ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เหงากันทั้งอำเภอ.! เมื่อวิจัยบอกว่า "ความเหงา" แพร่กระจายได้ คล้ายโรคติดต่อ.!!  (อ่าน 1026 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ภาพจาก pixabay.com


เหงากันทั้งอำเภอ.! เมื่อวิจัยบอกว่า "ความเหงา" แพร่กระจายได้ คล้ายโรคติดต่อ.!!

    - ผู้คน  52% จะรู้สึกเหงากว่าปกติ ถ้าคนใกล้ตัวรู้สึกเหงา
    - ผู้ชายเหงาน้อยกว่าผู้หญิง แต่เหงาแล้วอันตรายมากกว่า!
    - เมื่อไหร่ที่รู้สึกเหงา รู้ไว้เลยว่าคือสัญญาณเตือนว่า "ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้ว"

น้องๆ ชาว Dek-D  ใครบ้างไม่เคยเหงา.? พี่กวางว่าไม่น่าจะมีนะคะ หรือถ้ามีก็ถือว่าเป็นคนที่โชคดีมากๆ เพราะต่อให้เพื่อนเยอะ เรียนหนัก ชีวิตวุ่นๆ แค่ไหน ไม่รู้ทำไม ความเหงาก็ยังแอบเข้ามาทักทายเราได้ทุกครั้งไป (ใครเป็นบ้าง?) จากผลการศึกษาพบว่าโลกเรามีคนเหงามากขึ้นทุกปี และมนุษย์เรายังมีเพื่อนที่ไว้ใจได้น้อยลงเรื่อยๆ ที่น่าทึ่งสุดๆ ไปเลยก็คือ ความเหงานี้ไม่ได้โจมตีเฉพาะวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่เท่านั้นนะ แต่แม้กระทั่งเด็กอนุบาลหรือนักเรียนชั้น ป.1 ยังพบว่ารู้สึกเหงาได้ไม่แพ้วัยรุ่นอย่างเราเลย

แล้วน้องๆ เคยสังเกตไหม.? ว่าเวลารู้สึกเหงา โลกจะกลายเป็นสีเทาๆ คล้ายคนรอบข้างเหงาไปพร้อมเราด้วย เรื่องนี้บอกเลยว่าน้องๆ อาจไม่ได้คิดไปเองค่ะ เพราะมีผลวิจัยที่บอกมาแล้วว่า ที่จริงความเหงาสามารถแพร่กระจายสู่คนรอบข้างได้ คล้ายโรคติดต่อเลยทีเดียว
 
@@@@@@

เพราะจากผลวิจัยหัวข้อ Alone in the crowd: The structure and spread of loneliness in a large social network  ยืนยันว่า ความเหงาสามารถแพร่กระจายไปสู่คนรอบข้างได้คล้ายเชื้อหวัด ต่างกันตรงที่เชื้อความเหงาไม่ได้แพร่กระจายด้วยวิธีจามใส่กัน หรือกินน้ำแก้วเดียวกัน แต่แพร่กระจายผ่านพลังงานแง่ลบที่เราส่งต่อให้คนรอบตัวต่างหาก...

แน่นอนว่าผลวิจัยนี้ไม่ได้ติ๊ต่างขึ้นมาเล่นๆ แต่ใช้เวลานานถึง 10 ปีในการศึกษาผ่านกลุ่มตัวอย่างกว่า 5,000 คนที่มีปัญหาด้านความเหงาจากการทำแบบทดสอบ Loneliness Questionnaire รวมถึงมีประวัติการรักษาอย่างสม่ำเสมอ พบว่าเมื่อศึกษาไปถึงคนรอบๆ ตัวของพวกเขาทั้งเพื่อนและญาติ  ได้ผลลัพธ์ดังนี้

          - ผู้คน 52% จะรู้สึกเหงากว่าปกติ ถ้าคนใกล้ตัวรู้สึกเหงา
          - ผู้หญิงเหงามากกว่าผู้ชาย
          - ความเหงาแพร่กระจายในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
          - ความเหงาแพร่กระจายในหมู่เพื่อนฝูง มากกว่าครอบครัว

 
ภาพจาก pixabay.com

รวมถึงยังมีผลวิจัยอีกมากมายที่บอกว่า ความเหงาก่อให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพ  ทั้งทำลายสมอง รบกวนระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังทำให้เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าอีกต่างหาก ที่สำคัญมีการค้นพบเพิ่มเติมอีกด้วยว่า คนเหงามีแนวโน้มจะดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น และออกกำลังกายน้อยลงกว่าคนปกติ เพราะคนเหงามักติดกินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์  รวมถึงนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ทำให้เพลียในเวลากลางวัน และทำให้หน้าแก่ไว

ที่น่าสนใจคือ แม้ผลการวิจัยจะบอกว่าผู้หญิงเหงามากกว่าผู้ชาย แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าผู้ชายเหงา จะอันตรายถึงชีวิตได้มากกว่าผู้หญิงหลายเท่า! เพราะธรรมชาติของผู้ชายนั้นแสดงออกน้อยกว่า จึงมักเก็บความเหงาไว้คนเดียวในใจ ทำให้ฟื้นตัวจากความเหงาได้ยาก และยังมีความเครียดที่มาก การศึกษาจึงพบว่า ผู้ชายหลายคนรู้สึกเหงาแต่เลือกจะเก็บไว้โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร ทำให้เมื่อรู้ตัวอีกที ก็เกิดความเสียหายต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรงซะแล้ว

 
ภาพจาก pixabay.com

อื้อหือ ถ้าความเหงามันร้ายขนาดนี้ เราจะรับมือยังไงดีล่ะ! พี่กวางก็บอกเลยว่าจริงๆ แล้วเราสามารถรับมือกับความเหงาได้ง่ายๆ ไม่ยากเลยค่ะ

   1. จำไว้เสมอนะคะ ว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเหงา เป็นสัญญาณเตือนว่าเราต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง  อาจจะเป็นสถานที่, กิจกรรม, สังคม หรือผู้คนรอบข้างค่ะ
   2. ทำความเข้าใจว่าความเหงาส่งผลกระทบอะไรกับตัวเราบ้าง ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
   3. ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ และได้มีสังคมใหม่ๆ
   4. พัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ดีต่อใจเรา อาจจะเป็นเพื่อนที่ชอบสิ่งเดียวกัน หรือคิดอะไรคล้ายๆ กันก็ได้
   5. "มองโลกในแง่ดี" สำคัญมาก เพราะว่าคนเหงาส่วนใหญ่มักคาดหวังอะไรในแง่ร้าย จึงควรฝึกจิตให้คาดหวังสิ่งดีๆ มองโลกในแง่ดีไว้ค่ะ
 
@@@@@@
 
ทีนี้เชื่อพี่กวางรึยังคะ ว่า “ความเหงา” เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ร้ายกาจกว่าที่คิด แต่เราสามารถจัดการมันได้!  ดังนั้นใครที่กำลังรู้สึกเหงา อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกนั้นนาน ลองหากิจกรรมทำ หรือพูดคุยกับใครสักคนที่เรารู้สึกไว้ใจและสบายใจ หรือน้องๆ ชาว Dek-D คนไหนมีเคล็ดลับอะไรแก้เหงาบ้าง แนะนำเพื่อนๆ ไว้ได้เลยค่ะ


 
ที่มา : (1) https://www.verywellmind.com/ , (2) https://www.verywellmind.com/ , https://www.cam.ac.uk/
ขอบคุณ : https://www.dek-d.com/article/52937
By พี่กวาง Columnist
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ