ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สัมผัส "สวรรค์" ทั้งที่ยังมีลมหายใจ ได้จริงไหม.?  (อ่าน 994 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



สัมผัส "สวรรค์" ทั้งที่ยังมีลมหายใจ ได้จริงไหม.?

ใคร ๆ ต่างทำบุญสร้างกุศลเพื่อเกิดเป็นเทวดาบน สวรรค์ สวรรค์เป็นดินแดนที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้หลังจากสิ้นอายุขัยไปแล้วเท่านั้นหรือ แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนเป็นสามารถสัมผัสสวรรค์ได้ ทั้งที่ยังมีลมหายใจ แล้วสวรรค์สำหรับคนเป็นเป็นอย่างไรกัน

สวรรค์เป็นดินแดนหลังความตาย พระพุทธศาสนาอธิบายว่าสวรรค์เป็นดินแดนแห่งหนึ่งในคติภพภูมิ สวรรค์จัดเป็นกามภพและสุคติภูมิเช่นเดียวกับโลกมนุษย์  มีตำนานทั่วโลกกล่าวถึงมนุษย์ขึ้นไปบนสวรรค์ พบกับเทวดาและนางฟ้า แต่สำหรับพระพุทธศาสนาแล้วแบ่งแยกชัดเจนว่า มนุษย์ผู้มีรูปกายหยาบไม่สามารถเข้าไปในภพภูมิของผู้ที่มีกายละเอียดได้ ซึ่งรวมถึงสวรรค์ด้วย

เมื่อมนุษย์ไม่สามารถไปยังสวรรค์ได้ทั้งที่ยังมีลมหายใจ แต่สามารถสัมผัสสวรรค์ได้ การสัมผัสถึงสวรรค์ใน ณ ที่นี้ คือ สภาวะของจิต การที่มนุษย์หลังจากตายแล้วไปเกิดยังสวรรค์หรือภูมิต่าง ๆ นั้น ก็ไปด้วยจิต และมีกรรมเป็นเครื่องนำพาสู่ภูมินั้น ๆ ไม่ต่างจากยานพาหนะ ดังนั้นสำหรับคนเป็นมีสิทธิ์ขึ้นหรือสัมผัสสวรรค์ได้ เพราะมีสภาวะของจิตในช่วงหนึ่งที่คล้ายกับสวรรค์

@@@@@@

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรที่มีชื่อว่า “ขณสูตร” มีความโดยสังเขปว่า

นรกหรือสวรรค์เกิดขึ้นที่อายตนะทั้งภายนอก ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และความนึกคิด ส่วนอายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ การที่เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านอายตนะแล้วเกิดความรื่นรมย์ ความพอใจ นี้คือการได้สัมผัสสวรรค์ แต่ถ้าหากเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านอายตนะแล้วไม่พอใจ ไม่มีความรื่นรมย์ ไม่น่าปรารถนา นี้คือการสัมผัสนรก

ดังนั้นความรู้สึกพึงพอใจ รื่นรมย์ นี้เป็นความรู้สึกที่มีทั้งมนุษย์และเทวดา เมื่อลุ่มหลงสิ่งอันน่ารื่นรมย์เหล่านี้ เทวดาและมนุษย์จึงไม่พ้นไปจากการเวียนว่ายในสังสารวัฏ


@@@@

แต่ทว่าสวรรค์ดินแดนอันเป็นสุขด้วยทิพยสมบัตินานา เป็นสถานที่ไม่ปรากฏความเสื่อม และประสบแต่ความสุขเป็นเวลายาวนานก็จริง แต่เทวดามีอายุขัย เมื่อผลกรรมที่สร้างมาใกล้หมด บังเกิดสัญญาณเตือน เช่น รัศมีเศร้าหมอง ดอกไม้ทิพย์ที่ประดับกายเหวี่ยง บังเกิดเหงื่อไหล เป็นต้น เทวดาพระองค์นั้นต้องจุติ (ตาย) ไปอุบัติ (เกิด) ยังภูมิอื่นทันที

ดังนั้นสวรรค์สำหรับคนเป็น จึงเป็นความรู้สึก (เวทนา) ที่ตนนั้นรื่นรมย์ ซึ่งมนุษย์สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ในทุกวัน แต่มันก็อยู่ไม่คงนาน เพราะมนุษยภูมิ หรือโลกมนุษย์ เป็นดินแดนที่เห็นความสุขและความทุกข์ได้อย่างชัดเจน พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์จึงเลือกอุบัติในภูมินี้ เพื่อศึกษาและเรียนรู้เพื่อไปสู่สภาวะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสภาวะที่หยุดนิ่ง ไม่มีความสุขและความทุกข์อีกต่อไป นั้นคือ พระนิพพาน


ที่มา : ขณสูตร
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/115809.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ