ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “นิโรธ กับ นิพพาน” เหมือนหรือต่างกัน อย่างไร.?  (อ่าน 2504 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




“นิโรธ กับ นิพพาน” เหมือนหรือต่างกัน อย่างไร.?

“นิโรธ กับ นิพพาน” ตามรูปศัพท์ มีความต่างกัน แต่โดยความหมาย ก็เหมือนกัน คือ
      “นิโรธ” แปลว่า “ดับ” ซึ่งหมายถึง ดับกิเลส และดับขันธ์ ๕
      “นิพพาน” (นิ+วาน) แปลว่า ออกจากเครื่องร้อยรัด คือ ตัณหา ความหมายก็คือ ละตัณหาได้ทั้งหมด ด้วยอำนาจแห่งมรรคทั้ง ๔ (โสดาปัตติมรรค, สกทาคามิมรรค,อนาคามิมรรค,อรหัตตมรรค)

ความยิ่ง-หย่อนแห่งศัพท์ อาจมีแปลกกันบ้าง คือ
     “นิโรธ” มีใช้หลายระดับ คือ
      ๑) ตทังคนิโรธ ดับกิเลสด้วยองค์นั้น ๆ ด้วยอำนาจแห่งศีล หรือด้วยวิปัสสนาญาณ
      ๒) วิกขัมภณนิโรธ ดับกิเลสด้วยการกดทับไว้ด้วยองค์ฌาน ๕
      ๓) สมุจเฉทนิโรธ ดับกิเลสด้วย มรรคทั้ง ๔ (มรรคจิต) กำลังละกิเลส
      ๔) นิสสรณนิโรธ ดับเพราะออกแล่นออกไปแล้ว (ผลจิต) ละกิเลสเสร็จเรียบร้อยแล้ว
      ๕) ปฏิปัสสัทธินิโรธ ดับ เพราะสงบระงับกิเลสและสังขารธรรมทั้งปวง มุ่งหมายเอาอนุปาทิเสสนิพพาน คือการดับสิ้นแห่งขันธ์ ๕ ของผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว


@@@@@@@

คำว่า “นิโรธ” ในอริยสัจจ์ ๔ หมายเอา นิพพาน (ซึ่งเป็นวิสังขารธรรม) ไม่ใช่มรรคจิต-ผลจิต

ส่วนคำว่า “นิพพาน” มุ่งหมายเอาภาวะที่ไม่ใช่ จิต เจตสิก แต่เป็นอารมณ์ชนิดหนึ่งที่รับรู้ได้ด้วยมรรคจิต ผลจิต โดยปกติแบ่งออกเป็น ๒ หรือ ๓ คือ
     ๑) อุปาทิเสสนิพพาน ภาวะที่กิเลสดับหมด
     ๒) อนุปาทิเสสนิพพาน ภาวะที่ขันธ์ ๕ ดับหมด

หมายความว่า ภาวะที่กิเลสถูกมรรคทั้ง ๔ ละเป็นสมุจเฉทปหาณ ในขณะแห่งมรรคจิตทั้ง ๔ เกิดขึ้น กับบุคคลนั้น ๆ และบุคคลนั้น ๆ (ปุคคลบัญญัติ) ยังมีชีวิตอยู่ เช่น เช่นพระพุทธเจ้า ขณะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะนั้นถือว่า กิเลสดับหมดด้วยอำนาจแห่งมรรคทั้ง ๔ ขณะนั้นเรียกว่า “อุปาทิเสสนิพพาน”

จากนั้นก็ยังดำรงพระชนม์อยู่ถึง ๔๕ ปี จึงดับขันธปรินิพพาน (สิ้นชีวิต) ที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา การสิ้นชีวิตนั้นนั่นแล เรียกว่า “อนุปาทิเสสนิพพาน” เพราะขันธ์ ๕ ดับ ไม่สืบต่ออีกแล้ว

@@@@@@@

“นิโรธ กับ นิพพาน” เมื่อมุ่งหมายเอาภาวะที่สูงสุดแล้ว จึงมีความหมายที่มีองค์ประกอบ ๓ อย่าง คือ
     ๑) มรรคจิต
     ๒) ผลจิต
     ๓) นิพพาน

ตัวมรรคจิต เป็นภาวะที่กำลังประหาณกิเลส ด้วยอำนาจแห่งองค์มรรคทั้ง ๘, ส่วนผลจิต ซึ่งเกิดต่อจากมรรคจิตนั้น เป็นขณะที่ได้ทำการประหารกิเลสเสร็จสิ้นแล้ว,

ขณะเดียวกันที่มรรคจิต – ผลจิตเกิดขึ้นนั้น ก็มีนิพพาน คือภาวะที่ปราศจากกิเลสและขันธ์ ๕ นั้น เป็นอารมณ์ให้ คือ ทำให้มรรคจิต-ผลจิตยึดหน่วงและเกิดขึ้นได้, ถ้าไม่มีอารมณ์ คือนิพพาน มรรคจิต ผลจิต ก็เกิดไม่ได้ เพราะจิตทุกดวง ต้องมีอารมณ์เป็นที่ยึดหน่วง.


@@@@@@@

ในที่บางแห่ง หากให้ความหมายคำว่า “นิพพาน” ว่า “ดับ” ศัพท์ว่า “นิพพาน” ก็จะแบ่งระดับออกเป็น ๕ อย่าง เหมือนกับศัพท์ว่า “นิโรธ ๕ อย่าง” เหมือนกัน มีคำว่า “ตทังคนิพพาน” เป็นต้น.

โดยความหมายในขั้นสูงสุดแล้ว “นิโรธ กับ นิพพาน” ก็มีความหมายเป็นเช่นเดียวกันแล.

ส่วนนิพพาน ที่มีลักษณะ ๓ อย่าง นั้น ได้แก่
     ๑) อนิมิตตนิพพาน ภาวะของนิพพานไม่มีนิมิตเครื่องหมาย สีสรร วรรณะ
     ๒) อัปปณิหิตนิพพาน ภาวะของนิพพานไม่มีอารมณ์ที่น่าปรารถนา และไม่มีโลภะ
     ๓) สุญญตนิพพาน ภาวะของนิพพานว่างเปล่าสูญสิ้นกิเลสและขันธ์ ๕ ทั้งปวง





ขอบคุณ : dhamma.serichon.us/2020/10/14/นิโรธ-กับ-นิพพาน/
VeeZa : ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๓
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ