให้อย่างนั้น แต่ตอนนั้นยังสงสัยว่าปลอมหรือเปล่า ยังสงสัย ก็วิ่งไปทาบรุ่นกับเขา จนต้องไปกราบหลวงอาให้ท่านดู ท่านก็บอกว่าใช่

แล้วหลวงอาบอกว่า ที่ท่านเสกอย่างนี้มีพระกริ่งอีกนะ เราก็บ่นว่า แล้วทำไมเราไม่ได้พระกริ่งอีกล่ะ แล้วพระกริ่งก็มาอีก.!




ผ้าจีวรท่านเจ้าคุณ

ต่อสู้ที่โต๊ะหมู่บูชา มีผ้าบางๆ ขยำๆอยู่ ก็คลี่ออกมาดู รูปร่างเหมือนจีวร ฉีกมาเป็นชิ้นๆ แต่มีรอยขยำๆ ดิฉันก็กำมาถามใครต่อใครว่ามีใครหยิบเอามาวางไว้ ก็ไม่มีใครรู้ ตอนนั้นกำลังดูทีวี ดิฉันก็ยังกำผ้าอยู่ในมือ ปรากฏว่า เหมือนมีอะไรมาดูด ผ้านั้นเต้นได้.!

ดิฉันก็ตกใจว่าอะไรกันนี่ ? ผ้ามาดูดเรา ก็ให้วิลาศจับ ไม่เป็น พอเราจับ ก็เป็น ก็วิ่งไปซักหลวงอา

หลวงอาว่าเรื่องนี้ประหลาด แต่ใจนั้นคิดว่าเป็นของท่านจ้าคุณนร ฯ
หลวงอาก็แนะนำให้ไปถามคุณตรึก น้องชายท่านเจ้าคุณนรฯ ดิฉันก็ตามจนหาได้ว่าน้องชายเจ้าคุณนรฯ อยู่ที่ไหน ก็โทรศัพท์ขอนัดพบคุณตรึก

@@@@@

พอพบแล้วก็วางผ้าสามผืนให้ดู คุณตรึกก็บอกว่า
อันนี้จีวรเจ้าคุณพี่.! อันนี้สบงเจ้าคุณพี่.! อันนี้อังสะเจ้าคุณพี่.!

ดิฉันก็ถามว่า ทำไมมันฉีกเป็นชิ้นๆ อย่างนี้ล่ะคะ.?
ท่านก็บอกว่า ของพรรค์นี้ท่านเจ้าคุณนรฯ ฉีกบ่อย ท่านประหยัดมาก การที่จีวรกะดำกะด่างก็เพราะท่านจะใช้ของอย่างคุ้มค่าเลย แล้วท่านจะฉีกของเหล่านี้แทนเชือกห่อของกลับมาส่งที่บ้าน

แล้วคุณตรึกถามว่า ดิฉันได้มาอย่างไร ก็เล่าให้ท่านฟังว่าอยู่ดีๆ ก็มาปรากฏบนพานที่โต๊ะหมู่บูชา ท่านก็ว่า เออ...แปลก.! แต่ท่านก็แบ่งให้ทุกอย่างจนครบ

@@@@@

ยาวได้อย่างน่าอัศจรรย์

ทีนี้ความอัศจรรย์ต่อไปคือผ้าของท่านทั้งสามผืนนี้ ดิฉันวัดไว้ว่ายาวเท่าไร ใคร ๆ ก็ขอดูกันใหญ่ เราก็เอามาให้ดู เพราะเราวัดไว้นี่ วันหนึ่งผ้าผืนที่สั้น ยาวไปอีกราวสองเซนติเมตร ผ้ายาวออกไป คุณทองทิวก็รู้ว่านักบัญชีนี่ทำอะไรต้องจดสถิติ ดิฉันก็ว่า

เฮ้อ.! ยาวออกมาแค่นี้ ไปเล่าไห้ใครฟังก็ไม่เชื่อ เก่งจริงยาวให้อีกคืบซี.! ท่านก็ยาวออกมาอีกคืบหนึ่ง ดิฉันถึงกับไหว้ท่าน ต่อจากนั้นก็มีอะไรต่ออะไรมาอีก




เริ่มปฏิบัติธรรม

ผู้เขียน : อยากทราบตอนปฏิบัติธรรม
คุณสุรีพันธุ์ : ตอนที่ถึงระยะการปฏิบัติธรรมนี่ คุณหมออวยบอกว่า คุณสุรีพันธุ์ควรจะทำสมาธิภาวนาได้แล้ว ก็ถามท่านว่าทำอย่างไรกันคุณหมอ.?

ท่านก็บอก เขาก็นั่งสมาธิกันน่ะซี
ก็บอก อุ๊ย.! ดิฉันไม่ทำหรอก ไม่ดี เขาบอกคนทำประเดี๋ยวเป็นบ้า คุณหมออวยแนะนำดังนี้แล้วก็แล้วกันไป

วันประชุมวันนั้นเป็นวันศุกร์ สมัยนั้นมีการประชุมสองวัน วันพฤหัสบดีกับวันศุกร์ ที่พบคุณหมออวยวันนั้น ท่านพูดมาอีกคำหนึ่งว่า อย่าไปกลัวอย่างนั้นซีครับ ให้อธิษฐานซิว่า ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงาม อ้ายที่น่ากลัวอย่าไปพบ แต่เราก็ยังไม่เชื่อ

คืนนั้นดิฉันก็ทดลองทำ พอวิลาศเขาลุกขึ้นไปเขียนหนังสือตอนตี ๔ กว่า ๆ ดิฉันก็ลุกขึ้นมาลองนั่งปลายเตียง ก็ลองมานั่งดู ไม่รู้ว่านั่งอย่างไร

เอ๊ะ.! มันก็สนุกดี มันเหมือนกับตัวหมุนไป บางทีตัวมันก็พองลอยๆ แต่เมื่อนั่งนานมันก็ร้อน ก็นึกในใจ ขอลมหน่อย ขอลมหน่อย เสื้อก็ปลิวเหมือนมีอะไรมาพัดให้เราเย็นสบาย เอ๊ะ.! นี่ก็สนุกดี

@@@@@

ผู้เขียน : ตอนนั้นคุณสุรีพันธุ์ใช้คำภาวนาอะไร.?
คุณสุรีพันธุ์ : ตอนนั้นก็คิดเหมือนกันว่าจะใช้อะไรดี เขาพูดกันว่า ใช้ พุท-โธ
คำว่า พุท-โธ นี่ คนเขาร้องกันว่า พุทโธ่.! ดิฉันก็ยังไม่รู้จัก ดิฉันบอกไม่ได้น่าเกลียด
แล้ว “อะระหัง” นี่เราก็ได้ยินกันว่า คนจะตายเขาบอกว่า อะระหัง เพราะฉะนั้นเราไม่เอา

เอ๊.! เคยได้ยินว่ามี พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เขาเรียก นะ โม พุท ธา ยะ ดิฉันก็ท่อง นะ โม พุท ธา ยะ ซึ่งยาว ที่จริงก็ผิด แต่เราไม่รู้ ดิฉันก็ใช้ เอ.! มันสบายดีนี่

พอไปทำงาน ดิฉันก็นั่งมาในรถ คราวก่อนนั่งในรถนี่ ดิฉันไม่ปล่อยให้เวลาเสียไป นั่งอ่านหนังสือ เซ็นหนังสือไป ประหยัดเวลาทุกอย่าง ด้วยการบ้างาน ทำแต่งาน ตอนนี้งานก็หยุด เราหัดนั่งภาวนาไปในรถ อยากจะดูอะไรในตอนนั้นมันง่ายหมดเลย อยากดูฉัพพรรณรังสีพระพุทธเจ้า ขอดูหน่อย อุ๊ย.! ก็เห็นสวยงาม อยากอะไรก็ดู

@@@@@

ทุกวันนี้ลองดูอะไรทุกอย่าง อยากดูแสง อยากดูอะไรก็มีอยู่เรื่อย จนถึงวันที่ไปประชุมสภาฯดิฉันเป็นกรรมาธิการตรวจรายงานการประชุม เขาประชุมกันสองโมงเช้า เราก็ต้องไปให้ก่อนหน้า เราประชุมเสร็จแล้วจะได้ไปทำงาน

ดิฉันให้ไปจอดรถที่ลานพระรูป ก่อนเข้าพระที่นั่งอนันต์ฯตอนนั้นสภาฯ อยู่ที่พระที่นั่งอนันต์ฯ ธรรมดาก่อนนี้ ดิฉันจะต้องเซ็นหนังสือในรถ ดิฉันก็ไล่คนรถออกไปได้ คุณผู้หญิงมาเร็ว จะเซ็นหนังสือ แต่ที่แท้วันนั้นไม่ได้เซ็นหนังสือ นั่งภาวนา ลองนั่งดู

เอ๊ะ.! ใครมาขย่มรถ จนรถนี้ยวบๆๆ ทีเดียว จนอดลืมตาไม่ได้ ไม่เห็นมีใครเลยในรถ คนรถไปยืนอยู่โน้น มีเราอยู่คนเดียว ในที่ใกล้ ๆ ไม่มีใคร มีเราอยู่คนเดียว ก็นึกว่า นี่มันอะไรกันนี่ มันหวั่นไหวจนรถเขย่าถึงขนาดนี้

@@@@@

พอวันรุ่งขึ้นประชุมสภาฯ ก็พบคุณหมออวย ดิฉันก็เล่าว่าที่คุณหมอแนะนำให้นั่งภาวนานั่นดิฉันลองดูแล้ว สนุกดี  ท่านก็ถามว่า อะไร.? สนุกยังไง.?

ดิฉันก็เล่าให้ท่านฟังว่า บางครั้งตัวเราเหมือนมีเดือยหมุนไป บางครั้งก็ลอย บางครั้งร้อนก็มีลมพัดมา ทำได้ทุกอย่าง อยากดูแสงก็ดูได้

คุณหมออวยก็ร้องว่า ตายจริง.! ผมทำมาตั้งสิบปียังไม่ได้อย่างนี้ นี่คุณทำมายังไม่ถึงอาทิตย์เลย ทำไมแปลกยังงี้ แล้วท่านก็ถามว่า คุณนั่งอย่างไร ก็นั่งให้ท่านดู ท่านก็ว่า เอ๊ะ.! ถูกนี่ โดยคุณไม่ได้ไปหัดจากใคร ไปเรียนจากใคร ดิฉันก็บอกไม่รู้ซิคะ ท่านก็ว่าเออแปลก.!

แต่ที่จริงแปลกนะ คุณทองทิว สิ่งที่ได้นี่เหมือนผู้ใหญ่เขาเอาขนมหวานมาล่อเด็กน่ะ คือเพื่อให้เราสนุกและสนใจ ตอนหลังๆ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป มันชวนให้เราดื่มด่ำในการทำ ทีนี้เราก็แอบทำตอนวิลาศออกไปเขียนหนังสือ บางทีใจมันก็นิ่ง บางทีมันก็เห็นขาวสว่างโพลง เราก็รู้สึก เอ.! มันสบายดีนี่



ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
http://www.dharma-gateway.com/ โดยศิษย์มีครู
เรียบเรียงโดยศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/350257
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ