ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผลการปฏิบัติ วัดที่ความตั้งตรง ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่เชื่อตัวไม่เชื่อใคร  (อ่าน 3186 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ความตั้งใจที่มี ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมให้มีเกิดขึ้นที่ใจเจ้าของ เป็นอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือบารมี....บารมีคือ ความตั้งใจ กําลังใจ ที่จะทํา ที่จะปฏิบัติ นั่นคือบารมี ของจริงที่จะทําให้เราสําเร็จได้
    และอีกอย่างคือความตั้งมั่น ตามอุบาย คําสอน ของครูบาอาจารย์ ความเห็นทั้งหลายของเรา ยังไม่ใช่ของแท้ หยุดสําเร็จทุกอย่าง  ถึงมันจะเห็นเราก็ไม่เอากับมัน พูดถึงการปรุงแต่ง ที่เป็นความเห็น หรือสังขารทั้งหลายแหร่ เป็นการฝึกแบบไม่มีความเห็นไปตั้งแต่เริ่มแรก ความเห็น ก็คือ ความหงุดหงิดรําคาญใจ ทั้งหลายทั้งปวง เป็นสังโยชน์ด้วย ผู้ปฏิบัติทุกคนต้องมีปฏิเวธ สามารถเช็ค ความหงุดหงิดได้ ในความเห็นที่เป็นทุกข์ เป็นสุขทั้งหมดที่มีในโลก ว่ายังเห็นมากเท่าใด ผลปฎิบัติตรงนี้เป็นตัววัด สิ่งที่ได้ของใจเจ้าของ คงไม่ต้องเอามาถามกัน เพราะเป็นปัจจัตตัง ....หากการฝึกของแต่ละคนดับข้างในมาดิบดี ในโลกก็ต้องเบา ไม่ต้องพูด คือดูจิตตัวเองรู้ ว่าหงุดหงิด ไม่หงุดหงิด อย่างไร
  ในภาษาของครูบาอาจารย์ ท่านว่าไว้ ว่า ใครนั่งทุกข์ ใครนอนทุกข์ ใครเดินทุกข์ มีน้อย มีมากแค่ไหนรู้เอง เห็นเอง ว่า ภาวนาจริง ภาวนาไม่จริง สรุปลงให้ไปดับมาจากข้างใน  ข้างในยึดถือมาก ในโลกก็ยังไม่เบา ข้างในอยู่กับงาน 3 อย่างได้ดี ข้างนอกก็ดี เบาไปด้วยตามกัน ว่าไปตามปีติ .....ใครภาวนาดี สติดี อุเบกขาดี ก็ได้อุเบกขาออกมาใช้ในโลกด้วย เบาด้วย
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สายของเราครูบาอาจารย์ ไม่ได้สั่งให้ดับปีติ แบบสายป่า แต่สอนให้เข้าถึงปีติ รู้ปีติ และละปีติ คือ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในปีติทั้งหลายแล้ว ก็คงไม่เอามันไว้แน่ เรียนตามปีติ ยุคล สุข เน้นการเข้าถึง แล้วจิตปล่อยของมันเอง หากเราเข้าถึงสุขต่างๆได้มาก หรือทั้งหมด ก็คือเข้าถึงกิเลสตัวพ่อ ครูบาอาจารย์ บอกไว้ว่า ต้องหาทุกข์ในสุขให้เจอ ...หาในโลกไม่เจอหรอก ต้องในภาวนาอย่างเดียว ...สายเราไม่ใช้การกําหนดรู้ ถ้าข้างในไม่เห็น ข้างนอกก็ต้องไม่มี ไม่ต้องไปกําหนดรู้ เอาของจริงให้ได้ คือในภาวนา ของจริงต้องได้จากข้างใน...ถ้าสติอารมณ์ในภาวนาข้างในมันโอเค....ข้างนอกมันก็ต้องโอเคตามไปด้วย คือไม่มี ไม่เห็น ตามลําดับไป ยิ่งทํายิ่งไม่เห็น ยิ่งทํายิ่งไม่ถามใคร เกิดศรัทธาตั้งตรงต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างเดียว ...นั่นแหละปฏิเวธ ของจริง...ปรึกษาเพื่อน ก็ได้ของเพื่อน เพื่อนยังไม่ได้บรรลุ จิตมันจะเอาแต่ของแท้คือของครูบาอาจารย์พระกรรมฐานเท่านั้น ของคนอื่น บางทีมันรู้ว่าของหรอก ปฏิเวธธรรมที่ ได้จากของจริง ส่วนใหญ่จะฟังแต่อุบายของจริง จิตที่มันเห็นปฏิเวธ บ้างแล้ว....มันไม่ยอมเสียเวลาหรอก. อ่านได้...เอาไว้ประกอบศรัทธา...ของจริงคือพระอาจารย์กรรมฐานของเรา นั่นที่เราตาม พระธรรมอยู่ที่ตัว พระพุทธเจ้า...สร้างไว้มีให้มาก ในพระนาม พุทโธ..สถิตย์ที่กายที่ใจของเราตรงนั้นเอาไปได้
[/i]
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์