กอบกู้จิตใจ จาก Toxic People หรือ ‘คนร้ายๆ’ ในชีวิต โดยไม่ต้องคิดโทษตัวเองSummary
๐ Toxic People คือ คำที่ใช้เรียกบุคคลผู้ที่มีพฤติกรรมเชิงลบต่อคนใกล้ตัว ที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน หรือไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่การกระทำของคนกลุ่มนี้ กลับทำให้คนใกล้ตัวสงสัยในคุณค่าของตัวเอง จนไม่อาจมีความสุขกับชีวิตได้
๐ การก้าวออกจากคนที่เป็นพิษในชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Toxic People จะทำให้เราสงสัยในตัวเอง ไปจนถึงโทษว่าเราเป็นคนผิด ซึ่งหากจิตใจไม่แข็งแรงพอ คุณค่าในตัวเราอาจถูกทำลายด้วยคำพูดไม่กี่คำ – ดังนั้น ก่อนสายเกินไป ควรพาตัวเองออกห่างจากคนเหล่านี้ในชีวิต อย่าปล่อยให้พิษเรื้อรังต่อจิตใจ
จะว่าไปแล้วความทุกย์ยากลำบากใจในบางช่วงของชีวิต ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ต้องเผชิญ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสาเหตุแห่งทุกข์บางประการที่อาจไม่ได้มาจากตัวเราเอง แต่มาจากคนใกล้ตัวที่มี ‘พฤติกรรมเชิงลบ’ ต่อเนื่องยาวนาน จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ในความปกติธรรมดานั้น กลับทำให้เราไม่อาจพบความสุขในชีวิตได้สักที
Toxic People คือ คำที่ใช้เรียกบุคคลผู้ที่มีพฤติกรรมเชิงลบต่อคนใกล้ตัว ที่ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน หรือไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่การกระทำของคนกลุ่มนี้ กลับทำให้คนใกล้ตัวสงสัยในคุณค่าของตัวเอง จนไม่อาจมีความสุขกับชีวิตได้
ครั้นเราจะถอยห่าง ก็มักถูกตัดสินตีตราว่า เราเป็นคนไม่ดี หนำซ้ำยังทำร้ายจิตใจพวกเขาเสียยับเยิน ทั้งที่ความจริงจิตใจเราเองก็พังไม่น้อยไปกว่ากัน
การก้าวออกจากคนที่เป็นพิษในชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Toxic People จะทำให้เราสงสัยในตัวเอง ไปจนถึงโทษว่าเราเป็นคนผิด ซึ่งหากจิตใจไม่แข็งแรงพอ คุณค่าในตัวเราอาจถูกทำลายด้วยคำพูดไม่กี่คำ
ดังนั้น ก่อนสายเกินไป ควรพาตัวเองออกห่างจากคนเหล่านี้ในชีวิต อย่าปล่อยให้พิษเรื้อรังต่อจิตใจ
@@@@@@@
รู้ได้อย่างไรว่ากำลังอยู่ใกล้คน Toxic
การอยู่กับคนที่มีพฤติกรรม Toxic ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก เพื่อนร่วมงาน ล้วนส่งผลกระทบเชิงลบต่อจิตใจไม่มากก็น้อย – ซึ่งในกรณีที่พ่อแม่ หรือสมาชิกในครอบครัวมีพฤติกรรมเช่นนี้ ผลกระทบอาจต่อเนื่องยาวนาน เพราะระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน มีมากกว่า
คนเราอาจเผชิญช่วงเวลายากลำบากในครอบครัว หรือระหว่างพี่น้อง แต่เมื่อใดก็ตามที่ความยากลำบากนั้น ไม่ได้เป็นแค่อุปสรรคในชีวิตประจำวัน แต่กลายเป็นพิษที่กัดกร่อน บั่นทอนจิตใจ แม้ปัญหาจะสะสางได้ แต่ความรู้สึกในใจยังไม่หายเสียที นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังอยู่ในครอบครัว หรือมีคนใกล้ตัวเป็น Toxic People
เปอร์เปทัว นีโอ (Perpetua Neo) นักจิตวิทยาคลินิก DClinPsy จากวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ อธิบายถึง Toxic People ว่าหมายถึง บุคคลที่การแสดงออกและพฤติกรรมของพวกเขาทำร้ายจิตใจ หรือร่างกายผู้อื่นอยู่เสมอ หรือในอีกแง่หนึ่ง การกระทำ หรือพฤติกรรมของพวกเขา ส่งผลกระทบเชิงลบต่อคนรอบตัว
"คนเราอาจเผชิญช่วงเวลายากลำบากในครอบครัว หรือระหว่างพี่น้อง แต่เมื่อใดก็ตามที่ความยากลำบากนั้น ไม่ได้เป็นแค่อุปสรรคในชีวิตประจำวัน แต่กลายเป็นพิษที่กัดกร่อน บั่นทอนจิตใจ แม้ปัญหาจะสะสางได้ แต่ความรู้สึกในใจยังไม่หายเสียที นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังอยู่ในครอบครัว หรือมีคนใกล้ตัวเป็น Toxic People"
@@@@@@@
ยกตัวอย่าง เช่น แม่ที่ชอบโยนความผิดให้ลูก ไม่ว่าลูกทำอะไรก็ไม่เคยถูกต้อง การถูกกล่าวโทษซ้ำๆ ส่งผลต่อจิตใจ ทำให้ลูกอาจเติบโตมาไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ขาดความมั่นใจ ไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ หรือบางกรณีพวกเขาอาจไม่ได้ทำร้ายตรงๆ แต่การกระทำ ส่งผลกระทบมาถึงคนใกล้ตัว เช่น สามีเก่าที่ติดการพนัน แม้จะเลิกไปแล้ว แต่เจ้าหนี้ก็ยังมาตามทวงเงิน ทำให้เราต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว เป็นต้น
ผลกระทบเมื่ออยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ก็คือ เราจะเริ่มสงสัยคุณค่าในตัวเอง บางคนอาจถึงขั้นสูญเสียความมั่นใจและการรักตัวเอง เพราะถูกทำให้คิดซ้ำๆ ว่าตัวเองไม่ดีพอ พฤติกรรมที่คาดเดาเอาแน่เอานอนไม่ได้ของ Toxic People ทำให้คนที่อยู่ใกล้วิตกกังวล สภาพแวดล้อมภายในบ้านจึงอึมครึม อึดอัด
อย่างไรก็ตามหากรู้เท่าทันและสามารถออกห่างจากได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราในระยะยาว แต่กรณีที่ต้องอยู่กับพ่อแม่ที่มีพฤติกรรม Toxic ก็มีความเป็นไปได้ว่าความรู้สึกแง่ลบนั้นจะติดตัวเราไป และอาจส่งผลกระทบต่อการสร้างความสัมพันธ์ และมีปัญหาด้านการเชื่อใจคนรอบตัว
@@@@@@@
สัญญาณห้าข้อ บ่งบอกว่า คนนี้แหละ Toxic
ลองมาดูกันว่า คนที่เข้าข่ายนี้มีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง
1) พฤติกรรมข่มเหงรังแก : การข่มเหงรังแก ไม่ใช่แค่การทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่การใช้คำพูดทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ หรือแสดงพฤติกรรมที่ไร้เหตุผล เช่น ปึงปัง ถามไม่ตอบ ไม่ยอมพูดด้วย หรือประชดประชัน ก็จัดเป็นการข่มเหงรังแกได้เช่นกัน เพราะสิ่งที่กระทำนั้น ส่งผลต่อจิตใจของคนที่อยู่ใกล้
2) ทำให้เราเครียดและซึมเศร้าเมื่ออยู่ใกล้ : Toxic People ย่อมแผ่รังสีที่เป็นพิษออกมา ทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกอึดอัด เครียด หรือกระทั่งซึมเศร้า ลองสังเกตว่าหากอยู่ใกล้ใครแล้วรู้สึกเช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่เราต้องระวัง บางกรณีคนเหล่านี้อาจสร้างความอึดอัดด้วยการใช้ ‘ความเงียบ’ เพื่อทำโทษ (Silent Treatment) เมื่อพวกเขาไม่พอใจอะไรบางอย่าง แทนที่จะพูดตรงๆ เพื่อให้เราสงสัยว่า เราทำอะไรผิด และเมื่อเราถาม เขาก็จะเริ่มเกมว่า เรานั่นเองเป็นคนที่หาเรื่อง
"คนที่มีพฤติกรรม Toxic มักชอบวิจารณ์ ตำหนิ หรือกล่าวโทษคนอื่น แต่ไม่เคยย้อนดูการกระทำของตัวเอง หนำซ้ำยังชอบรับบทเหยื่อ โทษว่าถูกคนอื่นทำร้าย แต่ตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด ไม่ยอมฟังเหตุผล และคิดว่าตัวเองถูกเสมอ"
3) ชอบวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิ และกล่าวโทษ : คนที่มีพฤติกรรม Toxic มักชอบวิจารณ์ ตำหนิ หรือกล่าวโทษคนอื่น แต่ไม่เคยย้อนดูการกระทำของตัวเอง หนำซ้ำยังชอบรับบทเหยื่อ โทษว่าถูกคนอื่นทำร้าย แต่ตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด ไม่ยอมฟังเหตุผล และคิดว่าตัวเองถูกเสมอ
4) ชอบบงการบิดเบือนความจริง : Toxic People ชอบให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ แต่มักไม่พูดออกมาตรงๆ พวกเขาใช้วิธีบิดเบือนความจริงด้วยการพูด หรือกระทำบางอย่างให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด และยอมทำตามความต้องการของพวกเขา หรือทำให้อีกฝ่ายสงสัยความสามารถของตัวเอง บางกรณีก็อาจพูดให้คนแตกแยกกัน เพื่อบงการให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
5) หยาบคาย รุนแรง เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ : เมื่อคนเหล่านี้พยายามจะควบคุม หรือบงการชีวิตคนอื่น แต่ทำไม่สำเร็จ นอกจากจะรับบทเหยื่อแล้ว พวกเขามักใช้คำพูดหยาบคาย และการกระทำที่รุนแรงด้วยความโกรธที่บงการคนอื่นไม่ได้ ระดับความหยาบคายและรุนแรงอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากรู้ทัน เราควรหลีกเลี่ยงไม่ปะทะ ต้องเข้าใจว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ และทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งได้ผ่านการพูดคุยด้วยเหตุผล ต่างฝ่ายต่างควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่เมื่อใดก็ตามที่มีฝ่ายใดใช้ความหยาบคายและความรุนแรง นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาไม่ปกติ และการแสดงเหตุผลกับคนกลุ่มนี้ย่อมไม่มีประโยชน์ใดๆ
ก้าวออกจาก Toxic People ในชีวิตอย่างไรดี
เมื่อสุขภาพย่ำแย่จากอาหารเป็นพิษ เรายังต้องหยุดกิน ในอากาศมีฝุ่นพิษ เราก็ยังต้องใส่แมสก์ เช่นเดียวกัน เมื่อต้องอยู่ใกล้คนที่เป็นพิษ หากเป็นไปได้ เราก็ควรพาตัวเองออกมาจากจุดนั้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม
ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่รักเขา แต่เป็นเพราะนอกจากการรักคนอื่นแล้ว เรายังต้องรักและดูแลตัวเองด้วยต่างหาก
เมื่อค้นพบว่าตัวเองอยู่กับสภาพแวดล้อมเป็นพิษมานาน การพาตัวเองออกห่างจาก Toxic People อาจไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเราอดทนมานานเท่าไร ใช้เวลาด้วยกันยาวนานแค่ไหน การแยกจากอาจยิ่งยากทวีคูณ
จุดเริ่มต้นควรมาจากการที่เราตระหนักว่า การอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ส่งผลเสียต่อจิตใจและตัวตนของเราอย่างไร หากความสัมพันธ์นั้นทำให้เรารู้สึกหนักอึ้ง และดึงให้เรารู้สึกต่ำต้อย มากกว่าที่จะสนับสนุนช่วยให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง ก็อาจเป็นสัญญาณว่าเราควรพาตัวเองออกมาได้แล้ว
แน่นอนว่าการแยกจาก อาจทำให้พวกเขาไม่พอใจมากๆ เพราะคนเหล่านี้ชอบควบคุมบงการ การที่เราเดินไปบอกพวกเขาว่า เราจะย้ายออก หรือเว้นระยะห่าง ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกสูญเสียการควบคุม เราจึงจำเป็นต้องมั่นคงยืนหยัดในทางเลือกของตัวเอง ควรหลีกเลี่ยงการให้เหตุผลยืดยาว เพราะมีแนวโน้มว่าอาจสร้างความขัดแย้งมากกว่าเดิม
"เมื่อตัดสินใจออกห่างจาก Toxic People พวกเขาอาจพูด หรือกระทำบางอย่างให้เรารู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง ขอให้เข้าใจว่านี่เป็นพฤติกรรมปกติของพวกเขา และควรเตรียมตั้งรับให้พร้อม การรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เพื่ออะไร จะช่วยป้องกันจิตใจตัวเราเองจากความรู้สึกผิดได้ ขอให้รู้เท่าทันว่า นี่เป็นอีกเกมหนึ่งที่พวกเขาใช้ปั่นหัวเรา ซึ่งเราจะไม่ยอมให้บุคคลผู้นี้พ่นพิษใส่เราอีกต่อไป"
@@@@@@@
เมื่อตัดสินใจออกห่างจาก Toxic People พวกเขาอาจพูด หรือกระทำบางอย่างให้เรารู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง ขอให้เข้าใจว่านี่เป็นพฤติกรรมปกติของพวกเขา และควรเตรียมตั้งรับให้พร้อม การรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เพื่ออะไร จะช่วยป้องกันจิตใจตัวเราเองจากความรู้สึกผิดได้ ขอให้รู้เท่าทันว่า นี่เป็นอีกเกมหนึ่งที่พวกเขาใช้ปั่นหัวเรา ซึ่งเราจะไม่ยอมให้บุคคลผู้นี้พ่นพิษใส่เราอีกต่อไป
เรา คือ ผู้ควบคุมความรู้สึกของตัวเอง อย่าให้คำพูด หรือการกระทำของคนอื่นมาบงการความรู้สึกของเรา
การเป็นคนดีเกินไป ขี้เกรงใจ กลัวทำร้ายความรู้สึกคนอื่น อาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เราถูก Toxic People ทำร้ายซ้ำๆ เราควรตระหนักว่าพวกเขาใช้จุดอ่อนนี้เพื่อควบคุมบงการเรา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเปลี่ยนเป็นคนโหดร้าย แต่หมายความว่า เราอาจต้องหยุดการเสียสละตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของคนอื่น รู้ขอบเขตว่าเมื่อไรควรหยุดให้ ควรหยุดช่วย และไม่ลงไปเป็น ‘หมากในเกม’ ตามที่ใครต้องการ
สิ่งที่น่ากลัวก็คือ Toxic People มักจะหาทางกลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเรา ไม่ว่าเราจะวางเฉย หรือเว้นระยะห่างแค่ไหนก็ตาม ซึ่งคำพูดที่ว่า “ฉันอยู่ของฉันดีๆ เขาก็หาเรื่องมาให้” เป็นคำพูดที่ไม่เกินจริง สำหรับผู้ที่มีคนเหล่านี้อยู่รอบตัว
ดังนั้น หากตัดสินใจจะก้าวต่อไปแล้ว ควรเด็ดขาด หากเลือกจะไม่พบปะกันอีก ก็ควรทำให้ได้ตามนั้น ปิดการสื่อสารทุกช่องทาง บล็อกไลน์ เบอร์โทรศัพท์ ไม่ต้องติดต่อกันอีก ส่วนกรณีเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ตัดกันไม่ขาด ควรขีดเส้นให้ชัดเจนว่า พวกเขาเข้ามาในชีวิตเราได้แค่ไหน เช่น พบกันได้ในงานปีใหม่ครอบครัว แต่ไม่ต้องมาเจอกันที่บ้านของเรา และพูดคุยเฉพาะเรื่องสำคัญเท่านั้น ไม่คุยเล่นกันเด็ดขาด เป็นต้น
@@@@@@@
ระยะเวลายาวนานที่ต้องอยู่กับ Toxic People อาจสร้างบาดแผลในใจ ยิ่งแผลใหญ่เท่าไร ก็ย่อมต้องใช้เวลารักษานานเท่านั้น
ให้เวลาตัวเองค่อยๆ เยียวยา ระหว่างนี้ความรู้สึกอาจสับสนปนเประหว่างความรู้สึกผิด สงสัยในตัวเอง สงสัยว่าเราทำอะไรพลาด ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนถึงเป็นเช่นนั้น เศร้า, เครียด, ผิดหวัง ฯลฯ – จงโอบรับทุกความรู้สึกนี้ และบอกตัวเองว่า เราทำดีแล้ว และหากมีใครโยนความผิดมาให้ว่า เราเป็นสาเหตุให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นสิทธิของเขา
แต่ก็เป็นสิทธิของเราเช่นกันที่จะไม่รับสิ่งที่คนอื่นโยนมา เพราะทุกคนมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง ไม่มีใครเจ็บแทนใครได้ เพราะฉะนั้นแม้จะรู้สึกผิด แต่เราต้องเยียวยาหัวใจของตัวเองก่อน
"หากสงสัยว่า การกระทำบางอย่างของเราเป็นผลมาจากการอยู่ร่วมกับ Toxic People หรือเปล่า อาจลองเขียนพฤติกรรมของตัวเองที่คิดว่าเข้าข่าย ทบทวนความสัมพันธ์กับคนรอบกายที่ผ่านๆ มา เพราะโดยทั่วไป Toxic People มักมีปัญหาความสัมพันธ์ ในเรื่องความเชื่อใจ การควบคุมอารมณ์ และการเปิดใจสร้างสายสัมพันธ์"
@@@@@@@
อย่าเป็น Toxic People เสียเอง
เราอาจเลือกคนที่เข้ามาในชีวิตไม่ได้ โดยเฉพาะหากคนเหล่านั้นคือครอบครัว แต่เราเลือกที่จะไม่รับพฤติกรรมเชิงลบที่เป็นพิษให้มีอิทธิพลเหนือชีวิตเราได้
แม้การมองเห็นพฤติกรรมตัวเองเป็นเรื่องยาก และมีแนวโน้มว่าผู้ที่เติบโตมากับ Toxic Family มักได้รับถ่ายทอดพฤติกรรมเป็นพิษติดมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งหากสงสัยว่า การกระทำบางอย่างของเราเป็นผลมาจากการอยู่ร่วมกับ Toxic People หรือเปล่า อาจลองเขียนพฤติกรรมของตัวเองที่คิดว่าเข้าข่าย ทบทวนความสัมพันธ์กับคนรอบกายที่ผ่านๆ มา เพราะโดยทั่วไป Toxic People มักมีปัญหาความสัมพันธ์ ในเรื่องความเชื่อใจ การควบคุมอารมณ์ และการเปิดใจสร้างสายสัมพันธ์
ในทางกลับกันคนที่เติบโตมาจาก Toxic Family บางรายแม้ไม่ได้มีพฤติกรรมที่เป็นพิษต่อคนอื่น แต่อาจมีพฤติกรรมที่เป็นพิษต่อตัวเอง เช่น เป็นคนเอาอกเอาใจคนอื่นมากเกินไป หรือที่เรียกว่า People Pleaser เพราะกลัวถูกปฏิเสธ จนทำให้ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ หรือขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ต้องพึ่งพิงคนอื่นเสมอๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่าได้รับการถ่ายทอดพฤติกรรมเป็นพิษ สิ่งที่ทำได้ คือ- ระวังและหมั่นตรวจสอบพฤติกรรมและความคิดของตัวเอง
- ฝึกเป็นผู้ฟังที่ดี
- มีเมตตาและเห็นอกเห็นใจคนอื่นอย่างจริงใจ ไม่ใช่ทำไปเพื่อให้ตัวเองดูเป็นคนดี
- คิดก่อนลงมือกระทำ หรือตอบสนองเรื่องใดๆ
- ปล่อยวางอีโก้ ไม่ยึดถือตัวตน
- แสดงความรับผิดชอบเมื่อผิดพลาด
- แสดงความอ่อนแอบ้างก็ได้หากเสียใจ
- ขอคำแนะนำจากนักจิตวิทยา จิตแพทย์
@@@@@@@
ชีวิตมักมีโจทย์ยากๆ มาให้แก้ไขเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องแก้ให้ได้ทุกโจทย์ บางข้อทำได้ บางข้อทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่คะแนนผ่านเกณฑ์ เราก็ใช้ชีวิตต่อไปได้
เราไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ หรือแก้ไขคนยากๆ ในชีวิต เราเพียงแค่ปล่อยเขาไป เพราะเวลาในชีวิตมีจำกัด เหมือนกับการทำข้อสอบที่จำกัดเวลา ซึ่งเราจะจมอยู่กับปัญหาเดิมๆ นานเกินไปไม่ได้
สุดท้ายแล้ว การทำดีต่อกันเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำดีกับ Toxic People ก็เหมือนเทน้ำลงกองทราย ชีวิตเรามีหลายสิ่งต้องสะสาง เพราะฉะนั้นอย่าเสียเวลาเป็น ‘คนดี’ ให้กับ ‘คนไม่ดี’
จงพึงระลึกไว้ว่า ยิ่งออกห่างจาก Toxic People เร็วเท่าไร ชีวิตของเราก็จะพบกับความสงบสุขเร็วขึ้นเท่านั้น อ้างอิง : manhattanmedicalarts.com, oprahdaily.com, mindbodygreen.com, mentalfloss.com
Thank to :-
Illustration : Nuttal-Thanatpohn Dejkunchorn
website :
https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/102500Thairath Plus › Everyday Life ,6 ธ.ค. 65
creator : สุภาวดี ไชยชลอ