ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อบทสวด"รัตนสูตร" กลายเป็นเรื่องตลกในสังคมพุทธ  (อ่าน 1038 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เมื่อบทสวด"รัตนสูตร" กลายเป็นเรื่องตลกในสังคมพุทธ

มหาเถรสมาคมกำหนดให้วัดหลัก ๆ ในกรุงเทพฯ สวดมนต์บท "รัตนสูตร" พร้อมกัน เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในช่วงที่ประเทศเกิดสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดขณะนี้

วันนี้วันที่ 25 มีนาคม 2563 มหาเถรสมาคมกำหนดให้วัดหลัก ๆ ในกรุงเทพ ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์บท “รัตนสูตร”  ซึ่งมีสมเด็จพระสังฆราช ฯ เสด็จเป็นองค์ประธานและ ในพิธีกรรมสำคัญลักษณะนี้ จะมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ทั่วประเทศ วัดที่ทำพิธีทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค จะนิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 9 รูป ซึ่งจะนั่งห่างระยะ 1 เมตร เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด และป้องกันการติดเชื้อ และจะไม่มีประชาชนมานั่งฟังในพิธี แต่เปิดโอกาสสวดมนต์พร้อมกันได้ผ่านการถ่ายทอดสด

ก่อนหน้านี้เรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรหลังจาก นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้ทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ เจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตร เพื่อเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจในช่วงสถานการณ์ประเทศเกิดวิกฤติในขณะนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่โบราณก็มีช่วงที่ประเทศประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ เช่น การระบาดของโรคห่า (อหิวาตกโรค) จะมีการสวดมนต์บทนี้ เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีให้พ้นจากประเทศไป


@@@@@@

โดยต่อมามหาเถรสมาคมก็ได้มีมติกำหนดสวด ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ และส่วนใหญ่เป็นการวิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะมองว่าการนำพระสงฆ์มาสวดมนต์รวมกันจะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่า กิจกรรมดังกล่าวจะทำให้โรคโควิด-19 จางหายจริงหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วประเทศจะมีกระทรวงสาธารณสุขไว้ทำไม…

บางคนตั้งคำถามว่า เมื่อหากพระสงฆ์สวดมนต์นี้แล้วทำให้โรคหายได้จริง ทำไมประเทศไทยจึงต้องมีโรงพยาบาลสงฆ์ ซ้ำมีพระภิกษุบางรูปไม่เข้าใจสิ่งสาระสำคัญของการสวดมนต์ที่ต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน มาตอกย้ำว่า การสวดมนต์ไม่สามารถไล่โรคได้ มีแต่ให้โรคเกิด

สำหรับกลุ่มฆราวาสจะเสียดสีหรือวิจารณ์อย่างไรเกี่ยวกับบทสวดพอเข้าใจได้ เพราะฆราวาสคนรุ่นใหม่หรือพวกที่คิดแต่เรื่อง “ศาสตร์สมัยใหม่” อาจเข้าไม่ถึง “ความเชื่อคนรุ่นเก่า” กลุ่มนี้เราต้องให้อภัย เพราะความละเอียดอ่อนทางสติปัญญาอาจน้อยกว่าคนบรรพชนของเรา

แต่สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยอย่างยิ่งคือ “บางคนห่มผ้าเหลืองหากินอยู่กับความเชื่อแท้ๆ” กลับปฎิเสธสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยปฎิบัติมาในสมัยพุทธกาล มาเสียดสี ดูถูกดูแคลนสิ่งที่ “พ่อ” ของตนบัญญัติขึ้น พระกลุ่มนี้ควรต้องประณามว่า “เป็นพวกอกตัญญู”  ไม่รู้บุญคุณข้าวแดงแกงร้อน

@@@@@@

เรื่องแบบนี้เจ้าอาวาสต้องกล่าวตักเตือน เจ้าคณะปกครองต้องสั่งสอน เรื่องสิทธิ เรื่องกฎหมาย จะมาตั้งเป็นกรอบแล้วไปอ้างจับผิด ความเชื่อทางศาสนามิได้ ยิ่งตัวเองเป็นพระสงฆ์ยิ่งต้องสร้างความตระหนักให้กับประชาชนรับรู้ว่า บทสวดที่ปัดเป่าโรค สาระที่แท้จริงคืออะไร ทำไมโบราณจึงเชื่อ เชื่อแล้วได้อะไร แล้วอะไรที่แฝงอยู่ในความเชื่อนั้น ๆ  มิใช่ไปสร้างหรือจับผิดความเชื่อที่ปฎิบัติสืบ ๆ ต่อกันมา

สำหรับ บทสวดรัตนสูตร หรือ “ระตะนะสุตตัง” เป็นการพรรณาสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ให้เกิด เป็นอานุภาพ ขจัดภัยพิบัติทั้งมวล ขับไล่เสนียดจัญไร โรคภัยไข้เจ็บ เป็นพระสูตรที่พระอานนท์รับการถ่ายทอดมาจากพระพุทธเจ้า เพื่อใช้สวดขจัดปัดเป่าภัยพิบัติร้ายแรงทั้งหลายที่เกิดขึ้น เพื่อโปรดชาวกรุงเวสาลีให้รอดพ้นจากโรคระบาดอหิวาตกโรค ปัดเป่าภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่กำลังรุมเร้า และเผชิญกับความอดอยากเพราะฝนแล้ง จนผู้คนล้มตายเกลื่อนกลาดเป็นจำนวนมาก ต้องนำศพไปทิ้งนอกเมือง

พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำให้พระอานนท์เถระ รำลึกถึงคุณพระรัตนะ ทำสัจกิริยาประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้เกิดความสุขสวัสดีแก่ชาวกรุงเวสาลี และด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนสูตรนี้ ภัยพิบัติร้ายแรงได้ระงับลงอย่างฉับพลัน ปัจจุบันนิยมสวดรัตนสูตรทุกครั้งที่มีการทำน้ำพระพุทธมนต์ ทั้งยังมีอานุภาพป้องกันจากโจรผู้ร้าย นายผู้ปกครอง อาวุธ เคราะห์กรรม สัตว์ร้าย ภัยธรรมชาติ และพ้นจากอุปสรรคอันตรายทั้งหลาย


@@@@@@

สำหรับเนื้อหาของบทสวดรัตนสูตร เพื่อความร่มเย็นในชีวิต เป็นการกล่าวถึงคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แบ่งเป็น 3 ส่วน

โดยส่วนแรกการประกาศให้เหล่าภูตคุ้มครองรักษาพวกมนุษย์ ที่นำเครื่องพลีกรรมมาบวงสรวงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

ส่วนที่ 2 บรรยายคุณพระรัตนตรัย โดยเฉพาะคุณของพระสงฆ์ เป็นผู้ประกอบด้วยศีล มีใจมั่นคง ไม่มีกามกิเลส ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรม และมีพระนิพพานอันเป็นอมตะ และ

ส่วนที่ 3 ประกาศให้ภูตทั้งหลาย จงนมัสการพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และอำนวยพรให้สรรพสัตว์เหล่านี้มีความสวัสดี

สิ่งที่เกิดขึ้นกับโลกและสังคมไทยตอนนี้ พวกเราต้องร่วมมือกัน ต้องอดทน ต้องรู้จักการเสียสละ และต้องรู้จักให้กำลังใจคนทำงาน มิใช่เวลาที่จะมาจับผิดหรือไปพูดเสียดสีให้คนทำงานเสียกำลังใจ

บทสวด รัตนสูตร ทางวิทยาศาสตร์แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่า สามารถช่วยขจัดโรคภัยไข้เจ็บได้จริงหรือไม่ แต่ในการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนแล้ว ไม่มีศาสตร์ใด..สู้ศาสนาได้.


คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com.
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก : Pixabay
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/764680
พุธที่ 25 มีนาคม 2563 เวลา 11.00 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 25, 2020, 07:06:45 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ