ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดตำนาน "วัดเขาอ้อ" สุดยอดวิชาไสยเวทย์แห่งแดนใต้  (อ่าน 779 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



เปิดตำนาน "วัดเขาอ้อ" สุดยอดวิชาไสยเวทย์แห่งแดนใต้

เปิดประวัติ "วัดเขาอ้อ" จังหวัดพัทลุง ตำนานสุดยอดวิชาไสยเวทย์แห่งดินแดนใต้ "ขุนพันธ์" นายตำรวจเจ้าของฉายาจอมขมังเวทย์ ลูกศิษย์สำนักเขาอ้อ

เรื่องเล่าสุดหลอนของ “ปอย พรรธน์ชญมน” สาวนักเขียน ที่ออกมาเล่าเรื่อง #ทำไมดูเป็นคนดีจัง ในรายการ The Ghost Radio กำลังถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

เป็นเรื่องราวที่เธออ้างว่า ได้รู้จักกับหมอดูชื่อดัง และรับสิ่งของสายมูเตลู ก่อนที่ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว โดยเธออ้างว่าเป็นเรื่องราวของการถูกหมอดูขโมยดวง

อย่างไรก็ตามในเรื่องราวนี้ เธอได้พูดถึงการเดินทางไปที่ “วัดเขาอ้อ” เพื่อแก้ของไม่ดีออกจากตัวด้วย




“วัดเขาอ้อ” ตั้งอยู่ที่ ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สร้างเมื่อ พ.ศ. 1651 เคยเป็นสำนักพราหมณ์ผู้เรืองเวทย์มาก่อน ซึ่งเป็นสำนักทิศาปาโมกข์ ตามตำนานบอกว่า ความรู้ในสำนักตักสิลาเขาอ้อ แบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ วิชาธรรมศาสตร์อันเกี่ยวข้องด้วยการปกครอง การสร้างบ้านแปลงเมือง การทำมาหากิน และอีกสายคือวิชาเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม ไสยศาสตร์การแพทย์

“วัดเขาอ้อ” เป็นแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่สมัยโบราณ พระเกจิอาจารย์หลายรูปที่เกี่ยวข้องกับวัดเขาอ้อ เช่น พระอาจารย์ทองเฒ่าพระครูสิทธิยาภิรัต (เอียด) , พระอาจารย์นำแก้วจันทร์ , พระอาจารย์ศรีเงินวัดดอนศาลาพระครูพิพัฒน์สิริธร (อาจารย์คง) วัดบ้านสวน , พระอาจารย์ปานวัดเขาอ้อ ส่วนฆราวาสที่เป็นลูกศิษย์วัดเขาอ้อที่คนทั่วไปรู้จัก คือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช




ตำนานสำนักเขาอ้อ เล่ากันว่า แต่เดิมเป็นที่บำเพ็ญพรตของพราหมณ์หลายรุ่น เนื่องจากในอดีตเมืองที่เจริญละแวกนั้น ได้แก่ สทิงปุระ หรือ สะทิงพาราณสี ซึ่งก็คืออำเภอสทิงพระ ซึ่งตามประวัติอำเภอนี้เกี่ยวข้องกับพราหมณ์อยู่มาก

สมัยศรีวิชัยที่ศาสนาพุทธแผ่อิทธิพลทั่วแหลมมลายู บริเวณดังกล่าวในเขตเมืองพัทลุงในปัจจุบัน ยังเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพราหมณ์ หลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกว่า เป็นเมืองที่ชุมชนหนาแน่นที่สุด ในขณะนั้นมี พราหมณ์ผู้ทรงวิทยาคุณ (ฤาษี) คณะหนึ่ง บำเพ็ญพรตอยู่ที่ถ้ำบนเขาอ้อ จนเกิดอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ตามตำราอาถรรพเวท (พระเวทอันดับสี่ของคัมภีร์พราหมณ์) แล้วได้ถ่ายทอดวิชานั้นต่อๆ กันมาพร้อมกันนั้น และยังจัดตั้งสำนักถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ผู้สนใจ




ทั้งนี้มีการถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้พราหมณาจารย์สืบทอดต่อ ๆ กันมา นอกจากวิชาในเรื่องการปกครองตามตำราธรรมศาตร์แล้ว ยังมีเรื่องพิธีกรรม ฤกษ์ยามการจัดทัพตามตำราพิชัยสงคราม ตลอดจนไปถึงไสยเวท และการแพทย์ตามตำนานบอกวิชา 2 สาย สืบทอดโดยพราหมณาจารย์ผู้เฒ่า 2 คน ซึ่งสืบทอดกันคนละสาย สำนักเขาอ้อในสมัยนั้น เป็นสำนักทิศาปาโมกข์ จึงมีพราหมณ์อยู่ 2 ท่านเสมอ

สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พราหมณ์ผู้บรรลุพระเวทหลายคนได้ฝังร่างไว้ที่นั้น สถานที่นั้นจึงสำคัญ พราหมณ์ผู้เฒ่าจึงได้เล็งหาผู้ที่จะมาสืบทอดและรักษา

ประกอบกับขณะนั้นอิทธิพลทางพุทธศาสนา แผ่เข้ารายล้อมเขตเมืองพัทลุงแล้วบริเวณข้าง ๆ เขาอ้อมีวัดอยู่หลายวัด วัดที่ใกล้ที่สุดคือ วัดน้ำเลี้ยว

มหาพราหมณ์ ทั้ง 2 ท่านเล็งเห็นว่าต่อไปภายภาคหน้าพุทธศาสนาจะยั่งยืน และ แผ่อิทธิพลในดินแดนแถบนั้น การที่จะฝากอะไรไว้กับผู้ที่ยั่งยืน และ มีอิทธิพลน่าจะเป็นการดี จึงตัดสินใจไปนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่งมาจากวัดน้ำเลี้ยว ให้มาอยู่ในถ้ำแทน แล้วมอบคำภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของบูรพาจารย์พราหมณ์ให้พร้อมทั้งถ่ายทอดวิชาทางไสยเวทให้ รวมทั้งวิชาทางแพทย์แผนโบราณ





Thank to :-
ที่มาข้อมูล : องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง
websie : https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/233951
โดย PPTV Online | เผยแพร่ 3 ต.ค. 2567 ,20:40น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ