« เมื่อ: ธันวาคม 24, 2022, 05:53:41 am »
0
สูตร พระพรหมสร้างโลกในสังคมไทยถือกันมาว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาที่เรียกว่า พรหมวิหารนั้น เป็นธรรมของผู้ใหญ่ ที่จริง “ผู้ใหญ่” หรือ “ผู้เป็นใหญ่” ในที่นี้ คือ พระพรหม ซึ่งหมายถึง คนนี่เอง ที่จะต้อง(พัฒนาตัวเองให่) มีจิตใจยิ่งใหญ่ใจประเสริฐ เหมือนเป็นหรือแทนพระพรหม ที่เป็นผู้สร้างสรรค์อภิบาลโลก
“พรหมวิหาร” จึงมีความหมายที่เป็นสาระว่า มนุษย์ทุกคนนี่แหละ ต้องมีธรรม ๔ ข้อนี้ เพื่อทําหน้าที่อย่างพระพรหม ที่รับผิดชอบในการสร้างสรรค์และดูแลดํารงรักษาโลก คือ สังคมนี้ไว้ให้ดี ทุกคนจึงต้องมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ด้วยกันทั้งนั้น และให้ครบทุกข้อ
แต่เมื่อในสังคมไทย พวกเรานี้ถือกันมาว่า พรหมวิหารเป็นธรรมของผู้ใหญ่ ซึ่งโดยทั่วไป ก็คือ ผู้สูงอายุ เวลานี้ เรามาเป็นสังคมผู้สูงอายุ ก็มองความหมายในเชิงความรับผิดชอบเสียเลยว่า ผู้สูงอายุจะต้องมีหรือประพฤติพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตากรุณา มุทิตา อุเบกขานั้น อย่างเป็นผู้นํา ให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งหลายในสังคมนี้ ในการที่จะสร้างสรรค์โลกอภิบาลสังคม
เมื่อตกลงตามนี้ บรรดาผู้สูงอายุจะต้องศึกษา เมตตากรุณา มุทิตา อุเบกขา นั้น ให้เป็นคุณสมบัติประจําใจ เป็นเนื้อเป็นตัวแห่งชีวิตของตน
@@@@@@@
เมื่อกี้ ได้พูดไปแล้วถึง ธรรมสร้างสมาธิ ๕ ข้อ (ปราโมทย์-ปิติ-ปัสสัทธิ-สุข-สมาธิ) นั่นเป็นด้านของความ
รับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง
แต่คราวนี้ พรหมวิหาร ๔ (เมตตา-กรุณา-มุทิตา-อุเบกขา) นี่เป็นคุณสมบัติที่สร้างความพร้อมในด้านของความรับผิดชอบต่อสังคม (สร้างความพร้อม ยังไม่ใช่ปฏิบัติการ)
ต้องย้ําไว้ก่อนว่า พรหมวิหาร ๔ (เมตตา-กรุณา-มุทิตา-อุเบกขา) นี้ เป็นธรรมในระบบองค์รวมและดุลยภาพ ต้องใช้ให้ครบ และสมดุล มิฉะนั้นจะผิดพลาดเสียหาย
ผู้สูงอายุ ในฐานะที่น่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ พึงศึกษาในเรื่องนี้อย่างน้อยแค่ง่ายๆ ว่า
- สามข้อแรก (เมตตา-กรุณา-มุทิตา) เป็นความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมสังคม โดยมีความรู้สึกที่ดีงามต่อเขา ต่อทุกคน
- หนึ่งข้อท้าย (อุเบกขา) เป็นความรับผิดชอบต่อธรรม (กฎกติกาสังคม+กฎธรรมชาติ) ซึ่งควบคุมรักษาคนและสังคมอีกชั้นหนึ่ง โดยมีความตรงตามความรู้-ปัญญา
@@@@@@@
ตุลา-สมดุล-เที่ยงธรรม : ในกรณีที่ถ้าใช้ ๓ ข้อแรก ไม่ว่าข้อใด จะขัด-ละเมิด-เสียหายต่อธรรม ต้องให้คนรับผิดชอบต่อธรรม ต้องรักษาธรรม โดย
- หยุด ๓ ข้อแรก (เมตตา-กรุณา-มุทิตา) และ
- เข้าอยู่ในข้อ ๔ สุดท้าย (อุเบกขา)
เมื่อรู้หลักการนี้แล้ว ก็ดูความหมายของพรหมวิหาร ๔ นั้น ดังนี้
๑. เมตตา ความรัก ไมตรี มีใจเป็นมิตร อยากให้เขาอยู่ดีมีความสุข(เกิดจากฉันทะที่อยากให้เขาดีงามมีความสุข,ใช้ในสถานการณ์ที่เขาอยู่เป็นปกติ)
๒. กรุณา ความมีใจหวั่นไหวไปกับทุกข์ของเขา อยากช่วยให้เขาพ้นจากทุกข์ (เกิดจากฉันทะที่อยากให้เขากลับมีความสุข ,ใช้ในสถานการณ์ที่เขาตกต่ํา เดือดร้อน)
๓. มุทิตา ความพลอยยินดีในความสุขสําเร็จของเขาอยากให้เขาเจริญดียิ่งขึ้น (เกิดจากฉันทะที่อยากให้เขาสุขดีงามสูงขึ้น ,ใช้ในสถานการณ์ที่เขาสุขดีงามเจริญขึ้น)
๔. อุเบกขา ความเฉยนิ่งดูคอยท่า เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามธรรม (เกิดจากฉันทะที่อยากให้เขาอยู่ในธรรมในความจริงความถูกต้องดีงาม ไม่ทําอะไรชั่วร้ายเสียหายผิดธรรม,ใช้ในสถานการณ์ที่เขาพึงรับผิดชอบต่อธรรม)
@@@@@@@
เมื่อเรียนรู้เข้าใจหลักการนี้ชัดดีแล้ว ก็เอาจิตใจเข้าไปอยู่ใน พรหมวิหาร ๔ เพื่อปฏิบัติให้ตรงตามสถานการณ์นั้นๆ โดยเฉพาะ ถ้าเป็นพระพรหมประจําบ้าน คือเป็นพ่อแม่ผู้สร้างลูก ให้ไปสร้างสรรค์อภิบาลโลก ก็
- เลี้ยง ลูก โดยทําอะไรๆ ให้แก่ลูก ด้วย เมตตา-กรุณา-มุทิตา
- ดู ให้ลูกทํา ด้วยอุเบกขา (โดยเป็นที่ปรึกษา เป็นต้น) เพื่อฝึกให้เขารู้จักรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบการกระทําของตน ให้เขาเจริญพัฒนาในเรื่องที่ปัญญาบอกว่าเขาจะต้องผจญเผชิญต่อๆไป ด้วยการให้เขาฝึกหัดจัดทําด้วยตัวเขาเองอย่างเต็มศักยภาพ
เมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว หรือแต่งงานมีครอบครัวของเขาเองแล้ว พ่อแม่ก็มีอุเบกขา ให้เขาดูแลตัวเอง ไม่เข้าไปวุ่นวายก้าวก่ายแทรกแซงในบ้านในครอบครัวของเขา โดยแลดูอยู่ พร้อมจะเป็นที่ปรึกษา หรือช่วยแก้ปัญหาในคราวที่ควร
ขอขอบคุณ :-
photo : pinterest
บทความ : ถ้าสูงอายุเป็น ก็น่าเป็นผู้สูงอายุ โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
website :
https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/636-Senior60706.pdf
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 24, 2022, 06:03:34 am โดย raponsan »

บันทึกการเข้า

ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ