ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาโลกแตกของ คนโลกสวย อยากเห็นธรรม แต่ไม่อยากเห็นทุกข์ ทำอย่างไรดี.?  (อ่าน 836 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ปัญหาโลกแตก ของคนโลกสวย อยากเห็นธรรม แต่ไม่อยากเห็นทุกข์ ทำอย่างไรดี.?

ถาม : พระอาจารย์คะ หนูเกลียดความทุกข์มาก ไม่ชอบเผชิญหน้ากับมันเลย เช่นถ้ารู้ว่ามีความรักแล้วทุกข์ ก็เลือกที่จะไม่มีความรักดีกว่า แต่พระพุทธศาสนาสอนว่า “ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม”หนูอยากเห็นธรรม แต่ไม่อยากเห็นทุกข์…จะได้ไหมคะ

ตอบ :ไม่ชอบทุกข์ ไม่ปรารถนาทุกข์ใช่ไหม…แต่ถ้าทุกข์แล้วได้ธรรม มันคุ้มนะ ถ้ามีผัว4-5 คน มีลูก 7-8 คน แล้วทำให้ทุกข์จนถึงที่สุด จนได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันก็น่ามี ลองนึกถึงสมการ “เจอทุกข์ = เจอธรรม” สิ ใจเราจะได้เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนทิฏฐิ ปรับจิตให้เข้าใจ ไม่หลบ ไม่หลีกไม่หนี ปล่อยไปตามวิถี ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็ต้องเป็นจิตวิญญาณที่ระหกระเหิน เร่ร่อนในวัฏสงสารอีกหลายชาติ เพราะไม่รู้จักทุกข์เลย ฟังเผินๆ อาจเหมือนดี แต่ก็ต้องวนเวียนเกิดตายอยู่แบบนี้ไม่จบไม่สิ้น

จริงๆแล้วทุกข์เป็นทั้งหมดของชีวิตรถติด ฝนตก ทุกข์ไปหมดทุกอย่าง เหมือนที่ท่านว่าไว้ คำถามก็คือ เจอทุกข์แล้วจะเจอธรรมได้อย่างไร หลายคนเล่าว่า ไปอินเดียนี่ลำบากมาก โดยเฉพาะถ้าต้องขี้ตามข้างทางหรือในป่า จะพบว่าลำบากสุดๆ แต่พอกลับมาบ้านเรา ทำให้เขามองชีวิตเปลี่ยนไปเพราะได้เจอธรรม ถ้าไม่ยอมไปเจอความลำบากเสียบ้าง ก็ไม่มีทางเห็นสัจธรรม

ลองไปพิสูจน์ดูได้ว่าจริงไหม ไม่แน่นะโยมอาจติดใจห้องน้ำอินเดียที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในโลกก็ได้(หัวเราะ)


 ask1 ans1 ask1 ans1

ถาม : บางครั้งเวลามีปัญหาหรือจิตตก หนูชอบหนีไปทำอย่างอื่นก่อน เช่น อ่านนวนิยาย เพราะไม่อยากจมอยู่กับปัญหา ทำแบบนี้จะหายทุกข์ไหมคะ

ตอบ : หนีมานานแล้วใช่ไหมล่ะ…ที่เป็นแบบนี้เพราะเรามีร่องจิตแบบตั้งรับมาตลอด ไม่ต้องถามเลยว่าในอดีตเคยสู้ไหม เปรียบกับนักมวย ก็ไม่ใช่พวกมวยไฟเตอร์ เป็นมวยหลบใน มวยตั้งรับ

ฉะนั้น ชาตินี้เป็นโอกาสดีที่จะแก้ตัว…ต้องปรับวิธีคิดใหม่ว่า จะออกจากสิ่งไหนต้องอยู่กับสิ่งนั้น จะออกจากความกลัว ต้องอยู่กับความกลัว อยู่อย่างเป็นผู้ดู ดูซิว่าความกลัวเป็นอย่างไร ต้องอยู่กับความกลัวจนความกลัวอยู่ไม่ได้ สุดท้ายจะเห็นว่าทุกอย่างไม่เสถียร เกิดขึ้นมา เดี๋ยวก็ดับไปยิ่งไม่อยากอยู่ ยิ่งต้องอยู่…อยู่จนไม่เหลือไม่อยาก

จริงๆ ถึงเราจะหลบอย่างไร สุดท้ายก็ต้องเจอสิ่งเดิมๆวนมาใหม่ ฉะนั้นให้ดูไปเลย สัญญา(ความจำได้) เรื่องไหนเกิดก็ดูไป ดูอย่างเดียว อย่าเอาอารมณ์เข้าไปร่วม เรื่องของคนนั้นคนนี้โผล่ขึ้นมา คนโน้นโกง คนนี้ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ก็ดูมันไป เอาสัญญามาเป็นอารมณ์ เป็นฐานของสติกรรม-ฐาน สัญญาเป็นเหมือนละอองน้ำ ผุด ๆ ๆออกมาแล้วก็ดับ ดับแล้วใจก็โล่งเบาบาง

หลายคนหลบหลีกความทุกข์ ความระทมขมขื่นไปเรื่อย ไปดูหนังฟังเพลงกินเหล้า เข้าผับบาร์ ก็จะติดนิสัยหลีกหนีจิตไม่ตั้งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่กล้าเผชิญหน้าสุดท้ายจะเป็นพวกเฉโก หาเหตุผลให้ตัวเองข้างๆคูๆไปเรื่อย เขาเรียกว่าพวกชอบหนีความเป็นจริง ทุกข์คือความจริง เราหนีทุกข์ ก็เท่ากับหนีความจริง แล้วจะหนีพ้นได้อย่างไร…ไม่มีทางหรอก

ธรรมะสอนให้เราไม่หนีความจริงไม่ปฏิเสธความจริง แต่สามารถอยู่กับความจริงได้ เมื่อยอมรับความจริงได้ก็จะไม่ทุกข์ ปัญญาก็จะเกิด เพราะได้รู้ความจริง

ดังนั้น เราต้อง…“อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิด สติ เราให้ทันอยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน…และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”

@@@@@@

Technic ก็สำคัญนะ

“แผน” หรือเทคนิคนี่สำคัญมากบางทีนักเตะศักยภาพเต็มเปี่ยม แต่โค้ชฝีมือไม่ดีก็เป็นแชมป์ไม่ได้ พอเปลี่ยนโค้ช บางทีมได้แชมป์เลย ดังนั้นการไปพบกัลยาณมิตร จะทำให้เราได้หลักเทคนิคหรือยุทธวิธีเพิ่มเติม เช่นการไปพบครูบาอาจารย์ บางทีคิดเองมันจนแต้ม พอเจอครูบาอาจารย์หรือเพื่อนพูดมาคำหนึ่งปุ๊บ คำตอบออกมา “ผัวะ” จิตโล่ง คลายทันที ดังนั้นการมีกัลยาณมิตรสำคัญที่สุด

คล้ายฟุตบอลที่รุกไปแล้วยิงไม่ได้ ก็ตั้งรับ เราถอยให้เขารุก จะได้มีช่องว่างให้เอาลูกบอลกลับคืนมาเหมือนมวย เขารุกมา เราน็อกไม่ได้ก็ถอยมาฟุตเวิร์คบ้าง เช่น ดูเวทนาดูความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ไม่หลบเลี่ยงหนี แต่ถ้าดูไปแล้วไม่ไหว มันเจ็บปวดมาก ก็ไปดูอย่างอื่น (กาย-จิต-ธรรม)ก่อน หรือฟังเสียง ดูคลิปอะไรไปก่อน แล้วค่อยมาดูเจ็บดูปวดใหม่นี่เขาเรียกว่า “แผน”



Photo by Jose Aragones on Unsplash
ขอบคุณที่มา : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/48589.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ