ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อ่านพระไตรปิฎกให้สนุก "ต้องรู้จักคิด"  (อ่าน 942 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



อ่านพระไตรปิฎกให้สนุก "ต้องรู้จักคิด"

ฉะนั้น ถ้าเราอ่านพระไตรปิฎกเอาเรื่องจริงๆ จะได้อะไรเยอะมาก จะเห็นสภาพของสังคมยุคนั้นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เราจะได้รู้ว่า
    “คาม” มีหน้าตาเป็นอย่างไร.?
    “นิคม” มีหน้าตาเป็นอย่างไร.?
    “ชนบท” มีหน้าตาเป็นอย่างไร.?

คามะหรือคามในสมัยก่อน น่าจะประมาณหมู่บ้านของเราในปัจจุบัน พวกนิคมต่าง ๆ ต้องใหญ่ประมาณอำเภอหรือจังหวัด ถ้าหากว่าชนบทนี่เป็นประเทศเลยนะ จะเห็นว่าประเทศในสมัยนั้นไม่ได้ใหญ่โตมาก ประมาณ ๒-๓ จังหวัดได้ แต่ถ้าใหญ่ประมาณ ๗-๘ จังหวัด เรียกมหาชนบท

สมัยนั้นมหาชนบทมีอยู่ ๑๖ แคว้นด้วยกัน แต่ว่าจะมีอยู่ ๔ แคว้น ที่เป็นแคว้นใหญ่ ก็คือ มคธ โกศล วัชชี วังสะ
     วังสะ มีกรุงโกสัมพีเป็นเมืองหลวง
     วัชชี มีเมืองเวสาลีเป็นเมืองหลวง
     มคธ มีราชคฤห์เป็นเมืองหลวง
     โกศล มีสาวัตถีเป็นเมืองหลวง

ถ้าเปรียบในปัจจุบัน มคธกับโกศล ก็คงเหมือนจีนกับอเมริกา ส่วนวัชชีกับวังสะ ก็คงจะรอง ๆ ลงมาในระดับอังกฤษกับเยอรมัน แคว้นมคธถ้าเห็นว่าแคว้นอื่นเผลอเมื่อไร ก็ผนวกแคว้นอังคะเข้าไปด้วยทุกที เพราะฉะนั้นมหาชนบท ๑๖ แคว้น บางทีก็มีไม่ครบ ๑๖ แคว้นหรอก เพราะว่าโดนแคว้นใหญ่กว่ากลืนไปบ้าง แคว้นโกศลมีแคว้นเล็ก ๆ อยู่ในปกครองจำนวนมาก อย่างกบิลพัสดุ์ เทวทหะ ก็เป็นแคว้นในปกครองหมด

@@@@@@@

พระเจ้าปายาสิ ในปายาสิราชัญญสูตร ที่ไปถามปัญหาพระกุมารกัสสปะ นั่นก็เป็นกษัตริย์ที่มีประเทศ แต่อยู่ในปกครองของแคว้นโกศล พระเจ้าปายาสิถึงได้ตรัสว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลมหาราชทราบแล้วว่าเรามีทิฐิอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงเปลี่ยนทิฐิไม่ได้ เจ้านายรู้แล้วว่าเป็นอย่างนี้ เปลี่ยนแล้วเดี๋ยวเจ้านายจะไม่ชอบขึ้หน้า

ถ้าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะมีกษัตริย์ปกครอง แต่บางทีเขาก็เรียกผู้ปกครองว่า กษัตริย์บ้าง ราชาบ้าง แต่ถ้าเป็นแคว้นโกศลเขาเรียกว่ามหาราช เพราะว่าปกครองหลายประเทศ

ส่วนแคว้นวังสะ มีพระเจ้าอุเทนเป็นผู้ครองแคว้น ถ้าเอ่ยถึงแคว้นวังสะ เรื่องที่ชัดที่สุดก็เรื่องของพระนางสามาวดี

ส่วนแคว้นวัชชี พระพุทธเจ้ามาจำพรรษาสุดท้ายอยู่ที่นี่ ที่บ้านเวฬุวคาม เมืองเวสาลี และทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์”



ถาม :  แคว้นวัชชีมีผู้ปกครองหลายคนไหมครับ.?
ตอบ :  เฉพาะคณะผู้ปกครอง ๗,๗๐๗ คน ก็คือหัวหน้าใหญ่มี ๗ คน ทั้ง ๗ คนนี้จะเลือกคนขึ้นมาอีกคนละ ๑๐๐ คน เท่ากับมีแล้ว ๗๐๗ คน แล้วหัวหน้ารอง ๗๐๐ คนนี้ จะเลือกคนขึ้นมาอีกคนละ ๑๐ คน เป็น ๗,๐๐๐ คน เพราะฉะนั้น คณะของกษัตริย์ลิจฉวีที่ปกครองประเทศ มีด้วยกัน ๗,๗๐๗ คน

ถาม :  แคว้นวัชชีเป็นเมืองที่พระเจ้าอชาตศัตรูจ้องจะตีใช่ไหมครับ.?
ตอบ :  ใช่ เมืองเวสาลี แคว้นวัชชีนี่แหละ ที่พระเจ้าอชาตศัตรูจ้องมาตั้งแต่สมัยพระราชบิดาของตนแล้วว่า ถ้ามีอำนาจเมื่อไรจะเอาแคว้นนี้แน่
             
เมื่อเช้าได้กล่าวถึงเรื่องอปริหานิยธรรม ว่าตราบใดที่แคว้นวัชชียังรักษาอปริหานิยธรรมได้ ย่อมไม่มีใครตีบ้านเมืองได้ แต่วัสสการพราหมณ์ใช้เวลา ๓ ปี ทำลายความสามัคคีได้ แล้วก็มีคนตั้งกระทู้ถามว่า พระพุทธเจ้ารู้อยู่ว่า ถ้าตรัสถึงเรื่องอปริหานิยธรรมอย่างนั้นแล้ว วัสสการพราหมณ์จะไปทำการยุยงให้เขาแตกกัน และตีบ้านตีเมืองเขา ทำไมพระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกให้วัสสการพราหมณ์รู้.?

มีคำเฉลยว่า ถ้าไม่ตรัสอย่างนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูจะยกทัพไปลุยเดี๋ยวนั้นเลย แข็งแต่แข็งเจอกัน เลือดก็นองเป็นท้องธาร แต่ถ้าตรัสอย่างนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูต้องเสียเวลาวางแผนอีก ๓ ปี ทำให้เสียบ้านเสียเมืองช้าไป ๓ ปี มีเวลาทำความดีอีก ๓ ปี คือจะช้าจะเร็วก็เสียเมืองแน่ แต่ให้เสียช้าหน่อย คนตายน้อยลงหน่อย

@@@@@@@

พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วไม่ได้เข้าแคว้นโกศล เพียงแต่วนอยู่รอบๆ แคว้นนี้ตลอด ๑๔ ปีแรก จนพระพุทธศาสนาปักหลักมั่นคงแล้วถึงได้เข้าแคว้นโกศล เพราะว่าตอนนั้นกบิลพัสดุ์เป็นเมืองขึ้นของแคว้นโกศลอยู่ บวกกับคำทำนายที่ว่า “สิทธัตถราชกุมาร จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก” ได้หลอกหลอนอยู่ทุกแคว้น ถ้าพระพุทธเจ้าเข้าไปแคว้นโกศลตรง ๆ ก็อาจจะหัวขาด.!

แม้ไม่มีใครฆ่าพระองค์ได้ แต่ก็ทำให้เขาสร้างเวรสร้างกรรมอันใหญ่หลวง พระพุทธเจ้าจึงต้องรอเวลาที่สมควร
     รอจนกระทั่งนางวิสาขามหาอุบาสิกาแต่งงาน
     รอจนกระทั่งธนัญชัยเศรษฐีไปอยู่แคว้นโกศล
     รอจนกระทั่งอนาถปิณฑิกเศรษฐีเป็นพุทธสาวก เป็นพระโสดาบัน
     รอจนกำลังหนุนมากพอ เพราะว่ากี่ยุคกี่สมัยคนรวยเสียงย่อมดัง ในเมื่อแต่ละคนล้วนแล้วแต่กลายเป็นพุทธสาวก ให้ความเคารพ และเอ่ยถึงพระพุทธเจ้ามาก ๆ เข้า ท้ายสุดพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทนไม่ไหว ต้องเข้าไปหากับเขาด้วย

ถ้าเราอ่านพระไตรปิฎกแล้วรู้จักคิดจะสนุกมากเลย เพียงแต่อ่านแล้วต้องมีหลักนะ ถ้าคิดอย่างไม่มีหลักแล้วจะฟุ้ง





ขอบคุณบทความจาก : กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๘๐
http://grathonbook.net/book/180.3.html
ขอบคุณภาพจาก : pinterest
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ