ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คณะสงฆ์มอญ 2 แผ่นดิน ร่วมช่วยเด็กมอญขาดแคลน  (อ่าน 959 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



คณะสงฆ์มอญ 2 แผ่นดิน ร่วมช่วยเด็กมอญขาดแคลน

สัปดาห์นี้เล่าถึงคณะสงฆ์ที่ไปบริจาคข้าวของเครื่องใช้แก่เด็กนักเรียนยากไร้ในประเทศเมียนมา กลับรู้ซึ้งว่าคนไทยเดินหลงทาง เพราะสาเหตุใดไปอ่านกัน!!

เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ติดตามพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งเดินทางเข้าไปยังเขตรัฐมอญ ประเทศเมียนมาร์ เพื่อไปร่วมกิจกรรม “รามัญรักษ์สัมพันธ์ สานฝันให้น้อง” ของมูลนิธิรามัญรักษ์และภาคีเครือข่าย ทั้งสมาคมไทยรามัญ มูลนิธิพระศรีสุทธิเวที และเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี

การเดินทางในครั้งนี้เป้าหมายหลักของกลุ่มพระสงฆ์กลุ่มนี้ คือมอบเงินซ่อมแซมอาคารเรียนในเขตรัฐมอญ แจกอุปกรณ์การศึกษา กระเป๋านักเรียน ผ้าห่ม อาหารแห้ง ให้กับเด็กนักเรียนมอญที่ยากไร้ และทั้งแจกข้าวสารจำนวน 1,000 ถุง ให้กับคนยากไร้ที่อาศัยอยู่ตาม “แนวชายแดนไทย-เมียนมา”

พระปัญญาวุฒิ วุฑฺฒิโก ประธานมูลนิธิรามัญรักษ์ พระภิกษุไทยเชื้อสายมอญ เล่าให้ฟังว่าการแจกของปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว เป้าหมายหลักคือเพื่อเยียวยาช่วยเหลือเด็กนักเรียนมอญตามแนวชายแดน ที่รัฐบาลพม่าก็ยังเข้ามาดูแลไม่ทั่วถึง เพราะเท่าที่ทราบโรงเรียนตามแนวชายแดนเหล่านี้บริหารจัดการโดยทหารมอญ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน อุปกรณ์การศึกษา จึงขาคแคลนเป็นอันมาก ในขณะที่ครูก็มีเงินเดือนแค่ 800 บาทต่อเดือน

 :96: :96: :96: :96:

“เป็นปีแรกที่มูลนิธิรามัญรักษ์ จับมือกับองค์กรพระสงฆ์มอญฝั่งมอญ เพื่อดำเนินการกิจกรรมแจกของร่วมกัน โดยท่านได้ติดต่อกับองค์กรพระสงฆ์มอญที่ทำงานด้านนี้พาตัวแทนคณะครูและนักเรียนจากหมู่บ้านที่ขาดแคลนจำนวน 16 โรงเรียนมารับอุปกรณ์การศึกษา กลายเป็นว่าคณะสงฆ์มอญ 2 แผ่นดินจับมือร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนมอญที่ขาดแคลนซึ่งทำร่วมกันปีละครั้งก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ได้ทำงานร่วมกัน”

ในขณะที่ พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดีนำข้าวสารมามอบให้ 1,000 ถุง กล่าวว่าประทับใจมาก รู้สึกดีที่เห็นคณะสงฆ์มอญ 2 ประเทศจับมือกันเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน พระพุทธองค์ตรัสว่า เมตตาธรรม ค้ำจูนโลก ความว่าเมตตา ไม่มีแบ่งชนชั้น ไม่มีแบ่งวรรณะ ไม่มีแบ่งเชื้อชาติและศาสนา เด็กและชาวบ้านที่มาที่นี่แม้เราจะสื่อสารภาษากับเขาไม่ได้ แต่คำว่าเมตตา มันสัมผัสได้ด้วยใจและสีหน้า ทั้งผู้ให้และผู้รับ ล้วนมีความสุข จึงอยากให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนาใด ก็ขอให้มีเมตตาต่อกันให้มากๆ สังคมและโลกก็จะมีความสุขร่วมกัน



พระคุณเจ้าอีกรูปหนึ่ง คือ พระมหาบุญรุ่ง สิริโชโต ป.ธ.9 อาจาย์ใหญ่ฝ่ายบาลี วัดอรุณราชวราราม ท่านมาในนามมูลนิธิพระศรีสุทธิเวที กิจกรรมนี้บริจากกระเป๋านักเรียนจำนวน 800 ใบ และนมแลคตาซอยอีกประมาณ 6,000 กล่อง สมุด 1,000 เล่ม ปากกา 20,000 ด้าม พระคุณเจ้ากล่าวว่าเดินทางมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว สภาพหมู่บ้านตลอดเส้นทางเหมือนกับชนบทไทยเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว

คนมอญเป็นคนใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา เป็นคนที่เคร่งเรื่องศาสนา จะเห็นว่าภายในวัดที่เรามาแจกของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ค่อยเห็นพวกเขาสวมรองเท้าเลย เพราะถือว่าหากสวมรองเท้าเข้าวัดจะเป็นบาป ผู้ใหญ่ย่อมเป็นที่รัก ไม่ว่าจะเป็นสังคมไหน เพราะฉะนั้นไม่ว่าเป็นจะเป็นคนไทยหรือคนมอญ ควรรู้จักให้ต่อกัน โดยเฉพาะให้อภัย...

 st12 st12 st12

อย่างที่ประธานมูลนิธิรามัญรักษ์ พระปัญญาวุฒิ วุฑฺฒิโก กล่าวไว้แล้วว่าปีนี้พิเศษ เพราะท่านจับมือกับองค์กรพระสงฆ์มอญฝั่งมอญในการทำงาน ผมได้มีโอกาสสนทนากับ “พระอาจารย์ออทแจ” (Ven.A0t Jae) ซึ่งเป็นพระภิกษุนักเคลื่อนไหวด้านการศึกษารูปสำคัญฝั่งมอญที่ช่วยเหลือเด็กๆ และโรงเรียนที่ขาดแคลนมาต่อเนื่อง ท่านเล่าว่า...

“เคยถูกทางการพม่าจับติดคุกเพราะนึกว่าท่านจะร่วมกู้ชาติ ซึ่งความจริงท่านบอกว่าท่านมีเจตนาเดียว คือต้องการช่วยเหลือด้านการศึกษาให้เด็กๆ ได้รับโอกาสการศึกษาทีดี และได้เรียนภาษามอญ เพราะหากเด็กมอญไม่เรียนภาษามอญ ชนชาติพันธุ์มอญในอนาคตคงหมดไปจากโลกนี้ไปแน่ ปีนี้โชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับมูลนิธิรามัญรักษ์ ซึ่งต่อไปเราสองมอญสองแผ่นดินจะจับมือไปมาหาสู่กันให้มากๆ ยิ่งขึ้น เพื่อแบ่งปันความคิดและช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม”



เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องการพัฒนาคนเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องใส่ใจ ประเทศไทยเราเองก็เหมือนกันแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่แผน 1-8 เราไม่เคยพูดถึงคนคือศูนย์กลางในการพัฒนาเลย สุดท้ายเราก็หลงทาง มัวแต่ไปสร้างถนน หนทาง วัดวาอาราม ตึกบ้านช่องให้ใหญ่โต ตามความต้องการของผู้นำประเทศและประเทศทางตะวันตก

เมื่อพัฒนาๆ ไป ย้อนกลับมามองพลเมืองของตนเอง เอ้า!! เราเดินหลงทางนี่หน่า...มันเจริญแต่ถนนหนทาง มันเจริญแต่สิ่งก่อสร้าง พลเมืองของเราก้าวไม่ทันความเจริญที่รัฐสร้างเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เว้นแม้กระทั้งสถาบันสงฆ์ ไม่อย่างนั้น จะมีวัดร้างเกือบ 7,000 วัดหรือครับ!!






คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/615459
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2017, 07:25:24 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ