ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความรัก กับ ความรู้สึกผูกพัน  (อ่าน 28606 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ความรัก กับ ความรู้สึกผูกพัน
« เมื่อ: มีนาคม 16, 2011, 04:04:26 pm »
0
ความรัก กับ ความรู้สึกผูกพัน


ไม่มีเรื่องสำคัญในชีวิตเราเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ พระพุทธองค์ตรัสว่า ความรักนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุ
๒ ประการ

ประการแรกคือเพราะอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ
ประการที่สองคือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน


เหมือนดอกบัวที่เกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการคือน้ำและเปือกตม ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
ถ้าเคยเป็นคู่ผัวตัวเมียมาแต่ปางก่อน ก็อาจทำให้รักตั้งแต่แรกพบ
ส่วนจะรักแท้แน่นอน ยั่งยืนแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับวิธีอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๒๔ คำสาป)

“เอ… หนูสงสัยมานานแล้วนะ ว่าถ้าตายจากกันแล้ว มาเจอะเจอกันได้ยังไงถูก เอาแค่คนรู้จักกันในชาติ
นี้ บางทีรักสุดชีวิต พอมีเหตุให้พลัดพรากหลายๆปีแล้วคิดถึงกันขึ้นมา ต่อให้พลิกแผ่นดินหาแทบตายก็
ไม่เจอ ขนาดจงใจหายังไม่เจอ แล้วอะไรที่เหวี่ยงให้มาเจอคู่กรณีเก่าที่ลืมกันหมดสิ้นได้?”
“กรรมเป็นเรื่องซับซ้อน หนูต้องเข้าใจ ต้องหยั่งรู้ ว่าลำดับการให้ผลของกรรมเป็นอย่างไร แล้วจะรู้สึกว่า


พวกเราเหมือนมีแม่เหล็กติดตัว วิ่งไปตามเส้นทางใด ก็มีผลดึงดูดบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีบุพ
กรรมร่วมกับเรามาเจอกัน ใครมีอิทธิพลกับชีวิตเรามาก ให้ผลเปลี่ยนแปลงทางดีหรือร้ายได้รุนแรง
ก็ หมายความว่าเราหลีกเลี่ยงการพบเจอคนนั้นไม่ได้

และต้องใช้เวลาระยะหนึ่งทำความรู้จัก คบหา และรับผลจากเขาเสียก่อนจึงถึงเวลาผละจาก ต่างจากพวกที่เราจะต้องเสียเวลาในชีวิตร่วมกับเขาเพียงครึ่งนาทีเช่นคนบอกทางแยกทางเลี้ยวให้เราไปถึงที่นัดหมาย การพบหรือไม่พบคนจำพวกนี้มีผลเท่ากัน คือจะไม่ทำให้ชีวิตเราต่างไปจากเดิม”

“แล้วแม่เหล็กดึงดูดคู่กรรมที่พี่ว่านี่ฝังอยู่ตรงไหนในเราคะ จิตใต้สำนึกหรือเปล่า?”
“ถ้ายกเอาสิ่งที่เห็นง่ายในชาติปัจจุบันมาพูดก่อนคงพอเข้าใจ หนูคงเห็นว่าถ้าเราพูดกับใครบ่อยๆ ก็จะ
เหมือนมีสายใยโยงกับคนนั้น ไม่ใช่เหมือนกับเส้นเชือกผูกมัดเป็นตัวเป็นตน แต่สายใยที่รู้สึกได้ด้วยใจ
นั้นแหละ จะกระตุกให้เราคิดถึงเขาบ่อยๆ อันนี้คงนึกออกนะ”

“ค่ะ บางทีรู้สึกเหมือนใจเราเป็นสิ่งยืดตัวออกไปทางทิศใดทิศหนึ่ง ตามที่อยู่ของใครบางคนได้
ตลอดเวลา”

“นั่นแหละที่เรียกความผูกพัน สายใยเชื่อมโยงระหว่างจิตต่อจิต หลักการคือถ้าผูกเหนียวแน่นกับใคร
มากๆ จะมีลักษณะฝังลงในส่วนลึก หยั่งรากความสัมพันธ์ได้ถึงส่วนไร้สำนึก ชนิดติดจิตติด
วิญญาณข้ามภพข้ามชาติได้ เมื่อพบกันอีกก็จะมีสัญญาณในจิตกระตุ้นให้ตื่นตัวรับรู้ มีสายใย
เชื่อมติดกันทันที จึงเหมือนคุ้นเคยกันในทางใดทางหนึ่ง นี่เป็นในแง่ของความจำ”


(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓ พยากรณ์ดาวเด่น)

“เป็น ‘ทาสในเรือนเบี้ย’ หรือ ‘ท่านผู้หญิงในเรือนหอ’ เขาวัดกันตรงไหนคะ?”
“การหยิบยื่นความสุขให้กันด้วยจิตสำนึกของคนรักมั้ง ถ้าเอาแต่กอบโกยและใช้สอยด้วยอารมณ์ดิบ
นั่นคือภาษากายของเจ้านาย แต่ถ้ายอมเสียเวลาตามใจและทะนุถนอมนิ่มนวล อันนั้นคือภาษา
ใจของคนรัก”


(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๑๖ อัตวินิบาตกรรม)
 

คู่ที่ติดใจกันและกันโดยเนื้อหนัง เวลาเบื่อจะหน่ายยิ่งกว่าเห็นปลาทูเค็ม เล็บยังไม่อยากจะแตะ
เงาก็ไม่อยากจะเห็น นี่คือธรรมชาติเสื่อมโทรมทางความรู้สึกในกาม

คู่ที่ทำบุญร่วมกันทุกวัน จะสัมผัสได้ถึงกระแสชนิดหนึ่ง เยือกเย็น อ่อนโยนเป็นธรรมชาติ
กระแสชนิดนี้เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณทั้งฝ่ายชายและหญิง ให้เกิดความรู้สึกด้านดีต่อกัน แม้เบื่อ
กันทางเนื้อหนังแล้ว ก็ยังน่าจะอุ่นใจ เย็นกาย ไม่รู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเลย เหมือนแต่ละฝ่ายเป็น
ส่วนเติมความเย็นให้แก่กัน เข้าใกล้กันแล้วไม่ร้อน อยู่ร่วมกันนานแล้วไม่จืด เพราะคอยเติมความเย็นให้
ทวีขึ้นเรื่อยๆ


คู่ที่หมั่นชวนกันภาวนาร่วมกัน ตะลอนๆ หาวัดด้วยกัน จะมีสายสัมพันธ์อีกลักษณะหนึ่งให้
สัมผัสรู้สึก มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งยิ่งกว่าคู่รักประเภทที่กล่าวมาข้างต้นมาก คือนอกจาก

กระแสความเยือกเย็นที่สื่อเป็นสายสัมพันธ์เหนียวแน่นแล้ว ยังมีความอบอุ่นมั่นคงอีกชนิดหนึ่ง ให้
ความรู้สึกโปร่งเบา ปลอดภัย และมีความแน่นอนกว่ากันมาก อยู่ร่วมกันนานๆแล้วเมื่อกระแสจิตจูน
ตรงกัน ทั้งในระดับของการมีใจเปิดเป็นทาน ช่างให้ทั้งทรัพยทาน อภัยทาน วิทยทาน ธรรมทาน


ทั้งในระดับของการมีใจสะอาดเป็นศีล บริสุทธิ์สว่าง ห่างจากการคลุกกิเลสหยาบหนาทั้งในระดับของการมีใจ
ตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีความมั่นคงแน่วแน่ในภายใน เป็นที่พึ่งให้แก่กันและกัน รวมทั้งตัวเองได้ ทั้งใน
ระดับของการมีใจปล่อยวางอย่างเป็นพุทธิปัญญา ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้ในกัu3609 .และกันรุนแรง แบบ
นี้นะครับ ไปไหนก็เป็นความชุ่มฉ่ำ สุกสว่างให้กับทุกที่ ทุกคนที่ใกล้ชิด

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm#4

สรุป ทางโลกคือ รักแท้มีจริงขึ้นได้ด้วยปฐมเหตุคือใจ ใจดี ๆ แบบที่หายาก จึงได้รับความสุขอัน
เป็นไปได้ยาก การทำให้ใครสักคนดีใจจนตาเป็นประกายหรือการทำให้ใครสักคนอบอุ่นสมหวัง ต้องใช้
ความเข้มแข็งและเมตตาเหนือสามัญมนุษย์ สามารถหยิบยื่นสิ่งที่คนทั้งหลายยากจะมอบให้แก่กัน เป็นผู้
มีศักยภาพในการก่อความผูกพันอันแน่นเหนียว ซาบซึ้งรุนแรง ระดับที่สามารถประทับลงในใจอีกฝ่าย
ไปจนข้ามภพข้ามชาติ


แต่มีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่านั้น มีคุณยิ่งกว่านั้น ถ้าเราสามารถทำให้ใครสักคนตาสว่างด้วย
การเห็นธรรมะ ถ้าเราสามารถทำให้ใครสักคนอบอุ่นใจด้วยการให้ธรรมะเป็นที่พึ่ง ความรู้สึกมัน
ยิ่งกว่าทำให้คนรักปีติด้วยของกำนัลล้ำค่าใดๆ เพราะการมีตาที่สว่างและใจที่อบอุ่นด้วยธรรมะนั้น
จะติดตัวทั้งสองฝ่ายตราบจนแยกจากกันเข้าสู่นิพพาน ที่ที่ไม่มีอะไรมาทำให้เกิดความร้าวฉานแก่
สัมพันธภาพระหว่างกันได้อีก

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006918.htm#2


การดึงกันปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการสร้างแรงดึงดูดที่เหนือแรงดึงดูดด้วยกรรมร่วมชนิดอื่นใด
ทั้งสิ้นทั้งปวง เป็นตัวสร้างความนับถือกันและกันอย่างสูง เป็นตัวสร้างความสมานฉันท์กลม
เกลียวที่แนบแน่นลึกลงไปถึงส่วนลึกที่สุดของจิตใจ


แค่คู่ที่ร่วมกันทำบุญใส่บาตร ร่วมกันช่วยเหลือคนและสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นนิตย์ ก็ประจักษ์แล้วว่า
ความดีที่ทำร่วมกันเป็นสิ่งลึกลับ เป็นเชือกร้อยรัดที่เหนียวแน่น สร้างความรู้สึกระลึกถึงกันในทางดีงาม
เห็นอีกฝ่ายแล้วเกิดความอ่อนโยนในใจ แต่คู่ที่ทำบุญในระดับตั้งใจถือศีลร่วมกัน ปวารณาตัวให้อีก
ฝ่ายตักเตือนได้เมื่อเห็นตนเขว ทำท่าจะด่างพร้อย จะยิ่งเกิดความคิดถึง ความผูกพันลึกซึ้งยิ่ง
กว่าคู่ที่แค่ทำบุญใส่บาตรร่วมกันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า

ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถสอนอีกฝ่ายให้ตั้งจิตเป็นสมาธิ สร้างตัวรู้ขึ้นมาได้ หรือเป็นสมาธิด้วยกันทั้งคู่
มาก่อน เข้าที่ภาวนา นั่งสมาธิร่วมกันเสมอ จะเข้าใจความรักฉันหญิงชายอีกแบบที่ประหลาดมาก แค่
อยู่ด้วยใกล้กันเฉยๆโดยไม่ต้องทำอะไรก็เหมือนเป็นแรงเสริมให้อีกฝ่ายเป็นสุขได้อย่างน่า
แปลกใจ ยิ่งหากแต่ละฝ่ายรู้คิด รู้จักพูดจา ก็จะมีมิติของสัมพันธภาพที่หลากหลาย


เวลาหนึ่งอาจคุยกันได้มากมายสารพัดเรื่อง อีกเวลาหนึ่งอาจรู้จักการอยู่ร่วมกันเงียบๆเพื่อฟังเสียงของใจแต่ละฝ่ายเมื่อคิดอะไรก็เหมือนจะรู้กัน เมื่อขยับนิดหนึ่งก็เหมือนเดาถูกว่าจะทำอะไร

http://202.44.204.76/narupan/PantipSakajcha02.htm


ในมุมมองของผู้เห็นรูปนามเป็นทุกข์ การอยู่ตัวคนเดียว ปฏิบัติธรรมโดยลำพัง เที่ยวไปอย่างสันโดษ
เอกา นับเป็นความสุขอันประเสริฐแท้ แต่เมื่อยังข้องอยู่ ยังสงสัยอยู่ ยังอยากในรสอยู่ จะเรียนรู้ชีวิตคู่ก็
ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ตั้งใจไว้ดีๆ มองหน้าคู่รักเราแล้วอธิษฐานไว้ว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะมีทุกข์ใด
ปรากฏ ก็ขอใช้เป็นบทเรียน ผลักดันให้ปรารถนาดับทุกข์จนสนิท


เมื่ออยู่ร่วมกันจริงๆแล้วเกิดเหตุการณ์เลวร้าย หรือพลาดพลั้งตกทุกข์สาหัสประการใด จะได้มีภาคหนึ่งระลึกว่าเราเคยเตรียมใจรับเรื่องนี้มาก่อน จะใช้ทุกข์นี้เป็นบทเรียนไปนิพพาน และพยายามแก้ปัญหาด้วยน้ำใจเมตตา ปรารถนาเกื้อกูลกัน ไม่แก้ปัญหาด้วยการเพิ่มปัญหา

การได้คู่ครองที่ประเสริฐ ดึงกันไปดีนั้นยากแสนยาก แต่ถ้าหาได้ก็ควรหา อย่ายึดถือกันที่หน้าตา
เพราะหน้าที่ฉาบบังความเลวไว้นั้นนานไปเหม็นได้ แต่ใบหน้าเรียบสงบที่อาบด้วยความดีงาม
นั้นหอมหวนไม่เปลี่ยนแปลงเลย


http://202.44.204.76/narupan/PantipSakajcha02.htm


อ้างอิง หนังสือ วาทะดังตฤณ ฉบับความรักหลากสี ดังตฤณ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ