ความลับของนาคราช
ในค่ำคืนอันโหดร้าย พายุโหมกระหน่ำในทะเลคลั่ง เรือใหญ่ของพ่อค้าอับปางลง ผู้คนจมน้ำตายเป็นจำนวนมาก ชายคนหนึ่งรอดชีวิตมาได้ ไปถึงท่ากทัมพิยะ เขาเปลือยกายเที่ยวขออาหารจากชาวบ้าน ผู้คนสำคัญผิดคิดว่าเขาสันโดษอย่างยิ่ง มีคุณธรรมสูง จึงให้อาหารด้วยความเคารพ ช่วยสร้างอาศรมให้อยู่ ชายผู้นี้อาศัยอยู่ที่นั่นจนมีนามปรากฏโด่งดังว่า “กทัมพิยอเจลก” แปลว่า คนแก้ผ้าที่ท่ากทัมพิยะ
นอกจากคนทั้งหลายแล้ว แม้แต่นาคและครุฑก็มาหาเขา เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนักพรตผู้มีศีลธรรม
วันหนึ่ง เมื่อครุฑมาหา หลังจากพูดคุยเรื่องอื่นได้พอสมควรแล้ว ก็กล่าวขึ้นว่าา่ “ญาติของผมเวลาไปจับนาคมักจะตาย เพราะไม่รู้วิธี ท่านช่วยถามความลับในการจับนาคให้ด้วยเถิด”
@@@@@@
อเจลกรับคำด้วยหวังประจบพญาครุฑ เมื่อนาคมาหาจึงแอบลอบถามว่า นาคมีข้อลี้ลับอย่างใด จึงทำให้ครุฑจมน้ำตายเสียมากมาย
พญานาคตอบว่า เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของพวกกระผม ถ้าพูดออกไปแล้วจะนำความพินาศมาสู่เหล่านาคมากมายประมาณมิได้ แต่กระนั้นอเจลกชั่วก็ไม่เลิกรา พยายามถามทุกครั้งที่นาคมาหา ในที่สุดนาคก็บอกความลับให้ด้วยความไว้ใจผู้มีศีล
“พวกกระผมกลืนก้อนหินใหญ่ๆ เข้าไว้ในตัวให้หนัก เมื่อพวกครุฑมาจับ พวกกระผมก็จะทำเป็นยื่นหน้าออกไปแยกเขี้ยวคอยจะขบครุฑ พวกครุฑไม่รู้จึงจับศีรษะของพวกกระผมไว้ เมื่อพยายามจะฉุดก็ฉุดไม่ไหวเพราะหนักอึ้ง ขณะนั้นเองพวกกระผมก็จะใช้หางตีน้ำให้กระจายเป็นคลื่นขึ้นท่วมพวกครุฑตาย เพราะฉะนั้นถ้าจะจับพวกกระผมให้อยู่ ควรจับที่หางให้ศีรษะห้อยลงเพื่อให้สำรอกก้อนหินที่กลืนไว้ออกมา จะทำให้ตัวเบา แล้วคาบพวกกระผมไปได้โดยง่าย”
@@@@@@
เมื่อพญาครุฑได้ทราบความลับของนาคจากชีเปลือยแล้ว ก็ออกไปจับพญานาค เมื่อถูกจับ พญานาคก็คร่ำครวญว่า
“เรานำทุกข์มาให้ตนเองแท้ๆ เพราะภัยย่อมมาสู่คนไร้ปัญญา ชอบพูดพล่อย ไม่ปกปิดคุณพิเศษของตน ไม่สำรวมกาย วาจา ใจ ขาดการพิจารณา เราถูกจับได้เพราะวาจาของเราเอง
“ผู้ใดบอกความลับของตนแก่ผู้ที่ไม่สามารถรักษาความลับได้ ภัยย่อมมาถึงผู้บอกนั้น และไม่ควรบอกความลับกับมิตรเทียม ถึงแม้จะเป็นมิตรแท้แต่โง่เขลา หรือต่อให้มีปัญญา ถ้าเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ควรบอก เราคิดว่าชีเปลือยเป็นสมณะ จึงบอกแก่มัน ด้วยสำคัญผิดคิดว่ามันเป็นคนดี เรามันโง่จึงต้องพบภัย ข้าแต่พญาครุฑ ข้าพเจ้าขอยึดเอาท่านเป็นที่พึ่งด้วย”
@@@@@@
พญาครุฑฟังพญานาคคร่ำครวญแล้วติเตียนว่า
“นาคเอย ท่านบอกความลับกับชีเปลือยด้วยตัวท่านเอง แล้วท่านจะคร่ำครวญเอากับใครเล่า ในบรรดาเรา 3 คน คือท่าน ข้าพเจ้า และชีเปลือย ใครควรจะถูกติเตียน ตามความเห็นของข้าพเจ้า ท่านนั่นแหละควรถูกติเตียนยิ่งกว่าคนอื่น ลองนึกดูเถิดว่า ท่านถูกครุฑจับเพราะอะไร”
พญานาคตอบว่า
“ชีเปลือยนั้นเป็นผู้ที่เราเชิดชูแล้วว่าเป็นสมณะ เป็นที่รักของเรา เราจึงบอกความลับแก่มัน”
พญาครุฑเตือนว่า
“สัตว์ผู้ไม่ตาย ไม่มีในแผ่นดิน ปัญญาก็มีอยู่ ไม่ควรตำหนิผู้อื่นเกี่ยวกับเรื่องชีวิตของตน คนในโลกนี้ย่อมได้บรรลุความดีที่ตนยังไม่ได้เพราะสัจจะ ธัมมะ ปัญญา และทมะ"
“มารดาบิดาเป็นยอดแห่งพงศ์พันธ์ุ คนที่สามคือใครเล่า ที่จะมีความเอ็นดูเสมอด้วยมารดาบิดา"
@@@@@@
“คนฉลาดเมื่อรู้ว่ามนต์จะแตกก็ไม่ควรแพร่งพรายความลับแก่ผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นมารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาวผู้ร่วมมารดาบิดาเดียวกัน สหาย และญาติพี่น้องฝ่ายเดียวกับตน หรือแม้แต่ภรรยาและบุตร – ธิดา ก็ควรจะรักษาความลับไว้เหมือนรักษาขุมทรัพย์ เพราะถ้าความลับรั่วไหลไปถึงคนอื่นแล้วไม่ดีเลย"
“คนฉลาดไม่ควรบอกความลับแก่ผู้หญิง ผู้เป็นศัตรู ผู้มุ่งสินบน ผู้มุ่งล้วงความลับ เมื่อเขารู้ความลับแล้ว เขาก็จะมาตะคอกขู่เข็ญเอาทีหลังได้ คนที่มีความลับต้องไม่พูดพล่อย และต้องมั่นคงในประโยชน์ของตน”
เมื่อพญาครุฑกล่าวสั่งสอนแล้ว นาคราชจึงกล่าวว่า
“ชีเปลือย ละเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือน ศีรษะโล้นเที่ยวไปเพื่อหากินโดยแท้ เราบอกความลับแก่ชีเปลือย เราจึงพลาดเสียแล้ว
“บุคคลผู้ละตัณหากามารมณ์แล้ว ประพฤติตนเป็นนักบวช ทำอย่างไรมีศีลอย่างไร มีวัตรอย่างไร จึงจะได้ชื่อว่าสมณะผู้ลอยบาปแล้ว เขาทำอย่างไรจึงจะถึงฐานะอันเลิศ”
@@@@@@
พญาครุฑตอบว่า
“บุคคลผู้ละตัณหากามารมณ์แล้ว ประพฤติตนเป็นนักบวช ต้องประกอบด้วยหิริ (ความแขยงต่อบาป) ตีติกขา (ความอดกลั้นต่อสิ่งยั่วยวน) ทมะ (การฝึกตน) ขันติ (ความอดทน) อักโกธนะ (ความไม่โกรธ) ละวาจาส่อเสียดได้ จึงชื่อว่าสมณะ สมณะผู้ทำอย่างนี้ย่อมเข้าถึงสุคติสวรรค์”
นาคราชฟังแล้วเห็นว่าพญาครุฑเป็นผู้รู้ธรรมและมีธรรม จึงอ้อนวอนขอชีวิต พญาครุฑกล่าวตอบว่า
“ดูก่อนนาคผู้ลิ้นชั่ว เอาเถิดวันนี้เราจะให้ท่านพ้นจากความตายก่อน เราจะให้ชีวิตท่าน” พญาครุฑร่อนลงยังพื้นดิน วางนาคราชลงพลางปลอบใจว่า “วันนี้ท่านพ้นจากภัยทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ได้รับการคุ้มครองจากเราทั้งทางบกและทางน้ำ เราเป็นที่พึ่งของท่าน”
@@@@@@
ต่อมาพญาครุฑคิดจะทดลองนาคราชจึงไปยังนาคพิภพ พญานาคเห็นสำคัญว่าพญาครุฑจะมาจับจึงแผ่พังพาน ครุฑเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า
“ท่านแยกเขี้ยวจะขบเรา ดังว่าเราเป็นศัตรู ภัยของท่านจักมาแต่ไหนกัน”
พญานาคตอบว่า
“ในศัตรู บุคคลควรสงสัยไว้ก่อน แม้ในมิตรก็ไม่ควรวางใจเกินไป บางทีภัยเกิดขึ้นจากบุคคลซึ่งเข้าใจว่าหาภัยมิได้ แม้มิตรก็อาจกลับมาปลิดชีวิตได้ จะพึงวางใจในบุคคลที่เคยทะเลาะกันมาได้อย่างไร ผู้ใดระมัดระวังเตรียมตัวอยู่เป็นนิตย์ ผู้นั้นย่อมไม่ทำตนคุ้นเคยกับศัตรูของตน
“ควรให้ผู้อื่นวางใจในตน แต่ตนเองไม่ควรวางใจเขา อนึ่ง ถึงผู้อื่นจะไม่ระแวงตน แต่ตนควรระแวงเขา วิญญูชนควรพยายามโดยที่ฝ่ายปรปักษ์ไม่รู้”
@@@@@@
จอมสัตว์ทั้งสองสนทนากันแล้วต่างพอใจในอัธยาศัยของกันและกัน จากนั้นจึงพากันไปยังอาศรมของชีเปลือย พญาครุฑคิดว่า ‘นาคราชคงไม่ไว้ชีวิตชีเปลือยแน่นอน เราก็จะไม่ไหว้มันผู้ทุศีล’ คิดดังนั้นแล้วจึงยืนอยู่ภายนอก ให้พญานาคเข้าไปเพียงลำพัง
พญานาคเข้าไปหาชีเปลือยแล้วกล่าวว่า
“ชีเปลือยผู้ทุศีล เราคงไม่เป็นที่รักที่พอใจของท่านเป็นแน่แท้ ท่านจึงจงใจทำลายเราโดยบอกความลับแก่พญาครุฑ”
ชีเปลือยตอบว่า “เรารักพญาครุฑมากกว่าท่าน จึงทำไปเช่นนั้น”
@@@@@@
นาคราชกล่าวว่า “บรรพชิตไม่ควรถือว่าสิ่งนี้เป็นที่รักของเรา สิ่งนี้ไม่เป็นที่รักของเรา ท่านเป็นผู้ไม่สำรวมไม่เป็นอริยะ แต่แสร้งทำว่าเป็น ท่านมิใช่คนประเสริฐ ได้ประพฤติบาปทุจริตไว้มาก”
จากนั้นนาคราชจึงได้สาปแช่งชีเปลือยว่า
“เจ้าคนเลวทราม เจ้าประทุษร้ายมิตรผู้ไม่ประทุษร้าย นับเป็นคนส่อเสียด ดังนั้นด้วยสัจวาจานี้ ขอศีรษะของเจ้าจงแตกเป็น 7 เสี่ยง”
สิ้นคำสาปแช่ง ศีรษะของชีเปลือยก็แตกเป็น 7 เสี่ยง สิ้นชีวิตอยู่ ณ ที่นั้นเอง ที่มา : นิตยสาร Secret
เรื่อง : เก็บมาเล่าโดย ขวัญ เพียงหทัย , ภาพ dec053
Secret Magazine (Thailand) , IG @Secretmagazine
ขอบคุณเว็บไซต์ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/133945.htmlBy ying , 14 January 2019