เที่ยวชม 'วัดบ้านแหลม' ไหว้พระพุทธรูป "คู่เมืองแม่กลอง"
สัปดาห์นี้ไปเที่ยววัดบ้านแหลม กราบไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองคนสมุทรสงคราม ตำนาน “พระพุทธรูปสามพี่น้อง” เล่าขานไม่รู้จบ
...เที่ยวสงกรานต์งานวัดบ้านแหลม เคยเที่ยวชมกับโฉมแฉล้มเมื่อคืนข้างแรมเมษา...วัดบ้านแหลม คือ คำเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการของวัดเพชรสมุทรวรวิหาร อายุ 255 ปี
วัดเพชรสมุทร ที่ถูกพาดพิงกล่าวถึงเมื่อเกิดเหตุการณ์ศาลาริมน้ำที่ก่ออิฐถือปูนอย่างเรียบง่ายถล่มไหลลงลำน้ำแม่กลองไปต่อหน้าต่อตาคนนับร้อย เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา ผู้คนจึงมากเป็นพิเศษกว่าทุกวัน
ศาลาเรือนไทยที่ก่อสร้างมานานถึง 40 ปี จึงทรุดถล่ม หลังส่งสัญญาณเตือน ด้วยรอยแยกระหว่างพื้นปูนทางเข้าศาลากับถนน และ เสียงแตกรานของเสาปูนที่ดังสนั่นราวถูกกระแทกด้วยไม้ขนาดใหญ่
วัดบ้านแหลม เป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อวัดบ้านแหลม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองคู่บ้านคนสมุทรสงคราม พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ของผู้เกิดวันพุธกลางวัน ศิลปะสมัยอยุธยา ขนาดความสูง 2 เมตร 80 เซ็นติเมตร หล่อด้วยทองเหลืองปิดทอง
มีเรื่องเล่าถึงที่มาของหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ถึงที่มาที่ไปสุดมหัศจรรย์ว่า พระพุทธรูปสามพี่น้อง ลอยมาตามน้ำบางปะกง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี ต่างคิดหาวิธีอัญเชิญองค์พระพุทธรูปทั้งสามขึ้นฝั่ง ทั้งพยายามยกขึ้นเรือ ก็ไม่สำเร็จ ใช้เชือกขนาดใหญ่มารั้ง ก็ไม่สำเร็จ ท้ายที่สุดพระพุทธรูปทั้งสามจมหายไปต่อหน้า
สถานที่ที่องค์พระพุทธรูปทั้งสามมาปรากฏให้เห็นด้วยการลอยวนไปวนมานั้น เรียกว่า สามพระทวน ปัจจุบันเพี้ยนเป็นสัมปทวน เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
จากบันทึกเรื่องเล่าของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามองค์นี้ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นองค์แรกที่วัดศรีจำปา ชื่อเดิมของวัดบ้านแหลม หรือ วัดเพชรสมุทร องค์ต่อมาคือ หลวงพ่อพุทธโสธร ขึ้นฝั่งที่หน้าวัดหงส์ ชื่อเดิมของวัดโสธร
หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าทั้งสององค์ ยังคงลอยมาตามลำน้ำเจ้าพระยา ปรากฏให้คนเห็นที่ตำบลหนึ่งในกรุงเทพฯ เล่ากันต่อมาว่า ต้องใช้คนถึงสามแสนคนช่วยกันฉุดรั้งด้วยเชือกขนาดใหญ่ไม่สำเร็จ สุดท้ายจมน้ำหายไปต่อหน้า ต่อมาตำบลนี้เลยมีชื่อเรียกว่า บางสามแสน ต่อมาเพี้ยนเป็นสามเสน
หลวงพ่อโตองค์สุดท้ายมาปรากฏอีกครั้งที่ปากคลองสำโรง ชาวบ้านละแวกนี้ผูกแพช่วยอัญเชิญท่านขึ้นจากคลอง พร้อมตั้งจิตอธิษฐานว่า ท่านประสงค์จะขึ้นประดิษฐานที่วัดไหนให้หยุดตรงนั้น
หลวงพ่อโต เลือกหยุดที่วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม วัดที่สร้างขึ้นครั้งกรุงศรีอยุธยา คราวเมื่อสมเด็จพระนเรศวรชนะศึกเขมร โปรดให้สร้างขึ้นต่อมาเรียก วัดบางพลี และใช้ชื่อ วัดบางพลีใหญ่ ต่อมาจนปัจจุบัน
พระพุทธรูปทั้งสามองค์ล้วนแต่ประดิษฐานอยู่ที่วัดใกล้กับแม่น้ำสายสำคัญทั้งสิ้น ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มีมากขนาดไหน คงบอกเล่ากันไม่หมดแต่ที่วัดบ้านแหลมมักจะมีหนุ่มสาวเกี่ยวก้อยคล้องแขนกันไปสาบานว่า จะผูกสมัครรักใคร่ไม่ทอดทิ้งแยกจากกัน ทว่าทุกคู่มักจะลืมคิดไปว่า หลวงพ่อท่านเป็นพระจะทำกระไรได้กับใจที่ไม่ซื่อตรง
วัดริมน้ำมักจะมีศาลาริมน้ำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับศาลาวัดบ้านแหลม บอกกับเราว่า หากมีเหตุปัจจัยอะไรที่ไม่ใช่เรื่องปกติ ควรถอยมาตั้งหลักให้ไกลคอลัมน์ : ชำเลืองเมือง โดย “แรมทาง”
ขอบคุณภาพจาก : หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร , วัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง หลวงพ่อโตบางพลี, วัดโสธรวราราม วรวิหาร
ขอบคุณที่มา :
https://www.dailynews.co.th/article/721483อังคารที่ 23 กรกฎาคม 2562 เวลา 11.00 น.