ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'สอบธรรมศึกษาใช่ว่าปฏิบัติจริง' เปิดบทเรียนชีวิตดิ่งเหว สู่แก่นพุทธสอนใจ  (อ่าน 861 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




'สอบธรรมศึกษาใช่ว่าปฏิบัติจริง' เปิดบทเรียนชีวิตดิ่งเหว สู่แก่นพุทธสอนใจ

จากรายงานพิเศษ “ใบประกาศเก็บไว้ไหน? เจาะประโยชน์สอบนักธรรม สมัครงาน เข้าเรียน ช่วยได้ไหม?” มาสู่ประโยชน์ของการเรียนนักธรรมอย่างเป็นรูปธรรม เห็นผล จับต้องได้จริง วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอนำเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้ที่สอบนักธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก เธอผู้นี้หยิบหลักคิด หลักปฎิบัติมาใช้จริงจนชีวิตประสบความสำเร็จ เธอมีชื่อเสียงเรียงนามว่า นีรนุช แสนคงสุข อายุ 62 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ผู้ที่นำแสงทองแห่งธรรมส่องนำทางชีวิต เรื่องราวของเธอจะเป็นอย่างไร โปรดติดตาม...


นีรนุช แสนคงสุข อายุ 62 ปี เจ้าของเรื่องเล่าในสกู๊ปนี้


ห้องพระบนชั้นสองของบ้าน

เปิดปูมชีวิตก่อนหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม

คุณนีรนุช เปิดบ้านย่านบางคอแหลมให้ทีมข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ พร้อมทั้งเดินชมฝีมือสามีของเธอในการตกแต่งบ้านหลังนี้ ภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่นของครอบครัวแสนคงสุข ก่อนที่ทีมข่าวจะเริ่มต้นถามถึงเรื่องราวของชีวิตก่อนที่จะหันหน้าเข้าสู่ทางธรรมว่าเป็นอย่างไร

คุณนีรนุช ได้เริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาให้ทีมข่าวฟังว่า เดิมทีเธอมีเชื้อสายจีน นับถือศาสนาพุทธ เธอจำได้ว่า ตอนเด็กๆ แม่เลี้ยงชอบพาไปวัดเพื่อขอเลขเด็ด เธอก็มีความเชื่อว่า พระเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ครั้งหนึ่งพระที่แม่เลี้ยงชอบไปหาได้เขียนเลขหวยให้ 6 ตัว แถวละ 3 ตัวสองแถว ปรากฏว่าเลขที่ได้มานั้นถูกเป๊ะตามเลขรางวัลที่ 1 ทั้ง 6 ตัว โดยไม่สลับกันเลยแม้ตัวเดียว ตอนนั้นแม่เลี้ยงซื้อแถวข้างหน้า จึงไม่ถูก พระท่านก็บอกว่าเห็นแล้วใช่ไหม โชคลาภเป็นของบุคคล ใครไม่มีคือไม่ได้ ให้ขนาดนี้ยังไม่ถูกอีก และนั่นคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวความเชื่อที่เธอมีต่อศาสนาพุทธ...

หญิงผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมา 62 ปี ยอมรับกับทีมข่าวว่า ทัศนคติก่อนนั้นที่มีต่อพระเป็นไปในทางลบมากกว่าทางบวก รวมทั้งศาสนสถานด้วย กระทั่ง เธอเริ่มเข้าวัดฟังธรรม ชื่นชมรสธรรมะจากวัดบวร ตอนอายุเริ่มมาก ได้เรียนธรรมศึกษากับพระมหาฉลอง ชลิตกิจโจ ในขณะนั้น (ปัจจุบันพระราชมุนี)



ภาพพร้อมหน้าครอบครัว แสดงความยินดีที่ลูกชายอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์


ใช้หลักโลกธรรม 8 ดำเนินชีวิต

เริ่มเข้าวัด ฟังธรรม ซึมซับรสธรรมะจากการทอดกฐิน

นอกจากนี้ เธอยังได้มีโอกาสจัดทอดกฐินแบบจุลกฐิน ซึ่งเป็นการทอดกฐินที่ทุกขั้นตอนกระบวนการต้องสำเร็จในหนึ่งวัน คือตั้งแต่เก็บฝ้ายมากรอเป็นด้าย และทอให้เสร็จเป็นผืนผ้าก่อนที่จะนำไปทอดในวันเดียวกัน จุลกฐินต้องใช้ความอุตสาหะและอาศัยความสามัคคีของผู้ศรัทธาจำนวนมากช่วยกันทำความหมายของจุลกฐินอยู่ที่ความสามัคคีและศรัทธา ไม่มีการซื้อและจ้างวาน



ปลงผมลูกชายตอนบวชเณร


บวชครั้งที่สาม บวชพระ

จุดเริ่มต้นสอบนักธรรม ฝ่าอุปสรรคจนสำเร็จ!

อย่างไรก็ดี การศึกษาธรรมศึกษา ทำให้คุณนีรนุชได้รู้ว่าธรรมะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้

ช่วงที่มีการเปิดให้สมัครสอบธรรมศึกษานั้น คุณนีรนุช สมัครไม่ทันสนามสอบที่วัดบวรฯ แต่สมัครทันสนามสอบที่ประเทศออสเตรเลีย เธอจึงบอกให้ลูกสาวคนโตที่เรียนอยู่เมืองนอกไปสอบนักธรรมด้วยกับเธอด้วย ความที่คุณนีรนุชมีจิตใจที่มุ่งมั่นมาก เธอจึงซื้อตั๋วเครื่องบิน ไปสอบไกลถึงออสเตรเลีย

ด้วยความตั้งใจคุณนีรนุชสามารถจบธรรมศึกษาตรี โท เอก ได้สำเร็จตามเป้าหมาย คุณนีรนุช กล่าวอย่างราบเรียบว่า “การเรียนธรรมศึกษา การเขียนกระทู้ธรรม มันไม่ได้ยากเลย แต่เหนือกว่าทุกอย่างที่เรียนมา คือ การนำหลักธรรมนั้นๆ ไปปฏิบัติในชีวิตจริงมากกว่า”



หนังสือธรรมะที่คุณนีรนุชเก็บสะสมไว้ในห้องพระชั้นสองของบ้าน


ผู้ใช้อิทธิบาท 4 ในการสั่งสอนลูกและดำเนินธุรกิจส่วนตัว

มีใบประกาศนักธรรม ไม่ได้แปลว่าจะดำรงตนอยู่ในธรรมะ!

สำหรับการสอบธรรมศึกษา แบ่งเป็นหลักสูตร ดังนี้
ธรรมศึกษาตรี - เรียงความแก้กระทู้ ธรรม พุทธประวัติ เบญจศีลเบญจธรรม
ธรรมศึกษาโท - เรียงความแก้กระทู้ ธรรม อนุพุทธ ศาสนพิธี
ธรรมศึกษาเอก - เรียงความแก้กระทู้ ธรรม พุทธ ?

อย่างไรก็ตาม คุณนีรนุช ได้แนะนำเทคนิคในการเขียนกระทู้ธรรมว่า ต้องเตรียมสุภาษิตไปหลายบท ให้คล่อง และต้องเชื่อมสุภาษิตที่เตรียมมาให้เข้ากับกระทู้ที่ข้อสอบกำหนดมาให้แนบเนียน เรียบเรียงให้ครบตามกำหนดและถูกต้องตามหลักโครงสร้างการเขียนกระทู้ธรรม

“การมีใบประกาศธรรมศึกษา ไม่ได้แปลว่าจะดำรงตนอยู่ในธรรมเสมอไป ใบประกาศที่ได้มาอาจจะเป็นสิ่งสะท้อนว่า เราผ่านการสอบธรรมะในด้านทฤษฎีมาแล้ว แต่ใช่ว่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราจะสอบผ่านธรรมะด้านปฏิบัติด้วย” หญิงผู้สอบผ่านธรรมศึกษาทั้งสามระดับ กล่าว



ความภูมิใจของชีวิตที่มีลูกอยู่ในศีลในธรรม


ลูกชายคุณนีรนุชเมื่อครั้งบวชเณร

‘อิทธิบาท 4’ นำทาง

คุณนีรนุช เล่าว่า “ช่วงชีวิตที่ผ่านมา เลี้ยงลูกด้วยเงินมาโดยตลอด รวมทั้งจ้างแม่นมถึง 3 คนมาคอยดูแลเลี้ยงลูกแทน ไม่ได้เลี้ยงลูกเองเลย ทำให้ลูกขาดความอบอุ่น เรียนไม่เก่ง สอบตกทุกปี ต้องสอบซ่อมทุกปี แม่นมก็ตามใจมาก แม้ลูกอยากทานกล้วยก็ต้องให้คนอื่นปอกให้ วันหนึ่งได้หันกลับมามองดูลูก จึงคิดว่า ลูกมีปัญหาหรือเปล่า โตขึ้นเขาจะรับผิดชอบชีวิตตนเองได้หรือเปล่า จะแก้ปัญหาลูกอย่างไรดี..

สุดท้ายจึงใช้วิธีให้พระฝึกวินัย ขณะนั้นลูกชาย อายุ 8 ปี จึงให้บวชสามเณรภาคฤดูร้อน ที่วัดบวรฯ โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และเป็นสามเณรรุ่นสุดท้ายที่พระองค์ท่านเป็นอุปชฌาย์ โดยลูกชายได้บวชสามเณรทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 60 วันจากการบวชสามเณร ทำให้ลูกมีพัฒนาการในการรู้จักใช้ชีวิตดีขึ้นมาก  คือเริ่มให้ลูกเข้าวัดเข้าวามากขึ้น จากเด็กที่ไม่ดีก็เป็นเด็กที่เปลี่ยนไป มีสมาธิในการเรียนมากขึ้น จนเรียกได้ว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ จากที่ก่อนจะบวชเคยทำคะแนนสอบเป็นที่โหล่ของห้อง ก็กลายมาเป็นสอบได้ที่หนึ่งของห้อง หลังจากที่ลูกชายมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นเด็กที่เรียนเก่งขึ้น ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการทำบุญด้วยเงินมันไม่ได้บุญเท่ากับการที่จิตคนเราตั้งใจที่จะทำบุญจริงๆ”



ผู้ที่เคยมีทัศนคติกับพระสงฆ์และศาสนสถานในทางลบมากกว่าทางบวก

หลังจากที่ได้ประโยชน์จากการบวชเณร ทำให้คิดว่าน่าจะเปลี่ยนสภาพสิ่งแวดล้อมด้านการศึกษาของลูก จึงได้ย้ายโรงเรียนให้ลูก และนำหลักธรรมที่เรียนธรรมศึกษามาใช้ คือ อิทธิบาท 4 ฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรมเครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วย

   ฉันทะ คือ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น สำหรับลูกแล้ว ต้องจุดประกายให้เขารักในการเรียน
   วิริยะ คือ ความพากเพียรในสิ่งนั้น จากการบวชเณร ลูกมีความพากเพียรและมุ่งมั่นขึ้นมาก
   จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น เมื่อมี 2 ข้อแรก ข้อนี้จะตามมาเอง
   วิมังสา คือ ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น ธรรมข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากลูกจะรายงานให้ทราบว่าแต่ละหัวข้อที่เรียนเข้าใจหรือไม่ อย่างไร เพื่อที่จะให้ลูกได้โทรหาครูประจำชั้น เพื่อปรึกษาและถามไถ่ในสิ่งที่ไม่เข้าใจ

ฝ่ามรสุมร้าย ใช้ ‘โลกธรรม 8’ เป็นแสงสว่างนำทางชีวิต

ช่วงมรสุมชีวิตที่ผ่านมานั้น คุณนีรนุช ยอมรับว่าตอนนั้น ไม่บ้าก็ฆ่าคนได้ พร้อมกับเล่าย้อนอดีตไปให้ฟังว่า เธอโดนเพื่อนหักหลังในการทำธุรกิจ ทำให้เธอต้องเข้าไปอยู่ในคุก 7 ชั่วโมง เพื่อรอยื่นเรื่องขอประกันตัว จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณนีรนุชได้เห็นว่า ชีวิตของคนเรามีขึ้นมีลง ตามที่พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ในหลักธรรมคำสอนเมื่อ 2000 กว่าปีที่แล้ว ธรรมของพุทธองค์ไม่เคยล้าสมัย



ใบประกาศของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

“ใช้เวลาร่วม 10 ปีในการฟันฝ่ามรสุม โดยอาศัยหลักธรรมะเข้ามาประยุกต์ใช้กับชีวิต คนที่ไว้ใจที่สุด แต่วันหนึ่งเขากลับมาทำร้ายเรา ขณะนั้นโกรธ ถ้าจะเอาคืนบ้างก็ทำได้ แต่ขอเลือกที่จะไม่ทำ เลือกที่จะให้อภัย วันนี้ทุกสิ่งก็พิสูจน์แล้ว เราชนะคดีทางโลก คดีถึงที่สุดแล้ว เราชนะทางธรรม เราให้อภัยเขาได้ เราวางเขาแล้ว เราชนะใจตนเองแล้ว” คุณนีรนุช เล่าประสบการณ์ทรหด

คุณนีรนุช ได้นำหลักการจากที่เรียนธรรมศึกษามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะหลักโลกธรรม 8 เป็นธรรมที่ครอบงำสัตว์โลก โลกธรรม 8 มีทั้งหมด 4 คู่ ได้แก่
    1. ได้ลาภ เสื่อมลาภ
    2. ได้ยศ เสื่อมยศ
    3. สรรเสริญ นินทา
    4. สุข ทุกข์



เมื่อครั้งที่คุณนีรนุช บวชอุทิศบุญกุศลให้พระสังฆราช 100 วัน


ผ่านมรสุมร้ายๆ ใช้หลักธรรมดำเนินชีวิต จึงพบแต่ความเจริญ

“มันถึงกึ๋นมาก ชัดเจนมาก ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ยามมียามไม่มีเราได้อะไร ตอนเรามีเงินทุกคนมองเราเป็นคนฉลาด เก่ง แต่พอเงินหมด เรากลายเป็นคนโง่ไปเลย คนเราเมื่อตายไป สามารถเอาอะไรไปได้บ้าง? และต้องขอบคุณคนที่เคยทำร้ายเรา ที่เคยคิดไม่ดีกับเรา เพราะว่ามันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ทำให้เราเรียนรู้ชีวิตและธรรมะมากขึ้น  หญิงผู้ใช้หลักธรรมนำทาง อธิบายความในใจ” หญิงผู้ใช้หลักธรรมนำทาง อธิบายความในใจ

อย่างไรก็ตาม คุณนีรนุชได้บวชชีที่วัดบวรฯ และอยู่สำนักชีที่ จ.ราชบุรี เป็นเวลา 100 วัน เพื่อถวายกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในปีที่พระองค์ท่านพระชนม์ครบ 100 พระพรรษา และพระองค์ท่านก็ได้ละสังขารก่อนที่คุณนีรนุช จะลาสิกขาเพียง 3 วัน

ช่วงชีวิตในอดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 62 ปี ทำให้คุณนีรนุช เข้าใจคำว่า ‘เจริญ’ อย่างแท้จริง คำว่า ‘เจริญ’ นั้น ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีฐานะร่ำรวย มีความรู้สูงส่ง แต่คำว่า ‘เจริญ’ คือ คนที่มีจิตใจที่ได้พัฒนาให้ดีงามยิ่งขึ้น มองโลกเป็น รู้จักให้อภัย และอยู่ในศีลในธรรม นั่นคือ คนที่เจริญโดยแท้จริงต่างหาก.





Thank to : https://www.thairath.co.th/content/521234
31 ส.ค. 2558 05:30 น. | ไทยรัฐออนไลน์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ