หลักความเชื่อโบราณลอยเคราะห์ วันลอยกระทง ให้หมดทุกข์ หมดโศกวันลอยกระทงในปีนี้ตรงกับวันที่ 8 พ.ย.2565 ตามตำราโบราณนอกจากจะขอขมาและบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นการลอยเคราะห์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ลอยหมดทุกข์โศก ขจัดโรคภัยที่เผชิญอยู่ ซึ่งต้องมีเคล็ดลับสำคัญหลายขั้นตอน
“อัมรินทร์ สุขสมัย” ผู้ศึกษาด้านโหราศาสตร์และไสยเวท กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงตามความเชื่อพุทธศาสนาโบราณ เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่อยู่ใต้แม่น้ำ ขณะเดียวกันไทยรับวัฒนธรรมมาจากอินเดียที่มีประเพณีลอยประทีป ส่วนอีกความเชื่อคือเป็นการบูชาพระแม่คงคาตามความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ทำอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งต้องใช้น้ำจากแม่น้ำในการดูแลพืชผล
“บางพื้นที่เรียกประเพณีนี้ว่าลอยประทีป โดยทำฐานประทีปเป็นกรวยไปลอยไปตามสายน้ำ เป็นการบูชาสายน้ำ อีกด้านหนึ่งตามความเชื่อของคติชนเป็นการลอยเคราะห์ มีการนำเล็บ เส้นผม เศษเสื้อผ้า ของผู้ที่ต้องการสะเดาะเคราะห์ ลอยไปกับสายน้ำ”
ตามความเชื่อทางศาสนาโบราณนิยมทำกระทงเป็นรูปดอกบัว มีการบันทึกไว้ในไตรภูมิพระร่วง ว่าดอกบัวเป็นดอกไม้ชนิดแรก ที่บานพร้อมกับการเกิดขึ้นของโลกใบนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมลอยกระทงในรูปทรงดอกบัวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากแสดงถึงความบริสุทธิ์ โดยในกระทงมีเพียงดอกไม้ธูปเทียน หรือบางท้องถิ่นมีการใส่ข้าวตอก เพราะถือว่าเป็นเครื่องสักการะใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่การลอยกระทงตามความเชื่อของการลอยเคราะห์ จะใช้โอกาสนี้ในการทำพิธีปีละครั้งสำหรับคนที่มีเคราะห์ ด้วยการตัดเล็บ เส้นผม และชายผ้า ไปใส่ไว้ในกระทง แล้วสวดส่งเคราะห์ เพื่อฝากเคราะห์ที่กำลังเผชิญอยู่ให้ไปพร้อมกับสายน้ำ ขณะเดียวกันก็ให้เกิดความสุขร่มเย็นเหมือนกับสายน้ำ
หลักการปฏิบัติของการลอยเคราะห์ เมื่อปล่อยกระทงลงในน้ำแล้ว ต้องหันหลังเดินออกมาทันที ห้ามหันไปมอง หรือวักน้ำเพื่อให้กระทงลอยออกไปจากฝั่ง ต่างจากการลอยกระทงตามประเพณีทั่วไป ที่ปัจจุบันจะยืนดูกระทงให้ลอยไปจากฝั่ง
ในอดีตหลายพื้นที่มีการลอยเคราะห์ในวันลอยกระทง และมีข้อห้ามไม่ให้ไปเก็บกระทงของผู้ที่ลอยแล้ว เพราะในกระทงมีเคราะห์ของผู้อื่นตามความเชื่อ ซึ่งอาจส่งผลร้ายให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ไปเก็บกระทง
ตามหลักความเชื่อโบราณการลอยเคราะห์ในวันลอยกระทง พิธีสำคัญคือต้องสวดคาถาส่งเคราะห์ เพื่อให้พิธีกรรมมีความสมบูรณ์ แต่ที่ผ่านมาหลายคนมีความเชื่อที่ผิด ในการใส่เงินลงไปในกระทง ต่างจากสมัยก่อนที่ใส่ข้าวตอก สัญลักษณ์แห่งความงอกงาม ความอุดมสมบูรณ์ และเจริญก้าวหน้าในชีวิต
การลอยกระทงเสมือนการไปทำบุญทั่วไป ควรทำใจให้บริสุทธิ์ เพราะแต่เดิมเป็นพิธีกรรมในการบูชารอยพระพุทธบาทที่จมอยู่ใต้แม่น้ำ ขณะเดียวกันเป็นการบูชาพระธาตุจุฬามณี ซึ่งเชื่อว่าสายน้ำจะนำพาแรงอธิษฐานไปสู่สรวงสวรรค์ โดยคตินี้มาจากอินเดีย ในการบูชาแม่น้ำคงคาด้วยการลอยประทีป
สำหรับทัศนคติของคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับประเพณีลอยกระทงเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เพราะหลายคนมองว่าเป็นความสนุกสนานมากกว่าจะเป็นงานบุญเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ และนำเสนอทัศนคติที่ดีงามให้กับคนรุ่นใหม่รับทราบมากขึ้น.Thank to :
https://www.thairath.co.th/scoop/culture/25438214 พ.ย. 2565 14:03 น. ,ไทยรัฐออนไลน์