ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ครั้ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชปุจฉาธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร  (อ่าน 1012 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ครั้ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชปุจฉาธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เรื่องการเกิด-ดับ

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงสงสัยเรื่องการเกิด-ดับในพระพุทธศาสนา ซึ่งในขณะนั้นมีคนจำนวนมากเชื่อว่าดับแล้วสูญ ไม่มีการเกิดอีก

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นพระสงฆ์ นักปฏิบัติภาวนารูปหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเคารพมาก หากหลวงปู่เดินทางมากรุงเทพมหานครครั้งใด ทั้งสองพระองค์จะโปรดให้อาราธนาเข้าไปแสดงธรรมในพระราชฐาน อย่างเหตุการณ์หนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงสงสัยเรื่องการเกิด-ดับในพระพุทธศาสนา ซึ่งในขณะนั้นมีคนจำนวนมากเชื่อว่าดับแล้วสูญ ไม่มีการเกิดอีก
 
ขณะนั้นหลวงปู่ฝั้นเดินทางมายังพระนครแล้วพำนักอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร  ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี



สมเด็จพระนางฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชปุจฉาสนทนาธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ว่า
    “คนทุกวันนี้เข้าใจว่า ตายแล้วไม่ได้เกิด ถ้าคนตายแล้วไม่เกิด ทำไมมนุษย์จึงเกิดกันมาก หากเดียรัจฉานเขาพัฒนาตนเอง จะถึงขั้นเกิดเป็นมนุษย์ได้ไหม”

หลวงปู่ฝั้นวิสัชชนาว่า
    “ได้ เกี่ยวกับจิตใจ ใจคนมีหลายนัย ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นสัตว์ ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเปรต ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นนรก ตัวเป็นมนุษย์ ใจเป็นมนุษย์ หรือเทวดา เป็นพรหม เป็นพระอรหันต์ เป็นพระพุทธเจ้า ก็มาจากคน”

@@@@@@

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชปุจฉาต่อว่า
    “จะรู้ได้อย่างไรคะ”
   
หลวงปู่ฝั้นวิสัชชนาว่า
    “ให้นั่งพิจารณาดู ที่ใจไม่อยู่ คิดโน่นคิดนี่ นั่นแหละ เรียกว่า มันไปต่อภพต่อชาติ ที่ว่าเกิดตามบุญตามบาปที่ทำไว้ เป็นเปรตคือใจที่มีโมโห โทโส ริษยา พยาบาท ใจนรก คือ ใจทุกข์ กลุ้มอกกลุ้มใจ
    “ใจเป็นมนุษย์คือ ใจที่มีศีล 5 มีทาน มีภาวนา ใจเป็นเศรษฐี ท้าวพระยามหากษัตริย์ คือ ใจดี
    “ใจเป็นเทวดาคือ มีเทวธรรม มีหิริ-ความละอายบาป โอตตัปปะ-ความเกรงกลัวบาป น้อยหนึ่งไม่อยากกระทำ
    “ใจเป็นพรหมคือมีพรหมวิหารธรรม
    “ใจว่างเหมือนอากาศ ใจพระอรหันต์ คือ ท่านพิจารณาความว่างนั้นจนรู้เท่า แล้วปล่อย เหลือแต่รู้ ใจพระพุทธเจ้า รู้แจ้งแทงตลอดหมดทุกอย่าง”


@@@@@@

พระราชปุจฉาแห่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แสดงให้ประจักษ์ถึง “ธรรมราชินี” ว่าทรงเป็นสมเด็จพระราชินีผู้ทรงฝักใฝ่ในธรรม ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีผู้ทรงอุปถัมภ์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งจะหาพระราชินีผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถเช่นนี้ได้ยาก



ที่มา : หนังสือชุดสุดยอดสงฆ์ อมรินทร์ธรรมะ : หลวงปู่ฝั้น อริยสงฆ์ผู้มีพลังจิตกล้าแกร่ง โดย ดวงพร ตรีบุบผา
ภาพ : www.dhammajak.net , www.tnews.co.th  , www.chaoprayanews.com
ที่มา : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/106163.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ