ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รู้หรือไม่หินหัวงู ไม่ได้มีอยู่แค่บึงกาฬเท่านั้น! แต่มีอยู่ที่จังหวัดแห่งนี้ด้วย  (อ่าน 882 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




รู้หรือไม่หินหัวงู ไม่ได้มีอยู่แค่บึงกาฬเท่านั้น.! แต่มีอยู่ที่จังหวัดแห่งนี้ด้วย

หากคุณกำลังคิดหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่หลุดออกจากกรอบเดิม แบบที่ว่าไม่ค่อยจะมีใครเคยไปรีวิวหรือเคยมีโอกาสไปสัมผัส

อยากจะไปสัมผัสกับความดิบและความสมบูรณ์ของป่าเขาและธรรมชาติ Sanook! Travel เรามีอุทยานแห่งชาติที่หนึ่งในเมืองไทยที่จะช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการในการท่องเที่ยวของคุณ

และที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ก็คือ "อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว" แน่นอนว่าเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูเลยสักนิด แม้แต่เราเองยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่แน่นอนว่าการเดินทางค้นหาอะไรใหม่ๆ นั้นมักจะทำให้หัวใจตื่นเต้นอยู่เสมอ






อุทยานแห่งชาติทรายขาวตั้งอยู่ในพ้นของบ้านทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นอุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบทางธรรมชาติอย่างแท้จริง

เริ่มต้นการเดินทางด้วยการเซอไพรซ์แต่เริ่มต้น เพราะพาหนะที่จะพาเราขึ้นไปสู่ยอดเขาด้านบนอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวในวันนี้ก็คือ รถจิ๊บสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2








คือพอได้เห็นเป็นครั้งแรกนั้น เป็นรถที่เท่มากๆ ทุกๆ อย่างยังคงความคลาสสิคเอาไว้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นสีสันและการตกแต่งของตัวรถ

และที่สำคัญรถจิ๊บทั้งหมดนี้เป็นของชาวบ้านในหมู่บ้านทรายขาวซึ่งพี่ๆ คนขับบอกว่าในหมู่บ้านมีอีกหลายคันเลยทีเดียว






เมื่อจัดแจงที่นั่งกันได้แล้วก็ถึงเวลาลุย รถจิ๊บค่อยๆ วิ่งผ่านถนนลาดยางไปจนถึงทางเข้าสู่อุทยานซึ่งในจุดนี้จะเริ่มมีความลาดชันของเส้นทางเพิ่มมากขึ้น

แผนของเราในวันนี้คือนั่งรถจิ๊บไปจนสุดทางบนยอดอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อรถทุกคันมาพร้อมกันแล้วก็ได้เวลาลุย








เส้นทางเป็นคอนกรีตที่ค่อนข้างจะยุบตัวลงมาหลายจุด ทำให้ค่อนข้างยากลำบากในการไต่ขึ้นไปสู่ยอดเขา ต้องใช้ความชำนาญในพื้นที่และประสบการณ์เป็นอย่างมาก

แต่พี่ๆ คนขับก็พาเราขึ้นมาถึงยอดเขาได้เป็นผลสำเร็จ บนยอดเขาแห่งนี้ชาวบ้านเรียกกันว่าเขารังเกียบ เป็นจุดชมวิวเมืองปัตตานีได้แบบพาโนรามา






เมื่อเราได้มองลงไปที่เมืองปัตตานีจากมุมสูงจะเห็นได้เลยว่าที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติจริงๆ เมืองกลางเขาที่ถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยความเขียวขจี เป็นภาพบรรยากาศที่มองดูสบายตามาก และเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามอีกด้วย



นอกจากจุดชมวิวแล้วบนยอดเขารังเกียบยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามุนินท์โลกนาถ และ ศาลทวดรังเกียบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวทรายขาวนับถือบูชา





เมื่อถ่ายภาพเก็บความทรงจำกันจนอิ่มเอมใจแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวต่อในจุดที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้นมาสู่ยอดเขารังเกียบ นั่นก็คือผาพญางู!



เราขอยกให้ผาพญางูแห่งนี้เป็นอันซีนของอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเลย เพราะเมื่อเราได้มายืนอยู่ต่อหน้าผาผญางูแล้ว จะมีความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก

หินขนาดใหญ่ที่งอกออกมาจากหน้าผาลักษณะเหมือนหัวงูยักษ์จริงๆ บวกกับบรรยากาศของป่าดงดิบโบราณโดยรอบยิ่งทำให้รู้สึกอินยิ่งขึ้นไปอีก เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนเลยว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ในประเทศไทยด้วย!






และสุดท้ายเราขับรถลงไปสู่จุดเริ่มต้นบริเวณทางเข้าอุทยานเพื่อไปเที่ยวชมน้ำตกทรายขาว ที่นี่ถือได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชุมชนบ้านทรายขาวอย่างแท้จริง

ชาวบ้านทั้งผูใหญ่และเด็กๆ ต่างได้มาพักผ่อนหย่อนใจกันที่น้ำตกแห่งนี้ เป็นสถานที่ปิคนิค และ คลายร้อนของคนในพื้นที่รวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียง






โดยรวมแล้วอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวแห่งนี้คืออันซีนแห่งปัตตานีที่ควรจะมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งอย่างแท้จริง ป่าไม้ที่เป็นป่าพรรณดึกดำบรรพ์ อุดมสมบูรณ์มากๆ รอบกายเราจะเต็มไปความสดชื่นสูดอากาศรับโอโซนอย่างเต็มที่

สถาปัตยกรรมที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์มาอย่างผาพญางูก็ทำให้เราตื่นตาตื่นใจแบบสุด จุดชมวิวด้านบนเขาสะแกรังก็งดงามไม่มีที่ติ และยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ได้เห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ

ทุกสิ่งทุกอย่างได้เติมเต็มความสุขให้แก่เราในหนึ่งวัน เป็นอีกหนึ่งวันที่น่าจดจำและอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ ครับ




ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้งอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว : 31/4 4072, ตำบล ทรายขาว อำเภอ โคกโพธิ์ ปัตตานี
ติดต่อ : 073 467 485

ชมภาพทั้งหมดได้ที่ : https://www.sanook.com/travel/1411565/gallery/






Thank to : https://www.sanook.com/travel/1411565/
Peeranut P. : ผู้เขียน | 07 ก.ย. 66 (17:30 น.)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ