ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หรือออเจ้าจะกลัวความรัก.?  (อ่าน 926 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
หรือออเจ้าจะกลัวความรัก.?
« เมื่อ: มีนาคม 09, 2018, 06:21:32 am »
0



หรือออเจ้าจะกลัวความรัก.?

ถ้าคุณมีอาการกลัวการตกหลุมรักหรือที่เรียกกันว่า"เจ้าสาว/เจ้าชายที่กลัวฝน" ซึ่งแสดงออกโดยการพยายามหนีความรัก ไม่กล้าเปิดใจให้กับความรัก หลีกเลี่ยงการที่จะมีความรู้สึกพิเศษกับใครอย่างจริงจัง แม้ว่าจะมีความรู้สึกที่ดีกับใครบางคน แต่ในที่สุดก็จะหลีกหนีแล้วปฏิเสธที่จะคบหากับคนคนนั้นอย่างไม่มีเหตุผล คุณอาจกำลังเป็นโรคกลัวการตกหลุมรัก (Philophobia) ซึ่งเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มบรรดาโรคกลัวชนิดหนึ่งที่มีผู้ป่วยมากที่สุดอยู่ก็ได้

 :88: :88: :88: :88:

สาเหตุที่ทำให้คนเป็นโรคกลัวความรัก

1. ได้รับการปลูกฝังแบบผิดๆ ว่าความรักเป็นเรื่องต้องห้าม หากเด็กเติบโตขึ้นมาจากครอบครัวหรือสังคมที่มีประเพณีและวัฒนธรรมที่มีกรอบบังคับเข้มงวดว่า ความรักเป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่ควรเข้าใกล้เกี่ยวข้องด้วย ก็จะทำให้เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่รู้สึกกลัวความรักจนไม่กล้าเสี่ยงที่จะรักใคร เพราะรู้สึกว่าความรักเป็นเรื่องน่ากลัวที่ควรหลีกเลี่ยงจนทำให้กลายเป็นคนที่กลัวความรักในที่สุด

2. ครอบครัวแตกแยก นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเป็นโรคกลัวความรัก เพราะหากเด็กเติบโตมาจากครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง ไม่รักกัน ทะเลาะตบตีด่าว่าให้เห็นอยู่เป็นประจำ เด็กก็จะมีความรู้สึกฝังใจกับภาพของความสัมพันธ์ที่แตกร้าวของคนที่เป็นพ่อแม่ จึงทำให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่หวาดกลัวและไม่กล้าเสี่ยงที่จะมีความรักนั่นเอง

3. เคยผิดหวังกับความรัก ในกรณีของคนที่เคยมีความรักแล้วมีปัญหาที่ต้องเลิกรากับคนรักอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็จะทำให้คนคนนั้นรู้สึกเข็ดขยาดกับความรัก อีกทั้งมีความรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าไม่มีอะไรดีพอที่จะเหมาะสมกับใคร จึงทำให้รู้สึกหวาดกลัวและปฏิเสธที่จะมีความรักครั้งใหม่อีก ถึงแม้ว่าจะพบเจอคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจมากแค่ไหนก็ตาม ในใจก็จะมีข้อแม้ที่คอยปิดกั้นตัวเองไว้ จนไม่ยอมเปิดใจให้มีใครก้าวเข้ามาในพื้นที่ชีวิตได้มากกว่ากรอบที่ตัวเองได้วางเอาไว้

@@@@@@

หากพบว่า ตนเองมีอาการกลัวความรักในระดับที่รุนแรงโดยแสดงออกจากการที่เป็นคนที่เก็บกด หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ชอบอยู่คนเดียวจนรู้สึกแปลกแยกจนไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ มักหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมทุกรูปแบบ จนกลายเป็นคนที่เสพติดการอยู่คนเดียว ซึ่งบางคนที่เป็นมากอาจจะเกิดอาการทางด้านร่างกายร่วมด้วย เช่น หายใจเร็วหัวใจเต้นแรง มีอาการชาตามร่างกายเมื่อต้องทำกิจกรรมหรือพบปะกับคนอื่น ซึ่งถ้ามีอาการต่างๆเหล่านี้ก็ควรไปพบกับจิตแพทย์ เพราะคนที่เป็นโรคกลัวความรักนี้ถ้าเป็นมากๆสามารถนำไปสู่การเป็นโรคเครียดหรือโรคซึมเศร้าได้


 :49: :49: :49:

แนวทางรักษาคนที่เป็นโรคกลัวความรักสามารถรักษาได้ โดยวิธีการดังนี้

1. เข้ากลุ่มกิจกรรมบำบัด (group activity therapy) เป็นกลุ่มกิจกรรมบำบัดที่จัดโดยนักจิตบำบัดที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่เป็นโรคกลัวความรักได้มาอยู่ร่วมกัน และได้ระบายความในใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ที่จะช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคกลัวความรักรู้สึกเป็นอิสระ ผ่อนคลายคลายเครียดและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งจะช่วยให้ลดความกลัวอีกทั้งเรียนรู้ที่จะปรับตัวและแก้ไขปัญหาของตนเองได้

2. ความคิดและพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy)โดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจะมีการพูดคุยถึงอาการของผู้ที่ป่วย เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยได้เข้าใจในอาการที่ตัวเองเป็นเพื่อร่วมกันหาหนทางแก้ไข โดยพูดถึงประเด็นและค้นหาถึงสาเหตุที่ทำให้คนไข้รู้สึกกลัวความรัก ซึ่งอาจจะมีคลิปวิดีโอ รูปภาพ บทความสั้นๆที่เกี่ยวกับความรักมาใช้ประกอบในการรักษาด้วย เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีกับความรักและสามารถกำจัดความกลัวในเรื่องของความรักออกไปจากจิตใจได้

@@@@@@

ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกลัวความรักบางรายที่มีความเครียดสูง คิดวนเวียนหมกมุ่น และมีอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยนั้นจิตแพทย์อาจจะต้องมีแนวทางในการรักษาด้วยการใช้ยาร่วมด้วย เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ป่วยลดความเครียดและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น

ถึงแม้ว่าโรคกลัวความรัก(Philophobia)จะไม่ใช่โรคทางจิตชนิดรุนแรงที่ส่งผลร้ายต่อผู้อื่นและสังคม แต่ก็เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของผู้ป่วยจนทำให้ผู้ป่วยเป็นคนที่ขาดความสุข ขาดความมั่นใจในตนเอง และมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ดังนั้นหากรู้สึกว่าตนเองมีอาการดังที่บทความได้กล่าวไปนั้นควรหาเวลาไปพบจิตแพทย์ก็ดีที่สุด



ขอบคุณที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9610000021652
ชุมชน-คุณภาพชีวิต ดร.แพง ชินพงศ์
เผยแพร่ : 4 มี.ค. 2561 10:44 , โดย : MGR Online
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ