ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฟ้าสะท้าน ดินสะเทือน  (อ่าน 1140 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ฟ้าสะท้าน ดินสะเทือน
« เมื่อ: ตุลาคม 24, 2017, 06:18:36 am »
0



ฟ้าสะท้าน ดินสะเทือน
โดย พระมหาสมปอง
 
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ขอความสุขสวัสดีมีบังเกิดมีแด่ทุกๆ ท่าน วันนี้พระมหาสมปองมาแบบเป็นทางการมาก เนื่องจากฉบับนี้ขอแสดงความรักความภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่มีคำใดๆ ที่จะมาบรรยายถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านไม่เป็นหัวใจของคนไทย แต่พระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในระดับโลก

ถ้าอาตมาจะพรรณนาความดีของพระองค์ท่าน คงต้องให้น้ำในมหาสมุทรมาเป็นหมึก ให้ผืนแผ่นดินมาเป็นสมุด จึงควรค่ากับความดีของพระองค์ท่าน โยมทั้งหลาย เมื่อใดที่คนมีบุญบารมีมากละจากโลกนี้ไปย่อมมีเหตุต่างๆ เกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ปัจจุบันในอดีตก็มีเหมือนกัน อาตมาขอหยิบยกมาเล่าให้โยมฟังว่าเป็นมาอย่างไร

เหตุการณ์ครั้งนั้นพระอานนท์ได้ตามเสด็จพระพุทธองค์ไปบิณฑบาตในเมืองเวสาลีภายหลังฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปนั่งบริเวณใกล้กับปาวาลเจดีย์ ณ ที่นั้น พระอานนท์ได้ประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่มีเสียงกึกก้องกัมปนาทอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดความสงสัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนั้น พระอานนท์จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์และได้กราบทูลถามถึงสาเหตุของแผ่นดินไหว
 
 st12 st12 st12 st12

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เหตุปัจจัย ๘ ประการ คือ (มหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ข้อที่ ๑๗๐ หน้า ๑๑๗ และภูมิจาลสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ ข้อที่ ๗๐ หน้า ๓๗๖-๓๗๘ )

     ๑. ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ, น้ำตั้งอยู่บนลม, ลมตั้งอยู่บนอากาศ, สมัยที่ลมใหญ่พัด, เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้วย่อมยังแผ่นดินให้ไหว, อันนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่หนึ่ง เพื่อให้แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ
     ๒. สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็นผู้ชำนาญในทางจิต, หรือว่าเทวดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก, เขาเจริญปฐวีสัญญาเพียงเล็กน้อย เจริญอาโปสัญญาอย่างแรงกล้า, เขาย่อมยังแผ่นดินนี้ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวได้
     ๓. เมื่อใด พระโพธิสัตว์จุติจากชั้นดุสิต มีสติสัมปชัญญะลงสู่พระครรภ์พระมารดา
     ๔. เมื่อใด พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา
     ๕. เมื่อใด พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
     ๖. เมื่อใด พระตถาคตให้อนุตรธรรมจักรเป็นไป
     ๗. เมื่อใด พระตถาคตมีพระสติสัมปชัญญะ ทรงปลงอายุ สังขาร
     ๘. เมื่อใด พระตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ




จากสิ่งที่อาตมาหยิบยกมานั้น สะท้อนให้เห็นว่า ขนาดฟ้ายังสะท้าน ดินยังสะเทือนเมื่อคนมีบุญบารมีจากไป
ไม่ใช่แค่คนที่เสียใจ ผืนฟ้าและแผ่นดินยังอาลัยหา

อาตมาขอบอกเลยว่า ประเทศเรานั้นมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์เสวยแล้วเสด็จ ไม่ว่าภูเขาจะสูงเฉียดฟ้าสักปานใด ถิ่นทุรกันดารสักแค่ไหน พระองค์ดั้นด้นไป เพราะทุกข์ของพสกนิกรชาวไทยคือทุกข์ของพระองค์ พระองค์ไม่หวังแก้วแหวนเงินทอง พระองค์มีมากพอ ยศถาบรรดาศักดิ์พระองค์มีล้นฟ้า พระองค์หวังเพียงว่า ให้เราทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด

เป็นพระ ทำหน้าที่พระให้สมบูรณ์ เป็นครูอาจารย์ ทำหน้าที่ครู หน้าที่อาจารย์ให้สมบูรณ์ เป็นพ่อแม่ ทำหน้าที่พ่อแม่ให้สมบูรณ์ เป็นนักเรียนทำหน้าที่นักเรียนให้สมบูรณ์ เป็นพสกนิกร เป็นศาสนิกชน ทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ เท่านี้พระองค์ก็ทรงพอพระทัยแล้ว หวังว่าเราจะทำถวายเพื่อพระองค์ท่านได้ เพื่อเป็นการน้อมถวายส่งพระองค์ท่านสู่สวรรคาลัย

 :25: :25: :25: :25:

สิ่งที่สำคัญยิ่งคือ เราท่านทั้งหลายต้องน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาสู่การปฏิบัติอย่างจริงใจ ถ้าใครปฏิบัติได้ชีวิตก็ดำเนินอยู่ได้แบบไม่ขัดสน คำว่าพอเพียงของพระองค์ท่านนั้นสำคัญมาก ตรงกันคำสอนในพระพุทธศาสนา คือ เราต้องรู้จักประมาณในการบริโภค ให้รู้คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม บางครั้งเราเอาคุณค่าเทียมเป็นที่ตั้งจึงทำให้เกิดความอยาก และเกิดความทุกข์
 
โยมทั้งหลาย ความทุกข์เกิดจากความโลภ ความโลภเกิดจากมักมากในใจ เพราะสิ่งนี้จึงเป็นบันไดของความทุกข์ คำว่า พอเพียง พออยู่ พอกิน พอประมาณ จึงเป็นสะพานสู่ความสุข
 
คนส่วนมากแล้ว ฟังพระองค์ตรัส แต่ไม่ได้ยิน ที่ไม่ได้ยินคือ ฟังแค่ผ่านๆ ไม่ได้คิดวิเคราะห์ ไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติ การฟังที่จะนำไปสู่การพัฒนาคือ ฟัง ได้ยิน เข้าใจ แล้วไปปฏิบัติ และบางครั้งเรามองพระองค์ท่านทรงงาน แต่เราไม่เห็นพระองค์ท่าน คือมองผ่าน เราไม่ได้ตั้งใจดูถึงแก่นแท้ที่พระองค์ทรงทำ เราต้องมองด้วยตานอก มองให้ลึกถึงตาใน แล้วจะสะท้อนเข้าหัวใจ ทำให้เห็นสิ่งที่พระองค์แบบชัดเจน...เจริญพร

 
       พระมหาสมปอง



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://www.thairath.co.th/content/1104505
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ