ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ที่ สุ ด แ ห่ ง รั ก  (อ่าน 1050 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ที่ สุ ด แ ห่ ง รั ก
« เมื่อ: มิถุนายน 07, 2018, 05:51:57 am »
0


เจดีย์สาญจีสถูป พระเจ้าอโศกมหาราช สร้างอนุสรณ์แห่งความรักต่อพระมเหสีองค์แรก นามว่า พระนางเวทิสา

ที่สุดแห่งรัก

ในประเทศอินเดียมีอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยสีขาวสว่างไสวดุจไข่มุกเมื่อต้องแสง ทั้งยังประกอบด้วยตำนานรักเลื่องชื่อ ร่ำลือถึงความผูกพันอันเป็นนิรันดร์ จนทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน เป็นสถานที่ที่ใครต่อใครอยากจะไปเห็นด้วยตาสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งสถาปัตยกรรมแห่งความรักนี้ มีชื่อว่า ?ทัชมาฮาล? สุสานของพระนางมุมตัส มาฮาล มเหสีของพระเจ้าชาห์ จาฮาน กษัตริย์องค์ที่สี่ในราชวงศ์โมกุล ทัชมาฮาล คือ ประจักษ์พยานความรักล้ำลึกที่กษัตริย์พระองค์นี้มีต่อหญิงอันเป็นที่รักยิ่งของตน

แต่หลังม่านความยิ่งใหญ่ขาวบริสุทธิ์ของทัชมาฮาล กลับซ่อนไว้ซึ่งความจริงที่แสนเจ็บปวดและกลิ่นคาวเลือดของประชาชนเป็นอันมาก เพราะการก่อสร้างสัญลักษณ์ความรักอันใหญ่โตนี้ ได้กะเกณฑ์แรงงานและขูดรีดเงินภาษีจากราษฎรเพื่อนำเงินมาใช้ในการก่อสร้างจำนวนมหาศาล ช่างฝีมือเป็นจำนวนมากที่แกะสลักหินต้องตาบอดเนื่องจากถูกบังคับให้ทำงานกลางแดดจัดเป็นเวลานาน คนงานมากมายต้องล้มตายเพราะถูกบังคับให้ทำงานหนักอย่างทารุณ เมื่อสร้างทัชมาฮาลสำเร็จ สถาปนิกผู้ออกแบบก็ถูกสั่งฆ่า เพื่อป้องกันมิให้ไปสร้างสิ่งก่อสร้างสวยงามที่อื่นอีกต่อไป

"ความรักที่ชโลมด้วยความสูญเสียนี้ จึงไม่ควรจะเป็นความรักที่สูงส่งสวยงาม"


@@@@@@

ขณะที่ตำนานรักอีกบทหนึ่งของมหาราชอีกพระองค์ในอินเดีย คือ พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์โมริยะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ที่ขยายอาณาเขต แผ่พระราชอำนาจออกไปได้อย่างกว้างขวางมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติอินเดีย พระองค์ได้ก่อสร้างสิ่งอันเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ให้แก่พระนางอันเป็นที่รักยิ่งกว่ายอดดวงใจของตัวเองเช่นกัน โดยมหาสถานตำนานรักแห่งนี้มีชื่อว่า "มหาสถูปสาญจี" ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่รัฐมัธยมประเทศ ตอนกลางของประเทศอินเดีย

ในสมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราช ยังเป็นเพียงมหาอุปราช ที่ถูกพระบิดาส่งไปปกครองเมืองอุชเชนี กลับได้พบรักกับ พระนางเวทิสา ซึ่งเป็นเพียงหญิงชาวบ้าน ลูกสาวของพ่อค้าในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดยที่ครั้งแรกพระนางก็ไม่ทราบว่าเจ้าชายอโศกเป็นใคร แต่ก็มอบความรักที่ใสบริสุทธิ์ให้แก่กัน จนนำไปสู่การอภิเษกสมรสเมื่ออายุ 18 ปี จากนั้นทั้งสองพระองค์ได้ครองคู่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูล เป็นกำลังใจให้กันและกันอยู่ไม่ห่าง จนพระนางเวทิสาให้กำเนิดพระโอรส 1 พระองค์ และ พระธิดา 1 พระองค์ (ซึ่งในกาลต่อมาทั้งพระโอรสและพระธิดานี้ ได้ออกบวชจนกลายเป็นพระอรหันต์องค์สำคัญแห่งยุคทั้งคู่) เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้ขึ้นปกครองราชอาณาจักรสืบต่อจากพระบิดา จำต้องย้ายจากเมืองอุชเชนีไปอยู่ที่เมืองหลวง คือ ปาฏลีบุตร ทั้งคู่ก็ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย

@@@@@@

แต่ขึ้นชื่อว่าชีวิต ย่อมหาความเที่ยงแท้แน่นอนอันใดมิได้ ในเวลาไม่นานพระนางเวทิสาก็จากพระองค์ไปอย่างไม่มีวันกลับ จึงนำความโศกสลดวิปโยคมาสู่มหาราช ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้เป็นอย่างมาก พระองค์จึงมีดำริให้จัดสร้าง ?พระมหาสถูปสาญจี? ขึ้นในบริเวณที่ทรงอภิเษกกับพระนาง เวทิสา พระสถูปเจดีย์แห่งนี้ มีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระอัครสาวก และพระธาตุของพระอรหันต์อีก 10 องค์ ไว้ในส่วนต่างๆ เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชาเป็นบุญกุศลสืบไป โดยพระเจ้าอโศกมุ่งหวังให้ผลบุญอันเกิดแต่การสร้างเจดีย์นี้ สำเร็จแก่พระนางอันเป็นที่รักของพระองค์

ความรักของพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น เป็นไปเพื่อการเกื้อกูลต่อพระนางเวทิสา และประชาชนคนหมู่มากที่มีโอกาสได้กราบไหว้บูชาพระเจดีย์นี้ ทุกครั้งที่ผู้คนได้เห็นพระเจดีย์นี้ ย่อมจะสูดได้ถึงกลิ่นไอรักบริสุทธิ์งดงามที่พระเจ้าอโศกมีต่อนางแก้วของพระองค์ พระมหาสถูปสาญจีนี้ ยังเป็นเพียงพระเจดีย์เดียว ใน 84,000 แห่ง ของพระองค์ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลาย และอยู่คู่ดินฟ้ามากว่า 2,300 ปี จนถึงทุกวันนี้


@@@@@@

ความรักที่งดงาม คือ ความรักที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี เกื้อกูลต่อบุคคลอันเป็นที่รักและคนหมู่มาก ซึ่งความรักในรูปแบบนี้จะมีได้ก็ต่อเมื่อได้ลองศึกษาและปฏิบัติธรรม จนเมื่อธรรมะผลิดอกออกผล จะทำให้เราได้เห็นโลกในอีกมุมหนึ่งที่แตกต่างไป ซึ่งเป็นแง่มุมที่เต็มไปด้วยความสุขอันลึกซึ้ง ไม่มีการทำลายล้างเพื่อรัก มีแต่ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในชีวิต และเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ใครๆ โดยส่วนเดียว ซึ่งลักษณะแบบนี้ต่างหาก จึงจะเรียกว่าเป็น "ที่สุดแห่งรัก" อย่างแท้จริง


ขอบคุณที่มา : ฝึกจิต : โดยพระเฉลิมชาติ ชาติวโร พระธรรมทูตเชิงลึกแดนพุทธภูมิ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐
http://daily.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXhOREkzTURJMU9RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE5pMHdNaTB5Tnc9PQ==
ขอบคุณภาพจาก : http://dhamma.serichon.us/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2018, 05:59:10 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ