ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ‘มโนกรรม คือ จุดเริ่มต้น ความสำเร็จของพระพุทธเจ้า’  (อ่าน 821 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


 :25: :25: :25:

‘มโนกรรม คือ จุดเริ่มต้น ความสำเร็จของพระพุทธเจ้า’

มโนกรรม คำนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราท่านจะเข้าใจนัก ความหมายโดยรวม คือ การกระทำด้วยจิตใจ แต่คนยุคใหม่นำเอาคำว่า มโน มาใช้ในบางมุม ที่สื่อส่อไปในทางเพ้อเจ้อ เชื่อหรือไม่ว่า ศิลปิน ปราชญ์ ศาสดา หรือแม้แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ก็ตาม ต่างก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการมโนกรรมทั้งสิ้น

ทีนี้ในเรื่องของ มโนกรรม นั้น ย่อมต้องมีทั้งฝ่ายบวกหรือกุศล และฝ่ายลบหรืออกุศล ร่วมอยู่ด้วยเป็นเนืองนิตย์ เพียงแต่เราจะหยิบฝ่ายไหนมาใช้ให้ตรงกับเป้าหมายของชีวิตเรา

ในฝ่ายมหายานนั้น เขาถึงขนาดกล่าวว่า มโนกรรม เป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของเจ้าชายสิทธัตถะเลยทีเดียว ด้วยในสมัยนั้น คำว่า นิพพาน ที่แปลว่า เย็นสนิท ดับไม่เหลือ เป็นสิ่งที่ลัทธิทั้งหลายต่างก็อ้างตนว่า วิธีของตนนั้นเข้าถึงนิพพานได้ด้วยกันทั้งนั้น

แต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ออกจากพระราชวังแล้วมาปฏิบัติตามจากหลายๆ สำนัก หลายๆ วิธี ยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งทำให้ทราบในหัวใจว่า แต่ละวิธีที่ทำนั้นยังไม่ใช่นิพพาน แต่พระองค์ก็ยังคงมีมโนกรรมในใจว่า นิพพานนั้นมีอยู่จริงๆ บนโลกใบนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไรแล้วจุดจบที่พบกับคำว่านิพพานนั้นเป็นอย่างไร

@@@@@@

มโนกรรม ซึ่งถ้านำเอามาคิดในเชิงทางกุศล นอกจากจะไม่มีความอยากได้ของผู้อื่นเขาแล้ว ไม่พยาบาทปองร้าย และมีความเห็นชอบตามธรรม ยังมีอีกหลายความหมายของคำว่า มโนกรรม ในเชิงกุศลอีกด้วย แม้แต่คำว่า จินตนาการ คำนี้ก็ถือได้ว่าเป็นมโนกรรม และถ้าจินตนาการไปในฝ่ายกุศลด้วยแล้วพลังแห่งจินตนาการจะมีมากมายมหาศาล

เจ้าชายสิทธัตถะทรงใช้จินตนาการในหัวใจของพระองค์ว่า หนทางไปสู่นิพพานนั้นมีอยู่จริงๆ คำว่านิพพานไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน เมื่อทรงเชื่อมั่นอย่างนั้นก็ลงมือปฏิบัติแบบเอาเป็นเอาตาย ลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วนถึงขนาดเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็มี

เมื่อมโนกรรม เกิดเป็นในรูปของจินตนาการฝ่ายดี แล้วลงมือทำอย่างเอาจริงเอาจัง ความสำเร็จย่อมบังเกิดขึ้น เหมือนที่เจ้าชายสิทธัตถะพึงปฏิบัติและค้นหาจนพบหนทางและวิธีการไปสู่นิพพานอย่างแท้จริง

@@@@@@

หลักคิดแบบนี้ แม้แต่ ไอน์สไตน์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะของโลกคนหนึ่ง ยังอ่านตำรามากมายของพระพุทธศาสนาในนิกายมหายาน และสิ่งหนึ่งที่เขาค้นพบ ก็คือ จินตนาการ เช่นกัน ถึงกับมีการเขียนเป็นคำสั้นๆ กระชับๆ ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”

แต่ในคำนี้ไม่ได้บอกหมายถึงว่า คุณไม่ต้องมีความรู้ก็ได้ แต่ในที่นี้หมายความว่า คุณต้องมีความรู้เข้ามาประกอบด้วย

ศิลปินทั้งหลาย ปราชญ์ทั้งหลายตลอดทั้งนักวิทยาศาสตร์บนโลกนี้ ใครบ้างไม่มีจินตนาการ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามเมื่อปรารถนาในความสำเร็จ สิ่งที่คุณต้องมี คือ จินตนาการ และต้องเป็นจินตนาการในเชิงบวกเท่านั้น ที่จะเกิดพลังมากมาย น้อมนำพาคุณให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ คำว่า มโนกรรม ยังสื่อออกไปได้ในเชิงกุศลอีกมากมาย แค่เราจินตนาการในเรื่องที่ดีๆ จะเพื่อตนเอง หรือเพื่อผู้อื่นก็ตาม แต่ต้องเป็นเรื่องในเชิงกุศลที่ไม่ก่อเกิดความเบียดเบียนให้ผู้อื่นเลยนั้น ย่อมสามารถทำให้เกิดเป็นผลสำเร็จได้อย่างแท้จริง


@@@@@@

ลองคิดในมุมกลับกันดูว่า ถ้าสองพี่น้องไรต์ ทั้งวิลเบอร์ ไรต์ และออวิลล์ ไรต์ ขาดซึ่งจินตนาการเสียแล้ว โลกเราก็คงจะยังไม่มีเครื่องบินกำเนิดเกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้แน่นอน ใครจะไปเชื่อว่า มนุษย์จะลอยขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าได้ พูดไปในยุคนั้น ก็คงไม่ต่างกับการเพ้อเจ้อ เรื่องที่ยากๆ ของโลกใบนี้ สำเร็จลงได้เพราะคำว่า จินตนาการ ทั้งสิ้น แล้วแบบนี้ตัวของคุณเอง ถ้าหากพึงปรารถนาในความสำเร็จ จะไม่คิดมีจินตนาการในใจบ้างหรืออย่างไร

จินตนาการ อย่างแรกที่ต้องมี คือ การจินตนาการไปในเชิงบวก เวลาคิดอะไรก็ตามต้องคิดไปในเชิงบวกมากกว่าในเชิงลบ เวลาเห็นอะไรก็ตาม ควรที่จะคิดไปในมุมบวกที่มากกว่าในมุมลบ แล้วความสำเร็จจะเป็นของคุณสักวันอย่างแน่นอน

แต่สิ่งหนึ่งอยากทิ้งท้ายเอาไว้ให้คิด ในเมื่อจินตนาการ เป็นมโนกรรม และเป็นจุดเริ่มของความสำเร็จ แต่มนุษย์กลับไม่นิยมที่จะมีมโนกรรมในเชิงกุศล ด้วยเหตุผลที่กล่าวว่า คิดแล้วเหมือนเพ้อเจ้อ คิดแล้วเหมือนหลอกตัวเอง แต่ในทางกลับกัน ชอบมีมโนกรรมที่เป็นไปในทางอกุศล คิดอะไรในทางที่แย่ๆ คิดอะไรในทางที่ไม่ควรคิด แต่กลับไม่เคยคิดว่าสิ่งนั้นมันก็เป็นการเพ้อเจ้ออย่างหนึ่ง หลอกตัวเองอย่างหนึ่งเช่นกัน

ดังนั้น เมื่อปรารถนาความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะด้านการงาน การเงิน หรือความรัก จงสร้างจินตนาการในเชิงกุศลเข้าไว้มากๆ แล้วก็ลงมือทำตามทํานองคลองธรรม ไม่ช้าไม่นานย่อมสำเร็จทุกคน


ขอบคุณ : https://www.posttoday.com/dhamma/472093#cxrecs_s
โดย : ราช รามัญ  ,วันที่ 25 ธ.ค. 2559 เวลา 09:21 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ