ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาร รบกวนเวลา บรรทมของพระพุทธเจ้า และเทวดาเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอ  (อ่าน 801 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29315
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาร รบกวนเวลา บรรทมของพระพุทธเจ้า และเทวดาเข้าเฝ้าเยี่ยมพระอาการ

ทราบกันดีว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงประสบกับภัย มารมักมาเข้าเฝ้าพระองค์ แต่คราวนี้หลังจากพระบาทของพระองค์ต้องสะเก็ดหิน มารก็มา รบกวนเวลา บรรทมของพระองค์ เพราะอะไร และมีเหล่าเทวดามาร่วมด้วยอีก

ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ มฤคทายวัน อันเป็นสถานที่พระเจ้าพิมพิสารพระราชทานอภัยแก่กวาง (เขตอภัยทานสัตว์ประเภทกวาง) พระบาทของพระองค์กระทบกับสะเก็ดหิน แต่พระองค์ทรงระงับความรู้สึก (เวทนา) เจ็บปวดไว้ พระองค์ทรงรับสั่งให้พระภิกษุปูผ้าสังฆาฏิสี่ชั้น แล้วพระองค์บรรทมด้วยท่าสีหไสยาส และทรงกำหนดมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา

ในทันใดนั้นเอง มารผู้มีบาปได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์บรรทมด้วยความซึมเซา (ง่วง) หรือมัวเมาคิดกาพย์กลอนอะไรอยู่ (นอนนึกบทกวีแบบนักปราชญ์ และนักกวีทั้งหลาย) ประโยชน์ของพระองค์มีไม่มาก (ไม่ได้สำเร็จธรรม) ท่านประทับอยู่ ณ ที่บรรทมอันเงียบสงัดแต่เพียงผู้เดียว ตั้งพระทัยที่จะบรรทม แต่ไฉนทรงไม่หลับ”

@@@@@@

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบมารผู้มีบาปว่า “เราไม่ได้นอนด้วยความซึมเซา และไม่ได้มัวเมาคิดกาพย์กลอนอะไร เราสำเร็จในประโยชน์แล้ว (บรรลุธรรม) ปราศจากความเศร้าโศกทั้งปวง (หยุดวงจรปฏิจสมุปบาท) การที่เรานอนอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว เรานอนคำนึงถึงสรรพสัตว์ด้วยความเมตตา ชนเหล่านั้นมีลูกศรเสียบอยู่ที่อกแล้วร้อยที่หัวใจให้ลุ่มหลง (ลูกศรในที่นี่หมายถึงกิเลส) ชนเหล่านั้นยังนอนหลับได้โดยไม่รู้สึก (เจ็บ)อะไร ทำไมเราผู้ปราศจากลูกศรนั้นแล้ว จะหลับไม่ได้เล่า เราเดินไปก็ไม่มีความหวาดหวั่น ถึงจะหลับก็ไม่มีความกลัวเกรง ไม่ว่าจะเวลาใดก็ไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราไม่พบเห็นความเสื่อมใดใดในโลก ฉะนั้นเราจึงนอนคำนึงถึงสรรพสัตว์ด้วยความเมตตาอย่างนี้”

มารผู้มีบาปได้ฟังคำตอบของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วถึงกับอุทานว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา” แล้วมารก็อันตรธานหายไป


ขอบคุณภาพจาก www.84000.org

ต่อมาเมื่อเวลาปฐมยามผ่านไป เหล่าเทวดาสตุลลปกายิกา (กลุ่มเทวดาที่เมื่อตอนเป็นมนุษย์ได้ยกย่องสมาทานธรรมของคนดี หรือสัตบุรุษ)พากันมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าจนมฤคทายวันสว่างไสวไปด้วยรัศมีของเทวดา

เมื่อเหล่าเทวดากราบบูชาพระพุทธเจ้าแล้ว ก็นั่งในที่สมควร เทวดาองค์หนึ่งลุกขึ้นแล้วสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า "พระสมณโคดมทรงเป็นนาคหนอ ทรงมีสติสัมปชัญญะระงับเวทนาได้ ทรงมิได้เดือดร้อนกับความรู้สึกนั้นเลย"

เทวดาอีกองค์ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “พระสมณโคดมทรงเป็นสีหะ (ราชสี หรือ สิงโต) ทรงมีสติสัมปชัญญะระงับเวทนาได้ ทรงมิได้เดือดร้อนกับความรู้สึกนั้นเลย”

ต่อมาเทวดาอีกองค์พูดว่า “พระสมณโคดมทรงเป็นอาชาไนย (ม้า) ทรงมีสติสัมปชัญญะระงับเวทนาได้ ทรงมิได้เดือดร้อนกับความรู้สึกนั้นเลย”

@@@@@@

จากนั้นเทวดาอีกองค์ก็เปล่งวาจาว่า “พระสมณโคดมทรงเป็นผู้องอาง ผู้ใฝ่ในธุระ ผู้ฝึกแล้ว ท่านทั้งหลายโปรดพิจารณาการเจริญสมาธิของพระองค์ที่ทรงทำดีแล้ว ปกติจิตจะเป็นไปตามราคะและโทสะ แต่พระองค์ทรงไม่ให้น้อมไป ทรงข่มจิตนั้นไว้ โดยไม่จำเป็นต้องห้ามจิตนั้น พระองค์ทรงเป็นบุรุษนาค บุรุษสีหะ บุรุษอาชาไนย บุรุษองอาจ บุรุษใฝ่ธุระ บุรุษฝึกแล้ว พระองค์ไม่สมควรเป็นผู้ที่ถูกล่วงเกิน นอกจากคนผู้นั้นไม่มีดวงตา”

เรื่องที่ยกมาเล่าทั้งหมดนี้มาจากพระสูตร 2 เรื่องที่มีชื่อเหมือนกันคือ สกลิกสูตร พระสูตรแรกเล่าถึงตอนพระพุทธเจ้าประสบกับสะเก็ดหินกระทบพระบาทจนสร้างความเจ็บปวดให้พระองค์ไม่น้อย แต่พระองค์ทรงข่มเวทนานั้นไว้ มารได้เข้ามาลองดีกับพระพุทธเจ้า เพราะเห็นว่าพระองค์กำลังบรรทม ทั้งที่จริงแล้วทรงกำลังแผ่เมตตาไปในเวไนยสัตว์ทั้งหลาย เมื่อมารทราบดังนั้นจึงหลีกไป เหล่าเทวดาพากันมาเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยมพระอาการ และสรรเสริญพระองค์ว่าการข่มเวทนาของพระองค์เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก


 
ที่มา :-
www.84000.org/สกลิกสูตร ว่าด้วยสะเก็ดหิน
www.84000.org/สกิลกสูตร
www.84000.org/อรรถกถาสัพภิสูตร
ภาพ : https://pixabay.com , www.84000.org/tipitaka/picture
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/166250.html
By nintara1991 ,24 July 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ