ความตั้งใจที่มี ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมให้มีเกิดขึ้นที่ใจเจ้าของ เป็นอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือบารมี....บารมีคือ ความตั้งใจ กําลังใจ ที่จะทํา ที่จะปฏิบัติ นั่นคือบารมี ของจริงที่จะทําให้เราสําเร็จได้
และอีกอย่างคือความตั้งมั่น ตามอุบาย คําสอน ของครูบาอาจารย์ ความเห็นทั้งหลายของเรา ยังไม่ใช่ของแท้ หยุดสําเร็จทุกอย่าง ถึงมันจะเห็นเราก็ไม่เอากับมัน พูดถึงการปรุงแต่ง ที่เป็นความเห็น หรือสังขารทั้งหลายแหร่ เป็นการฝึกแบบไม่มีความเห็นไปตั้งแต่เริ่มแรก ความเห็น ก็คือ ความหงุดหงิดรําคาญใจ ทั้งหลายทั้งปวง เป็นสังโยชน์ด้วย ผู้ปฏิบัติทุกคนต้องมีปฏิเวธ สามารถเช็ค ความหงุดหงิดได้ ในความเห็นที่เป็นทุกข์ เป็นสุขทั้งหมดที่มีในโลก ว่ายังเห็นมากเท่าใด ผลปฎิบัติตรงนี้เป็นตัววัด สิ่งที่ได้ของใจเจ้าของ คงไม่ต้องเอามาถามกัน เพราะเป็นปัจจัตตัง ....หากการฝึกของแต่ละคนดับข้างในมาดิบดี ในโลกก็ต้องเบา ไม่ต้องพูด คือดูจิตตัวเองรู้ ว่าหงุดหงิด ไม่หงุดหงิด อย่างไร
ในภาษาของครูบาอาจารย์ ท่านว่าไว้ ว่า ใครนั่งทุกข์ ใครนอนทุกข์ ใครเดินทุกข์ มีน้อย มีมากแค่ไหนรู้เอง เห็นเอง ว่า ภาวนาจริง ภาวนาไม่จริง สรุปลงให้ไปดับมาจากข้างใน ข้างในยึดถือมาก ในโลกก็ยังไม่เบา ข้างในอยู่กับงาน 3 อย่างได้ดี ข้างนอกก็ดี เบาไปด้วยตามกัน ว่าไปตามปีติ .....ใครภาวนาดี สติดี อุเบกขาดี ก็ได้อุเบกขาออกมาใช้ในโลกด้วย เบาด้วย