ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ‘เที่ยววัด’ จังหวัดราชบุรี ต้องเสน่ห์...คงคาราม  (อ่าน 937 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



‘เที่ยววัด’ จังหวัดราชบุรี ต้องเสน่ห์...คงคาราม

    ‘เที่ยววัด’ ชมความงาม ซึมซับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ที่ วัดคงคาราม ภาษามอญเรียก ‘เกี๊ยโต้’ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย จังหวัดราชบุรี ยังมี ‘วัดโพธาราม’ อยู่ในเขตตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม



เที่ยววัด ชื่นชมความงามครั้งนี้ ที่ จังหวัดราชบุรี

ประเทศของเรานั้นมีคนหลากหลายเชื้อสายพงศ์เผ่า เข้ามาอยู่รวมกัน ลาว(ทั้งลาวทางเหนือ ลาวอีสานและลาวในประเทศลาว) แขก(ทั้งแขกที่มาจากอินเดีย และแขกที่มาจากทางมลายู) 

จาม ขแมร์ มอญ ญวน จีน พม่า อินเดีย และมีคนพื้นที่อยู่อาศัยกันอยู่แล้ว คนต่างเชื้อสายนั้นไม่รู้เข้ากันมากันตอนไหนบ้าง ตั้งแต่อดีตนับย้อนหลังกันไปเป็นร้อยๆ ปี  เข้ากันมาด้วยเหตุผลสารพัด ทั้งแสวงหาที่ทำกินที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งถูกกวาดต้อนอันเป็นผลมาจากการสงครามในอดีตเข้ามาก็มักจะถูกต้อนรับจากเจ้าผู้ครองแผ่นดิน   เพราะในสมัยอดีตมีพื้นที่ แต่พลเมืองน้อย 

อาณาจักรไหนคนมาก ก็ย่อมดูมีศักยภาพทั้งทางเศรษฐกิจและการสงคราม มื่อมีผู้คนเข้ามาพึ่งใบบุญ เจ้าผู้ครองแผ่นดินก็มักพระราชทานให้ไปตั้งถิ่นฐานกันที่นั่น ที่นี่ ประเทศไทยเราจึงมีคนหลากหลายเชื้อชาติมารวมกัน สร้างประเทศไทยขึ้นมา

และที่ต่างจากชาติอื่นๆ คือ เมื่อมาอยู่รวมกัน ถ้าในศาสนาที่ใกล้เคียงกัน ก็จะหล่อรวม กลมกลืนวัฒนธรรมจนกลายเป็นวัฒนธรรมไทย ส่วนที่ต่างศาสนา ก็ยังคงวัฒนธรรมประเพณี ปฏิบัติศาสนกิจของตัวเองอยู่ในชุมชนได้    บางครั้งก็หลอมรวมสายเลือด ปนเปกันจนยากจะสืบหาเชื้อสายได้ แต่เราทุกคนจะเรียกตัวเองใหม่ว่าเป็น ‘คนไทย’ เชื้อสายอะไรก็แจกแจงกันเอา

‘มอญ’ นั้น ป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่ เคยยิ่งใหญ่ มีอาณาจักรของตัวเอง แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างที่ทำให้คนมอญต้องอพยพเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทย ตั้งแต่ในอดีต มอญมักจะถูกให้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำ เราจึงเห็นคนมอญไปอยู่ทั้งที่ปทุมธานี ปากเกร็ด บ้านมอญกรุงเทพ พระประแดง ปากลัด ส่วนลุ่มน้ำแม่กลอง ก็แถวบ้านโป่ง   โพธาราม จังหวัดราชบุรี ในเมืองกาญจน์ ก็แถวริมแม่น้ำแคว ท่ากระดาน เมืองสิงห์ อะไรพวกนี้ อย่างที่บอกว่า มาตั้งชุมชน ตั้งบ้านเรือนกันมานานเป็นร้อยๆ  4-5 ช่วงอายุคน แม้ในปัจจุบัน ทุกคนจะเป็นคนไทยกันไปหมดแล้ว แต่การสืบสานประเพณี วัฒนธรรมของเชื้อสายตัวเองก็ยังคงอยู่ในชุมชน

วัดโพธาราม ในเขตตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาจากชุมชนมอญขนาดใหญ่ในโพธาราม ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่ราบลุ่ม ริมคลอง สาขาของแม่น้ำแม่กลอง เดิมคนมอญ ก็อพยพโยกย้ายกันมาตั้งบ้านเรือนอยู่บ้างตั้งแต่สมัยอยุธยา อย่างที่บอกแต่ต้น แต่เข้ามากันมากก็ในสมัยกรุงธนบุรี ที่มาจากการศึกสงคราม

พระเจ้าตากจึงให้ไปตั้งบ้านเรือทั้งที่สามโคกและที่อื่นๆ แต่มีกลุ่มหนึ่งถูกให้ตั้งบ้านเรือนไล่ขึ้นไปตามริมแม่น้ำแคว กาญจนบุรี 7 เมือง เรียกกันว่า มอญ 7 หัวเมือง  (1.เมืองสิงห์ 2. เมืองลุ่มสุ่ม 3.เมืองท่าตะกั่ว 4. เมืองไทรโยค  5. เมืองท่าขนุน 6. เมืองทองผาภูมิ  7. เมืองท่ากระดาน)



หมู่อาคารทรงไทยที่เป็นกุฏิสงฆ์

เพื่อเป็นกองกำลังและทำการในการศึก ครั้นช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ คู่สงครามทางตะวันตก ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตกภาระหน้าที่ของหัวเมืองมอญจึงลดบทบาทลงไป รัชกาลที่ 4 จึงให้ยุบหัวเมืองมอญทั้ง 7  เจ้าเมืองมอญทั้ง 7 นั้น จึงอพยพลงมาอยู่ที่โพธาราม 6 หัวเมือง ส่วนอีกหนึ่งไปอยู่ที่บ้านโป่ง ถ้าจะบอกว่าวัดคงคารามแทบจะเป็นจุดศูนย์รวมใจของคนมอญ ในย่านนี้ก็คงไม่ผิดนัก


พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

เมื่อชุมชนอยู่กันอย่างสงบสุข ทำมาหากิน อย่างบริบูรณ์พูนสุข  ก็จะมีเวลาทุ่มเทให้กับวัด  ห้กับความเชื่อความศรัทธา‘วัดคงคาราม’ นี้ เดิมเรียกกันว่าวัดกลาง หรือภาษามอญเรียก ‘เกี๊ยโต้’ น่าจะสร้างขึ้นมาแต่ครั้งสมัยอยุธยาตอนปลายๆ โดยชาวมอญที่อยู่มาก่อนการอพยพมารวมของมอญ 7 หัวเมือง เป็นสงฆ์แบบรามัญนิกาย (ปัจจุบันเป็นมหานิกาย) มาในสมัย รัชกาลที่ 4 ซึ่งได้รับการทะนุบำรุงอย่างดี และได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดคงคารามดั่งในปัจจุบัน



โดยส่วนตัวผมชอบวัดโพธารามแห่งนี้อย่างมาก สิ่งแรกเลยที่จะประทับใจคือ บรรดาหมู่กุฏิสงฆ์ ที่สร้างเป็นเรือนไทยหลายๆหลังรวมหมู่กัน เมื่อขึ้นไปบนกุฏิเหล่านั้นจะเห็นว่า มีทั้งศาลาที่เป็นโถงโล่งสำหรับทำกิจกรรมทางสงฆ์ต่างๆและห้องของพระเณร ที่อยู่เรียงๆกันในกุฏิทรงไทยเหล่านั้น ที่บอกว่าประทับใจเพราะทั้งรูปลักษณ์ที่เรามองเห็นจากด้านนอก


เจดีย์ทรงมอญรายรอบพระอุโบสถ   

การสร้างหมู่กุฏิเรียนไทยแบบรวมกลุ่มอย่างนี้ เป็นการสร้างกุฏิของวัดในสมัยเก่า ในวัดเก่าๆ ที่ยังไม่ได้รื้อแล้วสร้างใหม่ หลายแห่งจะเป็นแบบนี้ ที่ผมเห็นยังคงมีอยู่ในอยุธยา เพชรบุรี และก็ราชบุรีนี่แหละ ส่วนว่า สิงห์บุรี อ่างทอง เมืองในภาคกลางอื่นๆจะมีไหม อันนี้ก็ไม่ยืนยัน แต่คิดว่ามี เพราะว่าวัดที่สร้างขึ้นมาใหม่ๆ จะไม่สร้างเป็นหมู่เรือนไทยแบบนี้แล้ว เขาจะสร้างแยกกัน ถือว่าที่นี้ยังคงเก็บรักษาไว้ได้ดีมาก แทบจะเป็นดั้งเดิมทุกอย่าง


เครื่องฝัดข้าว ที่จัดแสดงด้านล่าง ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน

ใกล้กันจะเป็นศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ยกพื้นสูง บนศาลาที่เป็นโถงโล่ง มีธรรมาสน์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ที่โดดเด่นคือ บนเพดานครับ ที่ถูกวาดเป็นลายดอกไม้(เข้าใจว่าเป็นดอกพิกุล) เต็มทั้งเพดาน ส่วนแผ่นไม้บังเงา วาดเป็นพุทธประวัติ และประเพณีต่างๆ


ภายในพระอุโบสถ


ธรรมมาสน์บนศาลาการเปรียญ ที่มีภาพวาดรายรอบ

ที่นี่ยังมีกุฏิหลังใหญ่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน มีข้าวของเครื่องใช้ของผู้คนในสมัยก่อนทั้งในทางศาสนา และในชีวิตประจำวันมากมาย แม้กระทั่งชั้นล่าง ก็ยังมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ไว้ ซึ่งพอไปเห็น เราจะนึกออกเลยครับว่า เราเคยเห็นเคยมีใช้สมัยเราเด็กๆ อย่างน้อยก็ผ่านมาครึ่งร้อยปีเชียวแหละ


ภาพเหนือพระประธานในพระอุโบสถ

แต่ไฮไลท์ที่สำคัญ คือพระอุโบสถ ด้านหน้าจะมีเจดีย์ทรงมอญ และเจดีย์อื่นๆ อยู่หลายองค์ เข้าไปด้านใน จึงจะตื่นตะลึงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธประวัติ ภาพวิถีชีวิตต่างๆ ซึ่งภาพเขียนเหล่านี้ น่าจะเขียนมาแต่ครั้งต้นรัตนโกสินทร์ การใช้สีที่สดใส ดูสดชื่น มีชีวิตชีวา การแบ่งพื้นที่วาดเรื่องราวต่างๆ ดูลงตัว เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยที่สุดในสายตาผมนะ  


ภาพพุทธประวัตในพระอุโบสถ



อย่างที่บอกว่าสวยตรงการใช้สีที่หลากหลาย และสีสดใสนี่แหละ เคยไปดูภาพจิตรกรรมหลายที่ หลายจังหวัด สีที่วาดมักไปในแนวสีโทนใดโทนหนึ่ง อย่างเช่นโทนสีฟ้า ก็จะออกฟ้าแทบทั้งหมด สีเลือดนกหม่นก็จะเลือดนกหม่นเป็นส่วนมาก แต่ที่นี่เป็นภาพวาดที่ถูกใจผมมาก ผมจึงใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนข้างนาน


ภาพวาดบนเพดาน บนศาลาการเปรียญ

วัดคงคารามนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เปิดให้เข้าชม ถ้าเป็นในบริเวณวัดก็ทุกวัน แต่ถ้าเป็นในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ด้านบนอาคารทรงไทย หรือจะดูภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ก็ต้องเป็นเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น  


ภาพวาดด้านหน้าพระอุโบสถ

ส่วนการเดินทางนั้นไปง่ายมาก เข้าไปใน โพธาราม แล้วตั้งจีพีเอสนำทางหรือถามใครก็ได้ง่ายและสะดวกมาก เข้าป่า เข้าถ้ำ บ่อยๆ นานๆได้มาชื่นชมวัดสวยๆ งามๆ สักครั้ง ก็ดูอิ่มเอิบใจดี   สงสัยต้องเพิ่มการเที่ยววัดเพิ่มขึ้นละครับ....





Thank to : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1100609
ท่องเที่ยว | By คมฉาน ตะวันฉาย / คอลัมน์ประเทศไทยใจเดียว | 25 พ.ย. 2566 เวลา 11:21 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ