ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บุคคลควรรีบเร่งทำบุญ ควรห้ามจิตจากบาป เพราะเมื่อทำบุญช้าไป ใจจะยินดีในบาป  (อ่าน 817 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



๙. ปาปวรรค หมวดบาป

ในวรรคนี้ ทรงสอนให้รู้จักบุญและบาป รวมทั้งผลของบุญและบาปว่ามีความแตกต่างกัน ให้พยายามรีบเร่งทำบุญละเว้นบาป บุญต้องหาบ บาปต้องละ ถ้าทำบุญช้า บาปมักจะเข้ามาแทนที่ ดังที่ตรัสไว้ว่า

อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ    ปาปา จิตฺตํ นิวารเย
ทนฺธํ หิ กรโต ปุญฺญํ    ปาปสฺมึ รมตี มโน

บุคคลควรรีบเร่งทำบุญ ควรห้ามจิตจากบาป
เพราะเมื่อทำบุญช้าไป ใจจะยินดีในบาป

มีผู้แต่งเป็นกลอนไว้ดังนี้

พึงเร่งทำ กรรมดี แก่ชีวิต   พึงห้ามจิต จากชั่ว ความมัวหมอง
เพราะถ้าทำ ดีเนิ่น เพลินลำพอง   ใจย่อมปอง ในชั่ว กลั้วมลทิน


@@@@@@@

อนึ่ง ทรงสอนให้ทำบุญบ่อย ๆ เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้ แต่เป็นธรรมดาที่คนเราอาจทำผิดพลาดได้ ในทำนองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี เช่น

ครั้งหนึ่ง อนาถบิณฑิกเศรษฐีทำบุญจนกลายเป็นคนยากจน เทวดาผู้รักษาประตูขอร้องให้ท่านเลิกทำ ท่านเศรษฐีก็ไม่ยอมเลิกทำบุญ ซ้ำยังขับไล่เทวดาให้ออกจากบ้านท่าน เทวดาสำนึกผิด จึงไถ่โทษด้วยการหาขุมทรัพย์ใต้ดินที่ไร้เจ้าของมาให้ท่าน ทำให้ท่านกลับมาร่ำรวยอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์นี้ทำให้พระพุทธองค์ตรัสธรรมบทเป็นการสอนให้เห็นผลกรรมว่า

ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ
ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ    
อถ (ปาโป) ปาปานิ ปสฺสติ ฯ เป ฯ

ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล
ตราบนั้น คนชั่วจะเห็นบาปว่าดี
แต่เมื่อใด บาปให้ผล
เมื่อนั้น คนชั่วจะเห็นบาปว่าชั่วแท้

ตราบใดที่กรรมดียังไม่ให้ผล
ตราบนั้น คนดีจะเห็นกรรมดีว่าชั่ว
แต่เมื่อใด กรรมดีให้ผล
เมื่อนั้น คนดีจะเห็นกรรมดีว่าดีแท้

@@@@@@@

หลักคำสอนที่สำคัญบทหนึ่ง คือ ทรงสอนไม่ให้ดูหมิ่นบาปหรือบุญว่ามีเพียงเล็กน้อย ดังที่ตรัสไว้ว่า

มาวมญฺเญถ ปาปสฺส    น มตฺตํ อาคมิสฺสติ
อุทพินฺทุนิปาเตน    อุทกุมฺโภปิ ปูรติ ฯเปฯ
     
บุคคลอย่าสำคัญว่า บาปเล็กน้อยคงจักมาไม่ถึง
แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยน้ำที่ตกลงมาทีละหยาด ๆ ได้ ฉันใด
คนพาลเมื่อสั่งสมบาปทีละเล็กละน้อย เต็มด้วยบาปได้ ฉันนั้น

ทำบาปแล้วหนีไม่พ้น ผู้ทำบาปแล้วไม่ว่าจะหลบไปอยู่ในที่ใด ๆ ก็ไม่พ้นบาป ได้ ดังที่ตรัสไว้ว่า

น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ
น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสํ ฯ เป ฯ

คนทำบาปถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม
ถึงจะดำลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม
ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม
เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึ่งที่คนทำบาปยืนอยู่แล้ว จะพ้นจากบาปกรรมได้

มีผู้แต่งเป็นกลอนไว้ว่า

จะซ่อนกาย ในกลีบเมฆ กลางเวหา   ซ่อนกายา กลางสมุทร สุดวิสัย
จะซ่อนตัว กลางป่าเขา ลำเนาไพร   ณ ถิ่นใด พ้นบาปนี้ ไม่มีเลย


@@@@@@@

คติภพของคนทำบาปหรือทำบุญ คนเราจะเกิดในภพใดคติไหน ขึ้นอยู่กับบุญที่เราทำกรรมที่เราสร้าง พระองค์ตรัสคติภพของสัตว์ไว้อย่างชัดเจนว่า

สัตว์พวกหนึ่ง ย่อมเกิดในครรภ์
พวกที่ทำบาปกรรม ย่อมไปนรก
พวกที่ทำความดี ย่อมไปสวรรค์
ส่วนผู้ที่ไม่มีอาสวะ ย่อมนิพพาน






ขอขอบคุณ :-
ภาพจาก : https://ca.pinterest.com/
บทความ : พุทธวิธีในการสอนตามแนวธรรมบท , พระมหาสุเทพ อคฺคเมธี "เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก"  โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 2542 ,หน้า 165 - 196
website : http://oldweb.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/Article/article_11.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 20, 2024, 06:40:55 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ