มหัศจรรย์แห่งความกังวล ใช้ประโยชน์ของความกังวล ช่วยพัฒนาชีวิตเมื่อพูดถึงประโยชน์ของความกังวล เชื่อว่ามีคนไม่น้อยที่ทำหน้าฉงนสงสัย ความกังวลจัดเป็นกลุ่มความเครียดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครชอบตัวเองเท่าไรที่ต้องกลายเป็นคนขี้กังวล ถ้ากังวลมากไปก็ไม่ดี จะกลายเป็นโรควิตกกังวล แต่อยากให้ลองเปิดใจรับว่า เพื่อนของเราที่ชื่อ “ความกังวล” เขาก็มีข้อดีช่วยพัฒนาชีวิตของเราได้
คนที่กล้าพูดว่า ความกังวลเป็นสีสันอย่างหนึ่งของชีวิต คือคุณเคนอิจิโร่ โมงิ นักวิชาการด้านสมอง เจ้าของผลงานเรื่อง “ฝึกสมองให้มองแต่ความสุข” หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเปลี่ยนความกังวลเป็นความหวัง เปลี่ยนความเครียดเป็นพลังบวก เพียงฝึกสมองของเราให้มีความสุข
ทางพระพุทธศาสนา สมเด็จพระญาณสังวรกล่าวว่า การคิดแต่เรื่องดี ๆ (เรื่องบวก) ก็เป็นการทำกุศลกรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้นการที่เราคิดแต่เรื่องบวกก็เป็นการทำบุญให้ตัวเองอีกอย่างเช่นกัน
@@@@@@
คุณเคนอิจิโร่ โมงิ กล่าวว่า ลักษณะของความกังวลจะเปลี่ยนไปตามทักษะและประสบการณ์ของแต่ละคน จากประสบการณ์ที่ศึกษาวิจัยมาพบว่า ชาวญี่ปุ่นเป็นชาติหนึ่งที่กังวลง่าย ซึ่งเป็นเพราะพวกเขาขาดทักษะในการรับมือกับความกังวล หลายคนมองว่า ชาวญี่ปุ่นไม่สามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างชาญฉลาด เพราะขาดการฝึกรับมือกับความกังวลตั้งแต่วัยเด็ก
ใจที่พร้อมจะเผชิญกับความกังวลและความเสี่ยงไม่ใช่เรื่องของสัญชาตญาณ แต่มาจากประสบการณ์ที่พบเจอแล้วนำมาพัฒนาตนเองจนข้ามพ้นความกังวลไปได้ เมื่อเจอกับเหตุการณ์นี้ครั้งแรก ด้วยความที่เป็นครั้งแรก จึงต้องยอมเจ็บกับเหตุการณ์นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเริ่มคิดได้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต้องคล้ายกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ดังนั้นเมื่อเคยผ่านมาแล้วย่อมหาทางออกได้เองอัตโนมัติ
@@@@@@
ทำไมจึงบอกว่า วัยเด็กจะไม่เคยพบเจอกับความกังวล นั่นเพราะอยู่ภายใต้การดูแลของคุณครู คุณครูเป็นผู้บอกทาง จึงทำให้เด็ก ๆ ไม่มีวันพลาด ถ้าทำตามที่คุณครูสอน เมื่อชีวิตของการเป็นนักเรียนมีคุณครูคอยดูแลมาตลอด พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หรือเข้าสู่วัยอุดมศึกษา จึงต้องประสบกับความเจ็บปวดเพราะขาดประสบการณ์ที่จะแก้สถานการณ์เมื่อเจอกับปัญหา หรือตั้งรับกับความรู้สึกกังวลได้ เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยด้วย เส้นทางข้างหน้าที่เดินไปไม่มีใคร (คุณครู) ที่จะมาบอกเตือนอีกแล้ว
การที่จะเอาชนะความกังวลได้คือการเผชิญหน้ากับความกังวล ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้ เมื่อเกิดความกังวล เราจะเกิดความพยายามไม่ให้เรื่องที่คิดเกิดขึ้น เช่น กังวลว่าเงินเดือนจะใช้ไปไม่ถึงสิ้นเดือน ทางออกก็คือบางสัปดาห์ของเดือน ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด หรือ กังวลว่างานที่ทำอยู่จะไม่บรรลุเป้าหมาย ทางออกจะมีอยู่ 2 ทางคือ ปล่อยวางว่าอย่างไรก็ไม่ไปถึงเป้าหมาย แต่ขอตั้งใจและทุ่มเทกับการทำงานให้ได้มากที่สุด หรือ พยายามค้นหากลยุทธ์ที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมาย ก็เท่านั้นเอง
@@@@@@
คุณเคนอิจิโร่ โมงิ ยกเรื่องของคุณโอะซะมุ เทะซึกะ นักวาดการ์ตูนคนหนึ่ง ซึ่งเขากังวลมากว่าเขาจะยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนักวาดการ์ตูนได้ไม่เต็มภาคภูมิ ถึงเขาจะมีพรสวรรค์อยู่กับตัว แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างก็ทำให้อดกังวลไม่ได้ เช่น เขาอาจจะกลบหายไปกับนักวาดการ์ตูนฝีมือดี แล้วเขาก็จะถูกลืม แต่สุดท้ายเขาก็มาสู่เส้นทางนี้ และสิ่งที่เขากังวลก็เกิดขึ้นเมื่อมีนักวาดการ์ตูนรุ่นใหม่ไฟแรงเกิดขึ้นมากมาย เขาจึงพัฒนาตนเองด้วยการสร้างการ์ตูนในรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ความกังวลเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของเรา หากไม่มีเขาชีวิตของเราคงขาดแรงผลักดัน เพราะเขาจึงทำให้เราพยายาม แต่การปล่อยให้เพื่อนรักคนนี้มีอิทธิพลต่อเรามากไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะความกังวลมีไว้พอเป็นเครื่องปรุงชีวิตที่จะทำให้เราฉลาดขึ้น
“เวลากินแตงโม หากโรยเกลือป่นลงไปนิดนึง จะทำให้ความหวานของแตงโมเด่นขึ้น ซึ่งเจ้าความกังวลนี้ก็คือเกลือป่นที่จะทำให้ชีวิตของเราโดดเด่น” เคนอิจิโร่ โมงิ กล่าว ที่มา : ฝึกสมองให้มองแต่ความสุข โดย เคนอิจิโร่ โมงิ
ภาพ :
https://pixabay.comขอบคุณ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/160017.htmlBy nintara1991 ,19 June 2019