ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รักอมตะ หรือ..รักมรณะ  (อ่าน 1070 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
รักอมตะ หรือ..รักมรณะ
« เมื่อ: ธันวาคม 30, 2017, 06:42:48 am »
0




รักอมตะ หรือ..รักมรณะ

ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน มาแล้วจ้า ธรรมะมาแล้วจ้า ไม่ได้มาขาย แต่มามอบให้กับญาติโยมทุกๆ ท่าน จากใจของพระมหาสมปอง หากโยมมองว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว ลองเปิดใจรับธรรมะสักนิดหนึ่ง แล้วโยมจะเปลี่ยนความคิดทันที สิ่งที่สำคัญเราต้องเปิดใจก่อน ถ้าใจเปิดหูก็เปิด ถ้าใจปิดหูก็ปิด ไม่ว่าธรรมะจะดีมีคุณค่ามากแค่ไหน ถ้าใจปิดเราก็ไม่อยากฟัง เพราะว่าใจของเราปิดประตูลงกลอนเป็นที่เรียบร้อย

เราจะนึกถึงธรรมะอีกทีก็เมื่อมีปัญหามากมายที่ประดังเข้ามาในชีวิต ก็อย่างว่านะโยม เมื่อไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรมะ อาตมาขอบอกโยมว่า ความทุกข์ ความท้อ ความเหนื่อย ธรรมะช่วยโยมได้ ธรรมะจะทำให้โยมมีเสียงหัวเราะ ธรรมะจะทำให้มีรอยยิ้ม ธรรมะจะทำให้โยมอิ่มใจ ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย หากว่าใจเรามีธรรมะความสุขไม่ต้องซื้อ ความสุขไม่มีขาย ทำได้ง่ายๆ เพียงเราเปิดใจให้กว้าง เพื่อเบิกทางให้ธรรมะ เพียงแค่นี้ความสุขก็ไหลเข้าสู่หัวใจของโยม

คนที่มีธรรมะในหัวใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องความรัก โยมรู้ไหมว่า มันไม่ยากหรอกที่จะพูดคำว่ารัก แต่มันยากยิ่งนัก ที่จะรักอย่างเข้าใจ


@@@@@@

โยมทุกท่าน ทุกวันนี้อาตมาอ่านข่าว จะเห็นข่าวความทุกข์เกี่ยวกับความรักอยู่แทบทุกวัน ล่าสุดก็หมอปอ ถูกนายเก่งฆ่าตาย คนเรานะโยมถ้าไม่มีธรรมะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะก่อความทุกข์ให้แก่ตนเองและคนอื่น ธรรมะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิต
 
โยมทุกท่าน ถ้าเรามีธรรมะเราจะมองความรัก คือการเกื้อกูล ไม่ใช่ก้าวก่าย
    - ความรัก ต้องมีการมอบให้ ไม่ใช่แค่ เรียกหาความรัก ต้องมีการให้ไป ถึงจะได้มา
    - ความรัก ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่ ซื้อนาฬิกาให้กัน
แต่ถ้าไม่มีธรรมะในชีวิต ก็จะกลายเป็น ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ถ้าเรามีธรรมะก็จะเป็นที่ใดมีรัก ที่นั่นมีสุข ยิ่งเราให้รักแก่ท่าน รักนั้นย่อมถึงตัว

@@@@@@

โยมทั้งหลาย ถ้าเราเปรียบความรักก็น่าจะได้ความหมายสั้นๆ ดังนี้
    - รัก คือ น้ำผึ้ง....คือความรักที่อยู่ในช่วงโปรโมชั่น จะมีออฟชั่นต่างๆ มากมาย ทำให้เรามีความสุข ทำให้เรามีรอยยิ้ม รู้สึกว่าเวลาของเรามันช่างผ่านไปเร็วจังเลย ก็อย่างที่เขาพูดกันว่า ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอเนิ่นนาน น้ำตาลก็ว่าขม
    - รัก คือ น้ำตา คือ การที่เราต้องอกหัก รักคุด ความรักแบบนี้ เป็นความรักของพี่เป้า สายัณห์ สัญญา ที่ว่าฉันปลูกเรือนหอริมบ่อน้ำตา
    - รัก คือ ยาพิษ ที่จริงแล้ว รักไม่ได้เป็นยาพิษหรอกโยม แต่คนรักต่างหากที่หยิบขวดยาพิษมาปลิดชีวิตของตัวเอง เพราะคิดว่าขาดเขาเราอยู่ไม่ได้ ความจริงก่อนที่จะมีเขา เราก็อยู่คนเดียว ตอนนี้เราไม่มีเขา เราก็ต้องอยู่ได้ แต่คนเมื่ออยู่ในอารมณ์นั้น มันก็คิดไม่ได้แบบนี้ ความรักจึงเป็นยาพิษ บางคนไม่ได้ฆ่าตัวเอง แต่ก็ไปฆ่าคนที่ตนรัก เพราะความหึงหวง เมื่อเจอความทุกข์เรื่องความรักแบบนี้ ทางที่ดีเราต้องรักแบบมีปัญญา จึงจะเรียกว่ารักแท้

     รักแท้ต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์พาไป เขาชี้นก บอกว่าเป็นควาย เราก็เออ..ออ...ไปกับเขา ถ้าเป็นแบบนั้น หัวของเราก็มีเขาไปตามควายตัวนั้นแล้วนะโยม


@@@@@@

ความรักต้องเติมพรหมวิหารธรรมเข้าไปด้วย จึงจะทำให้เข้าใจคำว่ารัก
    รัก + เมตตา จะออกมาเป็นความรักที่ปรารถนาให้กันและกันมีความสุข
    รัก + กรุณา จะออกมาเป็นความรักที่คิดจะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ใช่รักแบบจะหาสุขใส่ตัว คนอื่นช่างหัวมัน
รักเอามันเฉพาะตัวคนเดียว
    รัก + มุทิตา จะออกมาเป็นความรักและยินดีเมื่อเขาอยู่ดีมีสุข ไม่คอยแต่จะอิจฉาริษยาคนอื่นแบบไม่ลืมหูลืมตา
    รัก + อุเบกขา จะออกมาเป็นความรักแบบปล่อยได้ วางเป็น ไม่กังวลกับความรักมากไป จนทำให้ทุกข์กังวล จนไม่ได้หลับได้นอน

    @@@@@@

    หากว่าโยมมีความรักในทางบวกแบบนี้ ชีวิตก็จะมีความสุข
    เพราะว่าเราทำทุกอย่างด้วยปัญญา สิ่งที่คืนค่า นั่นคือความสุข
    เพราะว่าเรามองความรักเป็น ใช้ความรักถูกต้อง เจริญพร

 
       พระมหาสมปอง


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://www.thairath.co.th/content/1161668
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ