ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สุราไม่ได้แปลว่าเหล้า  (อ่าน 1144 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สุราไม่ได้แปลว่าเหล้า
« เมื่อ: ตุลาคม 15, 2017, 07:10:48 am »
0


สุราไม่ได้แปลว่าเหล้า

ที่จริงเบียร์เหล้า เครื่องดองของเมาทั้งหลาย วางขายในร้านสะดวกซื้ออยู่แล้ว แต่เมื่อมีเบียร์สดกดปุ่มขาย...เบียร์สดก็เป็นฟางเส้นสุดท้าย บนหลังอูฐ อูฐออกท่าทนไม่ได้

ผมเห็นเป็นช่องคุยเรื่อง “ของเมา” เพราะความเมา เป็นเหตุของความประมาท พระพุทธเจ้าสอนว่า ความประมาทเป็นหนทางของความตาย แต่เมาเหล้าเมาเบียร์ แม้เป็นเหตุให้คนขับรถชนกันตาย เป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ไม่ทำให้คนตายได้มากเท่ากับการ “เมาอำนาจ”

อาการของคุณอึล เกาหลีเหนือ คุณทรัมป์ สหรัฐฯ เป็นอาการเมาแบบเข้าขั้น ถึงจุดสุดท้าย นิวเคลียร์ที่โบราณทำนายไว้ว่าเหมือนไฟประลัยกัลป์ จะล้างผลาญโลก การตายพร้อมๆกัน บึมเดียวโลกกลายเป็นจุล...ทุกสิ่งที่เคยยึดมั่นถือมั่น สูญเปล่า ว่างเปล่า กลายเป็น “อนัตตา” ในพริบตา ไม่ก่อความรู้สึกเท่ากับความตายแบบค่อยๆตาย ผลัดกันตาย

 :96: :96: :96: :96:

จะคุยกันถึงความตาย ความวินาศฉิบหายจากการเมาสุรา มารู้จักกำเนิดของสุรากันก่อน

ในกุมภชาดก เรื่องเล่าสมัยพระพุทธเจ้า...อดีตกาลนานมา พระเจ้าพรหมทัต ครองกรุงพาราณสี มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อ “สุระ” เห็นนกน้อยใหญ่ บินมากินน้ำที่โพรงบนคาคบต้นไม้ใหญ่ แล้วก็เมามายตกลงพื้นดิน สักครู่ เมื่อนกสร่างเมา มันก็ขยับปีกหางบินต่อไปได้ พรานอยากรู้ ปีนขึ้นไปดู เจอโพรงไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำ กลิ่นก็แปลก สีก็แปลก เอานิ้วจิ้มชิมดู รสซาบซ่านถึงใจ จึงเอากระบอกไม้ไผ่ ตักเอาไปลองดื่มกิน หมดแล้วก็ปีนขึ้นไปตักใหม่

วันหนึ่ง พรานเห็นนกเมาตกจากต้นไม้ ก็เอามาย่างกิน รสชาติไปกันได้ นกย่างจึงเป็นกับแกล้มเหล้า ชนิดแรกธรรมเนียมโลก ใครค้นพบสิ่งแปลกใหม่ ก็ให้ชื่อคนๆนั้น น้ำที่ว่านั้น จึงได้ชื่อว่า “สุรา” ดื่มเหล้าแกล้มนกย่างคนเดียวก็เหงา พรานจึงไปชวนฤาษีชื่อวรุณ ในอาศรมใกล้ๆดื่มเป็นเพื่อน ฤาษีดื่มแล้วคึกคักแจ่มใส เลิกจำศีลภาวนา หันมาช่วยกันคิดหาวิธีทำเหล้า

 :49: :49: :49: :49:

ส่วนผสมที่พบในโพรงต้นไม้ มีเมล็ดข้าวสาลี ผลไม้หลายอย่าง ก็เอาไปทดลองทำจนรสชาติเข้าที่ พรานกับฤาษีก็ทำขายให้ชาวเมือง เหล้าจึงได้อีกชื่อตามฤาษี ว่า “วารุณี” ถึงตอนนั้น เหล้าขายดี พรานป่าก็กลายเป็นอาเสี่ย ฤาษีก็กลายเป็น “หลวงเสี่ย” ขายได้ในเมืองนี้ แล้วก็ขยายตลาดไปเมืองโน้น และเมืองต่อๆไป

ถึงเมืองหนึ่ง พระราชา “พระเจ้าสัพพมิตต์ สองนายทุนเหล้า เข้าไปเสนอโครงการ ตั้งโรงกลั่นสุรา พระราชาเห็นช่องได้เงินจากภาษี ก็เห็นดีเอาด้วย การกลั่นสุรา ครั้งนี้เป็นงานใหญ่ หาส่วนผสมใส่ตุ่ม 500 ใบ ปิดฝามิดชิด

เมื่อน้ำหมักแปรสภาพเป็นน้ำเมา พวกหนูที่ก็ออกมากิน ต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาแมวมาผูกตุ่มไว้ตุ่มละตัว
ได้เวลาที่ฟองน้ำหมักเอ่อล้นปากตุ่ม แมวก็เลียฟองเหล้า แล้วก็เมาสลบไสล เห็นแมวนอนแน่นิ่ง พระเจ้าสัพพมิตต์เข้าพระทัยว่า สองนายทุนเหล้าวางแผนปรุงยาพิษฆ่าพระองค์ จึงสั่งจับพรานสุระกับฤาษีวรุน ประหาร ผลกรรมของเจ้าของโรงเหล้า ประเดิมขึ้นแล้ว

ฉากแรก เรื่องเหล้า...ถ้าจบแค่นี้ โลกก็คงไม่มีเหล้า แต่มีเหตุผลิกผัน แมวเมาเหล้าสร่างเมาฟื้น...เหล้าที่มองเห็นว่าเป็นโทษ ก็กลายเป็นคุณ เหล้าให้โทษแล้ว กลับเป็นให้คุณ แล้วต่อไปก็กลายเป็นโทษ แค่ไหน อย่างไไพระเจ้าสัพพมิตต์ จะกลับชาติมาเกิด เป็นเจ้ากรมสรรพสามิต คุมเรื่องเหล้าในชาตินี้หรือไม่ วันพรุ่งนี้ขออนุญาตเล่าต่อ.





สุราไม่ได้แปลว่าเหล้า (2)

ความเดิมจากกุมภชาดก พระพุทธเจ้าเทศนาให้นางวิสาขามหาอุบาสิกา ฟังครับ

หลังพรานสุระ และฤาษีวรุณ สองนายทุนโรงเหล้า ถูกพระเจ้าสัพพมิตต์สั่งประหาร ทรงเข้าใจว่า เป็นยาพิษทำให้แมวตาย เพราะเลียฟองน้ำหมักสลบไสล เหล้าจะดีจะร้าย แต่สองต้นคิดผลิตเหล้า ผลกรรมก็ตามทันตา

เรื่องเหล้าจบแค่นี้ไม่ได้ ไม่นานแมวเฝ้าตุ่มเหล้าก็ฟื้น พระราชารู้ว่าเหล้าไม่ใช่ยาพิษ ชิมแล้วรู้ว่าอร่อยชื่นพระทัย สั่งให้กระบวนการผลิตเหล้าในตุ่ม 500 ดำเนินต่อ ทรงเริ่มแผนโปรโมตใหญ่ หวังลูกค้าคือประชาชน สั่งจัดพระราชพิธีเสวยสุรา ในมณฑปหน้าพระลานหลวง และแล้วพระราชพิธีเสวยสุราก็กำลังจะเริ่มต่อหน้าประชาชน อำมาตย์ มุขมนตรี

 :96: :96: :96: :96:

ทันทีนั้นเกิดเหตุอัศจรรย์ พราหมณ์เฒ่าในชุดขาวสะอาด ลอยขึ้นบนอากาศ มือประคองหม้อน้ำขนาดย่อม...กล่าวเสียงดังก้องว่า

“ขอเดชะ หม้อนี้บรรจุน้ำวิเศษ ยิ่งกว่าน้ำดื่มใดๆในโลก ขอพระองค์ซื้อไว้เถิด”
“ท่านเป็นใคร” พระราชาสงสัย “น้ำวิเศษที่ว่า สรรพคุณอย่างไร”

พราหมณ์เฒ่าทูลว่า ใครดื่มน้ำในหม้อนี้แล้ว เดินโซเซเปะปะ พลัดตกเหว ตกในบ่อ ในหลุมขยะ ไม่มีกฎเกณฑ์ในใจ เที่ยวเตร่หยำเป เหมือนคนขาดที่พักพิง เห็นคนรำก็เข้าไปรำ ใครดื่มน้ำนี้เข้าไป แก้ผ้าเปลือยกาย เที่ยวซอกแซกตามซอกซอย ตามบ้าน หลับได้นานๆ จนไฟไหม้ไม่รู้ตัว กินอาหารเดนสุนัขจิ้งจอกได้ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ไม่มีผ้าผ่อน นอนจมอาเจียน

ใครดื่มน้ำนี้เข้าไป วางตนเป็นคนสำคัญ ทำนัยน์ตาขุ่นขวาง สำคัญผิดคิดว่าแผ่นนี้ทั้งหมดเป็นของตัว แม้พระราชามีมหาสมุทรทั้ง 4 เป็นเขตแคว้น ก็หาเสมอไม่

 :41: :41: :41: :41:

ใครดื่มน้ำนี้เข้าไป ทำลายข้าวกล้า ทรัพย์สินเงินทอง ทำลายเรือกสวนไร่นา ด่ามารดาบิดาได้ พ่อผัวแม่ผัวก็ด่าได้ พ่อผัวจับมือถือแขนลูกสะใภ้ โดยสำคัญว่าเป็นภรรยาได้

ใครดื่มน้ำนี้เข้าไป ฆ่าสมณพราหมณ์ผู้ตั้งในศีลธรรมได้ เป็นคนรับใช้ ไปกิจรีบด่วน ครั้นถึงที่หมายก็ตอบไม่ได้ว่า มาเพื่ออะไร ไม่รู้เรื่องราว

ใครดื่มน้ำนี้เข้าไป คนดีมีใจละอายบาป จะกลายเป็นคนไม่ละอายบาป คนดีมีปัญญา ก็จะเป็นคนโง่ชั่วช้า
โอรสท้าวอันธกา เวณฑะ มีพี่น้องสิบคน เสวยน้ำนี้เข้าไป พาหญิงไปบำเรอสุขที่ริมฝั่งมหาสมุทร ดื่มน้ำนี้เข้าไปเมามาย ใช้สากตีกันตาย

ยกสารพันตัวอย่างให้พระเจ้าสัพพมิตต์ฟังแล้ว พราหมณ์เฒ่าชุดขาว ก็บอกว่า ในหม้อน้ำของเรา เต็มไปด้วยน้ำ...เหล่านั้น นี่คือน้ำเมา มีแต่โทษ หาประโยชน์ไม่ได้ พระองค์จะดื่มไปทำไม จะชักชวนประชาชนดื่มไปเพื่ออะไร พระเจ้าสัพพมิตต์ยั้งมือเสวยสุรา เมื่อรู้ว่าแท้จริงพราหมณ์เฒ่า คือพระอินทร์แปลงมา ก็ยอมรับไม่ดื่มเหล้า สั่งเลิกตั้งโรงเหล้า

 :32: :32: :32: :32:

ผมอ่านเรื่องกำเนิดสุรา มาจากหนังสือพุทธสาวก พุทธสาวิกา อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ครับ ท่านเขียนไว้อ่านง่ายกว่าอ่านพระไตรปิฎก อาจารย์หยอดทิ้งท้าย พระเจ้าสัพพมิตต์ในชาดก สั่งทำลายโรงเหล้า แต่กรมสรรพสามิตในปัจจุบัน ทำหน้าที่ไล่ล่าจับคนผลิตสุราเถื่อน แต่ตัวเองตั้งโรงกลั่นสุราขายถูกต้องตามกฎหมาย

ร้านสะดวกซื้อจะขายเบียร์สดต่อไปหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องคนทำ คนขายจะเลือกทำบุญหรือเลือกทำบาป...ต่อไป ถ้าเลือกบาป ก็เท่ากับส่งเสริมการทำบาป ถึงจะมีเงินไปทำบุญมากสักเท่าไหร่ ก็ลด ก็ลบปริมาณบาปไม่ได้ พุทธศาสนาสอนให้เชื่อกฎแห่งกรรม ถ้าเชื่อตามพระมาลัยท่านว่า ทั้งเจ้าสัวโรงเหล้า ทั้งเจ้าสัวขายเหล้า พอตายก็ต้องไปตกนรกลงกระทะทองแดงสถานเดียว.

       กิเลน ประลองเชิง



จากคอลัมน์ ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง
https://www.thairath.co.th/content/1095629
https://www.thairath.co.th/content/1096619
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2017, 07:15:39 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ