ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยังหาคำตอบไม่ได้.! พระเรียนบาลีทำไม-จบแล้วไปไหน.?  (อ่าน 841 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ยังหาคำตอบไม่ได้.! พระเรียนบาลีทำไม-จบแล้วไปไหน.?

สัปดาห์นี้ไปดูการสอบภาษาบาลีเปรียญเอก “พระภิกษุ-สามเณร” กับคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ พระเรียนบาลีทำไม-จบแล้วไปไหน?

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของการสอบภาษาบาลีเปรียญเอกของพระภิกษุ-สามเณรคือ ประโยค 7-8-9 สนามสอบน่าจะคงเป็นวัดสามพระยา กรุงเทพมหานครเหมือนเดิม

การสอบบาลีเป็นการศึกษาแขนงหนึ่งของคณะสงฆ์ไทยที่เชื่อกันว่าเป็น “แก่นแท้ของการศึกษา” สำหรับพระภิกษุสามเณร

การศึกษาบาลีหากเทียบกันทางโลกความยากลำบาก “คนละชั้น” ภาษาบาลีแค่ประโยค 4 ผมว่า “ยากกว่าปริญญาเอก” ทางโลกเสียอีก



เพราะการศึกษาบาลียุคผม “ไม่มีซ่อม” เหมือนสมัยนี้ แค่เขียนศัพท์ผิด จุดผิด แปลผิดประโยคเกิน 12 คะแนน ไม่ได้ 3 ให้ คือตก (การศึกษาของพระภิกษุมีคำว่า ให้ เป็นตัวกำหนดผ่านหรือไม่ผ่าน) ปีหน้าว่ากันใหม่

ส่วนการศึกษาทางโลก ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี หรือปริญญาเอก เงินถึง เข้าเรียนสม่ำเสมอ เขียนวิทยานิพนธ์สำเร็จ คือ จบได้ง่ายๆ

การศึกษาบาลีต้องท่องหลักสูตรอย่างน้อย “หนังสือ 4 เล่ม” ที่เราเรียกว่า หลักไวยากรณ์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนภาษาบาลี หากท่องไม่จบหรือจำไม่ได้ “อย่าริเข้าสนามสอบ”

สมัยผมเวลาสอบ ห้องน้ำ ผู้คุมสอบก็ไม่ให้เข้า หรือหากให้เข้า ต้องตรวจตราอย่างใกล้ชิด ทั้งในห้องน้ำห้ามมีอุปกรณ์ประเภทกล่องผงซักฟอก (มีคนเคยยัดหนังสือไว้ด้านใน) หรือหนังสือ สมุดอะไรวางอยู่

ยิ่งสอบเปรียญเอกอย่างประโยค 7-8-9 สนามสอบวัดสามพระยา สอบยุคโน้นถือว่า “หิน” เวลาจะเข้าห้องน้ำ มี “ฉากผ้าจีวรกั้นอยู่ในห้องสอบ ด้านในมีกระโถนสำหรับให้ฉี่” ส่วนถ่ายหนักไม่มีให้



ในยุค สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา ประโยค 9 ปีหนึ่งคัดสอบให้ผ่านไม่ให้ถึง 10 รูป บางรูปมั่นใจสอบได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่าน เพราะกรรมการอ้างว่า สำนวนแต่งและแปลมือ “ไม่ถึง”

หลังสิ้นท่าน คนบวชเรียนน้อยลง คณะสงฆ์เริ่มผ่อนคลาย ความเคร่งครัดนี้ลดลงไปบ้าง แต่การศึกษาภาษาบาลีก็ถือว่ายากอยู่ เพราะหลักสูตรไม่เคยเปลี่ยนแปลง

พระภิกษุ-สามเณรเรียนบาลีทุกรูปมักเจอคำถามที่ว่า “เรียนบาลีทำไม-จบแล้วทำอะไร” ส่วนใหญ่พระอาจารย์จะบอกเพียงว่า เรียนเพื่อรักษาพระพุทธพจน์และสืบทอดพระพุทธศาสนา



ทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า สืบทอดพระพุทธศาสนาตรงไหน..อยากให้ พระพรหมโมลี แม่กองธรรมบาลี ช่วยอธิบายให้พระภิกษุ-สามเณร ผู้เรียนบาลีด้วย รวมทั้งตอบคำถามที่ว่า เรียนจบแล้วไปไหน ไปทำอะไรได้บ้าง หรือมหาเถรสมาคมเตรียมมอบงานหลังจบประโยค 9 ไปทำอะไรบ้าง

ทุกวันนี้เพื่อนๆ หลายรูปที่จบประโยค 9 หากไม่สึกออกมาก็ “เฝ้าวัด” รอคอยรับสังฆทาน รับกิจนิมนต์อยู่ที่วัด บางรูปมีเส้นสายหน่อยก็อาจได้ไปช่วยงาน “กิจการคณะสงฆ์” หรือบางรูปมีทุนเรียนต่อ ก็ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง และมีบางรูปจบประโยค 9 มา “ตกงาน” ก็เพียบ แต่ก็มีบางคนสึกออกมามี “งานราชการ” เป็นที่พึ่ง แต่กว่าจะสอบได้ก็ “โครตหิน”



ในฐานะคนเคยบวชเรียนและมีประสบการณ์ทางโลกพอสมควร อยากเห็นคณะสงฆ์วางแผนเพิ่มศักยภาพให้กับพระภิกษุสามเณรผู้ศึกษาบาลี เช่น ภาษาอังกฤษ กฎหมาย ไอที เป็นต้น เพื่อชวนคนให้มาอยากเรียน จบออกไปก็มีความรู้ทางโลกรองรับบ้าง หรือหากจะอยู่ต่อ ก็เป็นกำลังสำคัญให้กับคณะสงฆ์ได้บ้าง

นึกถึงสมัยที่สึกออกมาใหม่ๆ ไปเดินสมัครงานประมาณ 20 บริษัท เวลาสัมภาษณ์คำถามแรก คือ จบอะไรบ้าง ทำอะไรได้บ้าง เมื่อรู้ว่า จบจากพระ “ตกรอบ” ทุกครั้ง

สุดท้ายได้ทำงานโทรทัศน์รายการ “กรองสถานการณ์” ทางช่อง 11 เพราะไปรู้จักกับเจ้าของรายการตอนเรียนปริญญาโทด้วยกัน จึงชวนมาทำงานด้วย

แต่ก็ไม่วาย ถูกผู้บริหารในออฟฟิตบางคน พูดเชิงดูถูกว่า เอามหามาทำงานโทรทัศน์ได้อย่างไร..เขียนบทสัมภาษณ์นะคะ มิใช่มาเขียนคำเทศน์.



คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/754346
พุธที่ 29 มกราคม 2563 เวลา 11.00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ