ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"  (อ่าน 5306 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



อาถรรพณ์ที่ กับ ธรณีสาร

อาถรรพ์ สะกดอย่างนี้ก็ได้ สะกดอย่าง ณ์ ก็ได้_อาถรรพณ์ แต่ออกเสียงอย่างเดียวกันว่า “อา-ถัน” ข้างพูกัน กฤติอังกูรแกเปนเด็กกล้า ได้วิชาประถม 5 มาแล้วเห็นหัวต้นฉบับนี้แกอ่านออกเสียงทันทีว่า “อา-ถับ” 555

พอทักเถียงเข้าก็ว่า พ พานมันสะกด ก็ต้องถับน่ะสิ ก็ปลงปัญญาจะถกเถียงกับเยาวชน 55 ก็ทีชุมพร ใช้ ร - อ่าน รอ ยัง พอน แล้วชุมพล ใช้ ล - อ่าน ล ทำไม เกิด พน ขึ้นมา 55

สัปดาห์ก่อนพาท่านลัดเลาะไปแถววัดลุ่ม ซึ่งคราวเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินยังเปนพระยาวชิรปราการไปยั้งทัพกู้ชาติรออยู่ตรงนั้น ก่อนจะเสด็จไปบางกะจะหัวแหวนชายแดนระยอง/จันทบุรี แล้วมีโองการให้ทุบหม้อข้าวไปเอาเมืองจันทบุรีเปนลำดับต่อไป

อีทีนี้ก็เหมาะใจว่า ในละแวกภาคตะวันออกนี้ตั้งกะชลบุรี ระยอง จันท์ ล้วนมีกลิ่นอายอาถรรพณ์ในรูปแบบต่างๆเจือปนในวิสัยทัศน์แห่งประวัติศาสตร์กันอยู่ จึงใคร่ขอพาท่าน รีซูมย้อนไปในวัน_เวลากันสักนิด


@@@@@@@

เมื่อครั้งพระเจ้าตากสาละวนกู้ชาติอยู่นั้น ที่เมืองชลบุรี ยังมีนักเลงโตอยู่คนนึง ชื่อนายทองอยู่ (นกเล็ก) ตั้งตัวเปนใหญ่รวบรวมพลไพร่กันคึกคัก ใครจะไปหาเจ้าตากที่เมืองแกลงต้องเดินทางผ่านเมืองชลบางปลาสร้อย มาเจอนายทองอยู่ (นกเล็ก)นี่เข้า แกก็จะเกลี้ยกล่อมแกมบังคับให้ผู้นั้นสมัครเข้าเป็นพรรคพวกของตัวไว้เสีย เน้นสร้างก๊กสร้างกลุ่มเอกเทศว่างั้นเถิด

เจ้าตากท่านเห็นดังนี้จึงยกทัพจากแกลงขึ้นมาเมืองชล ตั้งค่ายอยู่ที่หนองมนต่อแดนบางละมุง ส่งทีมเสือหมอบแมวเซาอาทมาต_หน่วยสืบราชการลับไปให้หาข่าวดูที ก็ได้ความว่า นายทองอยู่นกเล็กซ่อมสุมผู้คนอยู่จริงแต่ยังมีกำลังไม่มากนัก การณ์เปนดังนี้ จึงเสด็จนำทัพเข้าไปตั้งอยู่ ณ วัดใหญ่อินทาราม ในเมืองชลบุรี เพื่อกำราบฤทธีนายทองอยู่ (นกเล็ก)
 
อีทีนี้ด้วยเหตุว่าทรงเมตตาว่าเปนคนไทยด้วยกัน ไม่จำเป็นก็ไม่ให้ล้มตาย จึงโปรดให้นายบุญรอดแขนอ่อน กับนายชื่นบ้านท่าไข่ พวกสหายนายทองอยู่นกเล็ก เข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้มาอ่อนน้อมเสีย นายทองอยู่นกเล็กได้รับการประสานทางนี้ก็หวั่นเกรงพระบารมีเข้ามาอ่อนน้อมทั้งก็ได้กระทำสัตย์สาบานถวายภักดีต่อท่านด้วย

เสร็จดังนั้นพระเจ้าตากเสด็จขึ้นช้างทรง ให้นายทองอยู่นกเล็กนำเลียบเมือง ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายว่าเมืองชลบุรีนั้นเป็นของเจ้าตากเสียแล้ว จากนั้นก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายทองอยู่นกเล็ก เปนที่พระยาอนุราฐบุรีศรีมหาสมุทร เจ้าเมืองชลบุรี





ประทานโอวาทสั่งสอนว่า

     “แต่ก่อนท่านประพฤติการอาธรรมทุจริต ตั้งแต่นี้จงละเสียอย่าได้กระทำสืบต่อไป จงตั้งใจประพฤติกุศลสุจริตธรรม ให้สมควรแก่ฐานาศักดิ์แห่งท่าน พึงอุตสาหะทำนุบำรุงสมณพราหมณ์ประชาราษฎร์โดยยุติธรรม”

แล้วประทานเงินตราสองชั่ง ไว้ให้สงเคราะห์สมณพราหมณ์ และผู้ยากไร้ขัดสนด้วยข้าวปลา จึงเสด็จเจ้าตากก็เลิกทัพกลับไปเมืองระยอง

ครั้นถึงตุลาคม พ.ศ. ๒๓๑๐  ท่านได้ทราบการข่าวอีกว่าอีพระยานกเล็กนี้ประพฤติเปนโจรอีกแล้วล่ะตามสันดานเก่า เที่ยวให้สมัครพรรคพวกออกเที่ยวปล้นเรือสินค้า แย่งเอาสมบัติของชาวบ้านเปนที่เดือดร้อน เปนพระยาอนุราฐอยู่ดีๆไม่ชอบใจ

เจ้าตากเสด็จไปปราบหลังทรงชำระความได้เปนสัตย์จึงสั่งประหารนายทองอยู่นกเล็กเสีย แต่ผู้ร้ายของเรา แกสะดือเปนทองแดง!คงกระพันในตัวแทงฟันมิยอมเข้า จึงโปรดเกล้าให้พันธนาการแล้วเอา ลงถ่วงน้ำเสียในทะเลก็ถึงแก่ความตาย พรรคพวกนอกนั้นเช่นหลวงพล และขุนอินเชียง ก็โดนราชทัณฑ์ตายตกไปตามกัน

จากนั้นสมเด็จเจ้าตากโปรดให้สร้างพระพุทธรูปทำกุศลให้พวกเขาเหล่านี้ นัยยะว่าอุทิศกุศลเจ้ากรรมนายเวร ตั้งไว้ริมทะเล ส่วนศพทั้งหลายเอาไปฝังไว้ใกล้ๆตะแลงแกง ตรงดงต้นตาล


@@@@@@@

ต่อมาน้ำทะเลนั้นเกิดกัดเซาะจุดตั้งพระพุทธรูปที่ทรงพระกรุณาสร้างอุทิศ เปนเวลาพอเหมาะพอดีกับเกิดเหตุเภทภัยนานาในเมืองชล

ท่านเจ้าเมืองชลยุครัตนโกสินทร์ขออาราธนานิมนต์พระเถระสำคัญสมาบัติ เมตตาตรวจส่องดู ท่านเจริญสมาบัติย้อนกรอภาพไปในกาลเวลาจึงพบสาเหตุ พิจารณาถ้วนแล้วจึงให้แก้อาถรรพณ์ ด้วยการสร้างโบสถ์ทับจุดฝังศพพระยานกเล็กและพวกเสีย

จากนั้นอาราธนาพระพุทธรูปที่ทรงสั่งสร้างให้มาประดิษฐานทับไว้ในโบสถ์นี้ให้มีความร่มเย็น สงบงาม จำเนียรกาลผ่านมา เรื่องคลี่คลายก็คล้ายจะเขม็งเกลียวขึ้นมาอีก

เมื่อวัดโบสถ์สวนตาลนี่เวลาผ่านมากลับกลายเปนวัดร้าง! และศาลเเขวงชลบุรีมาสร้างเบียดอยู่ข้างๆ ประดาผู้พิพากษาก็มีเรื่องร้อนเรื่องแปลกในหลังคาโรงศาล

ยามนั้นมีผู้สมองไวให้ไปหา ท่านพระครูชลโธปมคุณ เจ้าคณะธรรมยุต สถิตอยู่วัดบางทราย ท่านผู้นี้ร่างโปร่งโงนเงน กำเนิดในสกุลผู้ดีทางเมืองบางปลาสร้อย ท่านเปนศิษย์สายตรงในสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจริญ ร่วมกับท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต เปนพระธรรมยุตสมถะ ทรงตบะเดชะกล้า

ท่านได้เพ่งมองเข้าไปในโบสถ์ปิดร้างนั้น และสั่งให้รื้อทำความสะอาด ต่อคอ ซ่อมแซมพระพุทธรูปเก่าแก่ที่แตกหัก ปิดทองใหม่ทั้ง 18 องค์ เปิดให้ผู้คนได้ทำกุศลตามปกติ คดีอาถรรพณ์พระยาทองอยู่นกเล็กที่มีมาก็ค่อยๆ คลี่คลาย





ดังนี้ก็เปนตัวอย่างว่า งานก่อสร้างงานประดาที่ดินที่ทางต่างๆนั้น เปนของเก่าแก่ดึกดำบรรพ์เกิดมาพร้อมกับโลก กว่าจะเข้ามือเราก่นสร้างพัฒนาต่างๆ มีเหตุประหลาดติดขัดเปนอาถรรพณ์ก็อย่าวางใจ ควรริเริ่มหาวิธีแก้ไขในทางลึกทางลับ

จากประสบการณ์ผ่านมาในกรณีอาโถกอาถรรพณ์นี้ก็มาก ซึ่งจริงแล้วเรื่อง อะไรเปนอุบาทว์อัปมงคลก็ไม่อยากจะพูดหรือจารึกไว้หรอก_เรื่องมันไม่ใช่เรื่องดี แต่เพื่อเปนวิทยาการเครื่องประดับรับความรู้แก่ผู้อาจบังเอิญจะติดข้อง ก็ต้องเห็นว่าดีงาม ในอันที่จะให้วิทยะฐานแจกจ่าย

นานมาแล้วมีผู้สามารถบอกกล่าวไว้ว่าที่บ้านในกรุงมีเหตุอาเพศอาถรรพณ์ รอดูอยู่ก็เพิ่งจะได้พบมาในช่วงสิบปีนี้ ค่อยๆสำแดงฤทธีของมันออกมา แต่ทว่าไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันที่ว่านี่คืออะไร ได้แต่จับตาดูอาการของมันเท่านั้น

ที่ดินผืนนี้ตกทอดมาชั่วคนที่ 7 เข้าแล้วบรรพชนทั้งหลายเปนใครคนชั้นปัจจุบันก็ไม่รู้จัก ได้ทราบแต่ชื่อของพวกท่านซึ่งเรียงรายเปนลำดับทอดชื่อลงมาในโฉนด ไม่เคยเห็นหน้า รู้แต่ว่าญาติเยอะและอยากได้
 

@@@@@@@

เช้าวันหนึ่งก็ตั้งใจขุดหลุมเพื่อจะฝังไม้มงคล 9 อย่าง ตามท่านเจ้าคุณพระมงคลกิจโกศล (ชวโร) ท่านสอนวิชาให้คนสื่อมา คนนี้แกว่าต้องทำๆ

ไม้มงคลเก้าประการนั้นคนมีวิชาไทยๆนับหน้าถือตาว่า มีมงคล ประกอบไปด้วย กันเกรา/สักทอง/ทรงบาดาล/ชัยพฤกษ์/ราชพฤกษ์/ไผ่สีสุก/ขนุน/พยุง/ทองหลาง ขัดล้างแลแก้ไขประดาอาถรรพณ์ได้

ก่อนจะฝังลงไปนั้นต้องขุดหลุมให้ได้สักศอกหนึ่งก่อน ก็ไม่รู้อะไรดลใจไปเลือกขุดหลุมที่จุดๆหนึ่ง เตรียมจะทำพิธีตอกไม้ ยามเมื่อขุดลงไปศอกก็ได้เจอมันวัตถุอาถรรพณ์ คือหวีหัก ที่มั่นใจว่าไอ้หอกหักจัญไรคนหนึ่งมันทะลึ่งมาฝังไว้นานแล_จะเอาที่55

พวกเมืองชลสอนไว้นานมาในวิชชาเจ้าพ่อนักเลง ท่านว่าน้องเอ๋ย ใครเคยสบตาแล้วต่อมามันไม่สบ ไอ้นั้นคิดทำ เราแล้วยิงทิ้งได้ มาเจอกับตัวจริงจังก็งานนี้ คิดถึงว่ากติกาเก่าแก่ไทยคดีเราโบราณมา ถึงเวลาเจอวัตถุความอาถรรพณ์อันเช่นนี้ ก็ต้องใช้วิธีทำน้ำมนต์ธรณีสารแก้ไข





แต่ว่าธรณีสาร คืออะไร.?

นัยยะหนึ่งเปนคำสรุปเรียกรวมปรากฏการณ์ที่ไม่เปนมงคล อย่างที่เมืองเหนือเราว่ามัน “ขึด” เช่นว่า แมงมุมตีอก หนูกกในเรือน เสาเรือนตกมัน ไม้หักทับที่ เหี้ยแล่นขึ้นบนเรือน ไก่เถื่อนเข้าบ้าน งูเหลือมขึ้นร้าน แร้งจับหลังคา ข้าวสารแช่น้ำงอกขึ้นเป็นใบ เห็ดงอกในเตาไฟ สัตว์ขึ้นไข่บนฟูกหมอน วัวควายเขาหัก

ฝันร้ายมิดี เงาหัวพิกล หญิงชายข้าคน นอนกรนนอนคราง นอนหลับตาค้าง น้ำลายไหลนอง หม้อร้องเป็นเสียงฆ้อง เรือร้องเป็นเสียงช้าง กล้วยออกปลีข้างข้าง กลายเป็นดอกบัว ผีให้ผีหัว ทำให้คนกลัว ตัวสั่นทาว ๆ สัมฤทธิ์ทองขาว แตกร้าวกระจาย หัวแหวนสลายเขี้ยวงาพิการ ขึ้นร้านถล่ม 

หมาขึ้นหลังคา นมเค้านกแสก บินแถกเอาขวัญ ตกบ่อตกเสา ปลูกเรือนหว่างกลาง พี่น้องต่างกันรุกที่รุกแดน แม่ไก่ขันกลับมาฟักไข่ จิ้งจอกหมาไน วิ่งไล่เห่าขบ แร้งคาบเอาศพ มดปลวกขึ้นฝา งูทับสมิงคลาเลี้อยมาเข้าบ้าน ฟักทองขึ้นร้าน กลายเป็นนาคี กล้วยตายคาปลี หมาเยี่ยวรดตีน ขุดตอใต้ดิน หินหักสองท่อง ที่ลุ่มที่ดอน น้ำลดตลิ่งพัง 

วัวไถนามากลางตลาด บาตรแตกสาแหรกขาด ตะลุ่มทาชาด กินซ้อนเปลือกหอย ขุดค่อมตอไม้ ทิ้งไฟทิ้งเรือน ก้างปลาจิ้มพัน หายใจรดกัน ปลูกเรือนร่วมวัด ไม้กวาดปัดหลังคา เสาเรือนฟ้าฝ่า หลังคาไฟไหม้ปักไม้เจาะเสา แมลงสาบเลียหัว ผ้านุ่งกับตัว เรือนเซทับคน วัวชนควายเฉี่ยว ฯลฯ

ธรณีสารนัยยะนี้ เหมือนสัญญาณเตือนว่าจะมีเหตุร้ายแรงต่อไปอีก ต้องหาทางระงับยับยั้งเสีย


@@@@@@@

วิธีแก้อาถรรณพ์ด้วยน้ำมนต์ธรณีสาร

ตามธรรมเนียมคนเรามีครูจะทำสิ่งใดก็ต้องตั้งจิตให้ใจคอมั่นคงเสียก่อน แล้วจึงกาดระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยคุณบิดามารดา คุณครูอาจารย์ และบรรพชน สวดรำลึกด้วยคาถา พุทธะคุโณอนันโตฯ เปนการสำรวมใจ ทำจิตให้นอบน้อมด้วยบทสัมพุทเธก่อนก็ได้-นะมะการานุภาเวนะฯ

ตั้งขันน้ำมนต์ ตัวน้ำให้เจ้าของที่ตักมาให้ ติดเทียนขี้ผึ้งเสียให้ดี กล่าวชุมนุมเทวดา แล้วจึงอาราธนาสวดพระปริตร ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมแล้ว มนต์ด้วยคาถาสำหรับธรณีสารใหญ่ปิดด้วยธรณีสารเล็ก

อนึ่งว่า สำหรับปุถุชนคนธรรมดาเดินญาณสมาบัติมิได้ ก็เเก้ทางด้วยการปฏิบัติตนให้สะอาด สมาทานรักษาศีล นุ่งห่มสำรวม สวดมนต์ภาวนา ก็พอใช้ได้ตามกำลังบริสุทธิ์ ได้น้ำที่มนต์ด้วยคาถาสำหรับธรณีสารแล้วก็ราดรดลงไปในที่อุบาทว์นั้น

ส่วนหวีเสนียดท่านว่า ราดน้ำมนต์แล้วให้ห่อจับด้วยใบไม้มงคล เช่น สักหรือโพธิ์ เอาออกนอกรั้วบ้าน ว่าคาถาถอนไปด้วยว่า "นะเคลื่อน โมคลอน พุทถอน ธาเลื่อน ยะเคลื่อน หลุดลอย ปล่อยไปด้วยนะโมพุทธายะ"

แล้วเอาเบนซินราด เผาไฟเสีย ข้างอีหวีโดนไฟแล้วมันไม่หายสูญ แค่ละลายงอเหลว ถือว่ามันแปลงรูปแล้วด้วยพระอัคคีมีความเสื่อมลงไป ใช้ใบสัก/ใบโพธิ์ห่อ จากนั้นเอามาทิ้งน้ำยังปากน้ำพระสมุทรคงคา ขอขมาพระแม่คงคาแล้วเขวี้ยงลง ทำใจเปนกลางแล้วว่า “มาทางไหน ให้ไปทางนั้น!”

กติกาท่านว่า มันจะสะท้อนกลับหาคนทำไปเอง แต่ถ้าใจแค้นเคืองพยาบาทกลับมันจะไม่ได้ผล ได้แค่ทำเราไม่ได้ อีกเฉยๆ ไม่ไปเข้าหาคนทำ

@@@@@@@

อนึ่งว่า ถ้าว่าคาถาไม่เปน เจออย่างงี้แล้ว จวนตัว ให้ฉี่รดเสีย ถ้าได้เยี่ยวสตรีคร่อมฉี่รดลงไปยิ่งดี มิเช่นนั้นบุรุษควักองค์กำเนิดออกมาทั้งยวงแล้วเยี่ยวใส่ใช้ได้เหมือนกัน

กลับมาที่เมื่อถอนอาถรรพณ์ไปแล้ว เหลือวาระที่ต้องฝังไม้มงคลต่อ ก็ควรตั้งพิธีตอกไม้ ให้เชิญครูอาจารย์มาตั้งหม้อน้ำมนต์เข้ากล่าวคาถามงคลปริตรต่างๆ

ตอกไม้ในหลุมตามทิศ
     - รอบที่ 1 ปิดด้วยน้ำมนต์และทราย ใส่กิ่งทับทิม 9 ยอด ทุกครั้งที่ไม้ทิ่มดินให้กลั้นใจแล้ว ตอกสีสุกลงก่อน ตามด้วยทรงบาดาล ไล่ไปจนจบที่ราชพฤกษ์ และขนุน
     - รอบที่สองใช้วิธีวางไม้แทน ให้เกิดเปนรัศมี ในแนวนอน
     - คำรบที่สามสวดยันทุน และพาหุงจึงปิดด้วยแผ่นศิลา ประพรมน้ำมนต์อีก และว่าเทวตาอุยคาถาส่งเทวดา

เสร็จเรื่องแล้วให้ทำสังฆทาน 4 รูป ส่งกุศลไปให้ ท่านครูต่างๆที่ลงมาช่วยเจ้าของมนต์ต่างๆที่นำมาใช้ ท่านเจ้าที่เจ้าทางที่ถูกกระทำ และกองกุศลเหลือไว้ให้เราเอง






Thank to :-
website : https://www.thansettakij.com/blogs/columnist/cat-out-of-the-box/593440
บทความ : อาถรรพณ์ที่ กับ ธรณีสาร | คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ
13 เม.ย. 2567 | 09:52 น. | อัปเดตล่าสุด :13 เม.ย. 2567 | 11:52 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2024, 09:18:27 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2024, 06:53:39 am »
0
.



วิธีการทำน้ำมนต์ธรณีสาร แก้เคราะห์ ถอนคุณไสย ล้างอัปมงคล 
โพสต์ของ โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ

การทำน้ำมนต์เพื่อใช้ลอยดอกไม้มงคล ในวันล้างซวย ล้างเคราะห์ เชิญครับ วิธีแก้อัปมงคล และแก้ภัยจากดาวเสาร์ ดาวราหู ด้วยพระมนต์ธรณีสาร

ผมได้รับเมตตาจากพระครูภาวนาโสภณ แห่งวัดป่าธรรมโสภณ จ.ลพบุรี มอบพระคาถานี้ ซึ่งเป็นพระคาถาที่ครูบาอาจารย์ ส่วนใหญ่จะหวงแหน ไม่มอบให้ผู้ใดง่าย ๆ แต่ท่านได้เห็นถึง ความทุกข์ ความกังวล แห่งสาธุชน ท่านจึงยินดี

กรณีท่านที่รู้สึกว่า ดวงตก มีทุกข์มีภัย มีอาการป่วยเจ็บรักษาไม่หาย รู้สึกว่าถูกของ โดนของ ที่มีคนกระทำ เป็นคุณไสย มนต์ดำ รวมถึงท่านที่ไปกินของเซ่นไหว้ พระเสาร์ พระราหู ที่ไม่ได้ผ่านการพลี โดยผู้รู้มาก่อน ควรทำน้ำมนต์ธรณีสารด้วยตนเอง (กรณีไม่สามารถจะไปขอจากพระคุณเจ้าจากวัดใดวัดหนึ่ง)

วิธีการทำน้ำมนต์ธรณีสาร ด้วยตนเอง

    1. ให้หาเทียนขี้ผึ้งทำน้ำมนต์ (หาได้ตามร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์) หรือจะเป็นเทียนธรรมดาที่ใช้จุดไหว้พระ ก็ใช้แทนกันพอได้

    2. เตรียมภาชนะใส่น้ำ เช่น ขัน หรือแก้ว โดยบรรจุน้ำบริสุทธิ์

    3. เตรียมของเสร็จแล้ว ให้คุณตั้งจิตให้สงบ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ผู้มีพระคุณ เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ น้อมอธิษฐานบุญที่เคยสร้างมา จงมาเป็นกำลัง

    4. เมื่อตั้งจิตให้สงบแล้ว ให้คุณลืมตาจุดเทียน พร้อมทั้งตั้งนะโม 3 จบ และสวดพระคาถามนต์ธรณีสาร ทำน้ำมนต์ โดยสวดพระคาถา 3 ครั้ง ไปพร้อมกับการหยดน้ำตาเทียนลงไปในขันหรือแก้วน้ำนั้น

    5. เมื่อคุณสวดพระคาถาครบ 3 จบ ให้ดับเทียน โดยการจุ่มเทียน ลงไปในขันน้ำ แล้วเอาน้ำนั้น มาดื่มกิน ผสมน้ำอาบตัว ประพรมทั่วบ้าน กิจการร้านค้า จะช่วยปัดเป่าสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไร คุณไสย และอวิชชา และภัยต่าง ๆ ทั้งปวงให้หมดไป

    รีบทำเลยนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดี





พระคาถาสวดทำน้ำมนต์ธรณีสาร

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    นะโมเม สัพพะพุทธานัง สัพพะเคราะห์เทวตา สุริยาจันทัง ปะมุจจะติ พุทโธจะเทวานัง พุทโธลาภัง ทาอิสสติ โสโรราหุ เกตุจะมหาลาโภ สัพพะทุกขา วินาศสันติ นะโมพุทธะธายะ

    นะโมเม สัพพะพุทธานัง สัพพะเคราะห์เทวตา สุริยาจันทัง ปะมุจจะติ พุทโธจะเทวานัง พุทโธลาภัง ทาอิจสติ โสโรราหุ เกตุจะมหาลาโภ สัพพะภัยยา วินาศสันติ นะโมพุทธะธายะ

    นะโมเม สัพพะพุทธานัง สัพพะเคราะห์เทวตา สุริยาจันทัง ปะมุจจะติ พุทโธจะเทวานัง พุทโธลาภัง ทาอิจสติ โสโรราหุ เกตุจะมหาลาโภ สัพพะโรคา วินาศสันติ นะโมพุทธะธายะ



ขอบคุณ : https://www.facebook.com/lucklive/posts/วิธีการทำนำ้มนต์ธรณีสาร-แก้เคราะห์-ถอนคุณไสย-ล้างอัปมงคล-การทำนำ้มนต์เพื่อใช้ลอย/847539271956076/?locale=th_TH
Facebook โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ | 15 มกราคม 2015
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2024, 09:18:53 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2024, 07:30:07 am »
0
.



โองการธรณีสารใหญ่ และโองการธรณีสารน้อย (น้ำมนต์ธรณีสาร) โองการว่าด้วยการกำจัดอุบาทว์
โพสต์จาก เฟซบุ้ค โนรา | 25 สิงหาคม 2016



 :25: :25: :25:

การทำน้ำมนต์ธรณีสาร แบบพุทธอาคม

     ๑. ขึ้นด้วยชุมนุมเทวดา ตามด้วยบทนมัสการพระรัตนตรัย ตามด้วยโองการธรณีสารน้อย ได้เป็นน้ำมนต์พระธรณีสารน้อย

     ๒. ขึ้นด้วยชุมนุมเทวดา ตามด้วยบทนมัสการพระรัตนตรัย ตามด้วยโองการธรณีสารน้อย ตามด้วยโองการธรณีสารใหญ่ ได้เป็นน้ำมนต์พระธรณ์สารใหญ่

สรรพคุณ : ให้แก้คุณไสย์คุณคน ยาแฝดยาสั่ง

@@@@@@@

บทชุมนุมเทวดา

៙ สัคคเคกาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
  ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิเขตเต
  ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะขันธัพพะนาคา
  ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระ วะจะนัง สาทะโวเม สุณันตุ
  ธัมมัสะสวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
  ธัมมัสะสวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
  ธัมมัสะสวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ฯ

៙ สาธุ สัคเค อยู่ในช่องฉกามาพจรสวรรค์
  กาเม อยู่ในรูปภพอันจังหวัดวงศ์
  คิริสิ ขะระตะเฏ อยู่ในห้วงมหรรณพสิงขรเขตต์และขุนเขา
  จันตะลิกเข เทพยดาเจ้าอยู่เนืองแน่นในอากาศ
  วิมาเน อยู่ในวิมานมาศรัตนมณเฑียรทอง
  ทีเปรัฏเฐ เทพยดาเจ้าที่อาศัยอยู่ในราชรถแก้วและเรือนหลวง
  จะ คาเม เทพยดาเจ้าทั้งปวงที่อยู่ในบ้านน้อยและเรือนใหญ่
  ตะรุวะนะคะหะเน เทพยดาเจ้าที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้พฤกษาสานต์
  เคหะวัตถุ มหิ เขตเต เทพยดาเจ้าที่อาศัยตามบ้านเรือนไร่และโรงนา
  ภุมมา เทพยดาเจ้าที่อาศัยอยู่บนพื้นภูมิภาค
  จายันตุ เทวา เทพยดาเจ้าทั้งหลายเอ๋ย
  วันนี้ข้าพเจ้าจะขออัญเชิญท่าน
  ให้เสด็จลงมาสโมสรประชุมชวย

  ชะละถะละวิสะเม เทพยดาเจ้าที่อยู่ในห้องเหวผา
  ฝั่งน้ำและบนบกก็มิได้เสมอกัน ยักขะคันธัพพนาคา
  ใช่แต่เท่านั้น อีกคนธรรพ์และนาคราช ยักษาผู้เป็นใหญ่
  ติฏฐันตา สันติเกยัง เทพยดาเจ้าที่มีความสุขทุกตำบล
  มุนิวะระ วะจะนัง อีกทั้งฤาษีมุรีนาถทุกแห่งหน
  ท่านที่ศักดิ์ฤทธิรนด้วยตบะเดชา
  สาธะโว ดูก่อนเทพยดาเจ้าทั้งปวง
  เม จงเกษมศานต์ตามลำดับ
  สุณันตุ จงเงี่ยโสตสดับอรรถอันล้ำเลิศ
  ธัมมัสสะวะนะกาโล ซึ่งธรรมะของพระพุทธเจ้า
  นี่แหละประเสริฐในโลกี
  อะยัมภะทันตา วันนี้ข้าพเจ้าจะขออัญเชิญท่าน
  ให้ลงมาช่วย อำนวยพระพรชัย
  ให้แก่บรรดาข้าพเจ้าทั้งหลาย
  ทั้งหญิงทั้งชายที่ได้ประณมมือนั่งอยู่ในพิธี

  พระองค์จงมาประจำราศี ให้มีแต่ความเจริญยิ่งวัฒนา
  ด้วยใจเป็นศรัทธา สร้างบารมีปอย่าได้ฝืดเคืองข้องขัด
  ทรัพย์สมบัติจงมากมี อันตรายอย่าย่ำยี
  โรคภัยไม่มีมาบีทา จงสมความมุ่งมาตรปรารถนา
  ให้สูงยิ่งด้วยปัญญา ทำสิ่งใดนั้นหนาจงได้ผล
  ครั้นปฏิบัติท่องบ่นในตำรา เวทย์มนต์คาถาให้ศักดิ์สิทธิ์
  ประกอบด้วยบุญฤทธิ์ ทุกประการ เทอญ ฯ

@@@@@@@

บทนมัสการพระรัตนตรัย

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ





โองการธรณีสารน้อย

៙ องการพินทุนาถัง อุปปันนานัง
  พรหมาสะหะปะตินามัง อาทิกัปเป
  สุอากัปโต ปัญจะปะทุมมัง
  ทิสสะวา นะโมพุทธายะ วันทะนัง

៙ สิโร เม พุทธะเทวัญจะ นะลาเต
  พรหมะเทวะตา หะทะเว หัตเถ
  ปะทะเม สุรา ปาเท วิสสะณุกัญเจวะ
  สัพพะกัมมา ประสิทธิ เม
  สัพพะพุทธานุภาเวนะ
  สัพพะธัมมานุภาเวนะ
  สัพพะสังฆานุภาเวนะ
  สัพพะโสตถี ภะวันตุ เม
  สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ
  ตะถาคะโต สิทธิลาโภ นิรันตะรัง
  สิทธิ์เตโช ชะโยนิจจัง สัมพะธัมมา
  ประสิทธิ เม สัพพะสิทธิ ประสิทธิ เม

@@@@@@@

โองการธรณีสารใหญ่

៙ นะโม นะมัสการ เม แห่งข้าจะไหว้
  ซึ่งพระปรเมศวรผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมา
  ตั้งฟ้าแลดิน ตั้งสมุทรสายสิญธุ์อันอุดม
  ข้าจะไหว้พระอินทร์ พระพรหม พระยม
  พระกาฬ พระจัตุโลกบาลทั้ง ๔ พระฤาษีนารอท
  ยอดปิฎกกัณฑ์ไตร พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์
  พระโตรสรณคมน์ ทั้งพระพ่อหมอเอก
  ทั้งพระพุทธคิเนศณ์ พุทธคินาย พระนารายณ์
  พระกัจจายเถร พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร
  พระพุทธ พระธรรม พระควัมบดี พระมหาโพธิ
  พระมหาสารีริกธาตุ แก่นจันทน์ พระศรีรัตนตรัยเจ้านั้น

៙ ท่านจึงใช้ให้กูมาตั้งโองการ เบิกบ้านแลเบิกป่า
  เบิกพระหิมพานต์เบิกพระพุย เบิกพระพาย
  เบิกพระพิรุณ พระเพลิง พระกาฬเถลิง

៙ ท่านจึงให้กูมาตั้งพิธีสารพัดกันเสนียดจัญไร
  กันที่ชั่วทั้งหลาย อย่าระคายมาพ้องพาน
  ทั้งพระธรณีสารอย่าได้มาต้อง

៙ เธอจึงให้กูมา ตีเชือกบ่วงบาศก์คล้องรัดคน
  โดยมณฑล ที่ท่านว่าไว้ เธอจึงให้กูมาผลาญ
  ต้นไม้อันมีผี อันครกสีแลกระเดื่อง กูจะตั้งพิธีสารพัด
  ทำโขนทวารบานประตู ขุดคูแลขุดบ่อ

៙ ปิดท่อแลปิดทาง ปิดบึง ปิดบาง ปิดทวารแลถมสระ
  ปั้นรูปพระแลรูปเทวดา ปั้นรูปภาพนานา
  พากย์เจรจาแลจอหนัง ขนันผีมิดี กาสังผีตายโหง
  ต่อโลง แลโกศฝา ทำศาลาแล หน้ามุข สีสุกไม้ไผ่
  กลับกลายทางทิศตะวันตก แมลงมุมตีอก หนูกกในเรือน
  เรียกเพื่อนตามกัน เสาเรือนตกมัน ไม้รังนางเรียง
  ที่ลาด ที่แก่ง ที่เกาะ ที่เฉลียง ที่วนที่วัง ที่พังน้ำขัง
  ผึ้งต่อจับรวงรัง ไม้หักทับที่ ปลวกขึ้นในแดน
  ตะกวดเหี้ยแล่นขึ้นบนเรือน ไก่เถื่อนเข้าบ้าน
  งูเหลือมขึ้นร้าน แร้งจับหลังคา ข้าวสารแช่น้ำ
  งอกขึ้นเป็นใบ เห็ดงอกเตาไฟ สิงห์สัตว์ขึ้นไข่
  บนฟูกบนหมอน วัวควายเขาหัก เขาจักเขาคอน
  เขาช้อนสลักคอก ข้างนอกฟันหักประตูผี ฝันร้ายมิดี
  เงาหัวพิกล หญิงชายข้าคน นอนกรนนอนคราง
  นอนหลับตาค้าง น้ำลายไหลนอง หม้อร้อง
  เป็นเสียงฆ้อง เรือร้องเป็นเสียงช้าง
  กล้วยออกปลีข้างข้าง กลายเป็นดอกบัว

៙ ผีให้ผีหัว ทำให้คนกลัว ตัวสั่นทาว ๆ
  สัมฤทธิ์ทองขาว แตกร้าวกระจาย หัวแหวนสลาย
  เขี้ยวงาพิการ ปิดพระสมุทร อุดพระทวาร ขึ้นร้านถล่ม
  ขึ้นช้างกันร่ม หวีผมกลางคืน นอนละเมอ นอนเน้อ
  เหมือนคนบ้า น้ำซับชายผ้า หมาขึ้นหลังคา
  หมาขึ้นกระออมข้าว นมเค้านกแสก บินแถกเอาขวัญ
  ดันเข้าที่นอน หมอแม่ลูกอ่อน คาบลูกขึ้นเรือน
  หมาเยี่ยมหน้าต่าง คนซบเซาหาวหอน ต้องอธิกรณ์
  ขื่อคาโซ่ตรวน ชายไม่มีเมีย หญิงไม่มีผัว ไม่มีเงาหัว
  ตกบ่อตกเสา ปลูกเรือนหว่างกลาง พี่น้องต่างกัน
  รุกที่รุกแดน แว่นแคว้น ขอบขัณฑ์ แม่ไก่ขัน
  กลับมาฟักไข่ ผีหลอกผีหลอน ตีเกราะเคาะไม้
  จิ้งจอกหมาไน วิ่งไล่เห่าขบ แร้งคาบเอาศพ
  ตกลงหลังคา มดปลวกขึ้นฝา งูทับสมิงคลา
  เลี้อยมาเข้าบ้าน ฟักทองขึ้นร้าน กลายเป็นนาคี
  กล้วยตายคาปลี กลายเป็นผีพราย แกะรูปภาพทั้งหลาย เบิกพระเนตร
  ร่วมอาสน์พระสงฆ์ เสาเรือนไม้แก่น เอาไม้มาประสมโขลง
  ตั้งเสากระโดง ติดกระโหมดยา ติดโขนเรือพายม้า
  หมาเยี่ยวรดตีน ขุดตอใต้ดิน หินหักสองท่อง
  ที่ลุ่มที่ดอน สาครลดตลิ่งพัง เรือนเดิมแรกตั้ง
  ฝั่งน้ำหัก เสาเรือนยอดสลัก หักได้กระได เอาต้นต่อต้น
  เอาปลายต่อปลาย เสาเรือนไสกบ ปิดน้ำทำทบ
  ผูงคนทั้งหลาย ผสมโคผสมควาย ผสมม้าผสมช้าง
  เลือกรางทำสวน ต่อกงกำเกวียน ขุดสระขุดคลอง
  ซ่องที่สูงที่ต่ำ ทำไร่ถั่ว วัวไถนามากลางตลาด
  บาตรแตกสาแหรกขาด ตะลุ่มทาชาด กินซ้อนหอยมุกข์
  ร่วมอาสน์ท้าวพระยา ตัดไม้ฝามาผสมหินบด
  ขุดค่อมตอไม้ ทิ้งไฟทิ้งเรือน ถอดงาช้างเถื่อน
  เลื่อนผีตายโหง ไม้สักต่อโลง โยงเข้าป่าช้า
  ชายกระเบนเช็ดหน้า ก้างปลาจิ้มพัน หายใจรดกัน
  กระไดสี่ขั้น ทำช่องห้องขัด ปลูกเรือนร่วมวัด
  ไม้กวาดปัดหลังคา เสาเรือนฟ้าฝ่า หลังคาไฟไหม้
  ปักไม้เจาะเสา หนูกัดตีนจำเพาะ แมลงสาบเลียหัว
  ผ้านุ่งกับตัว ไฟไหม้ใต้ลน เรือนเซทับคน
  วัวชนควายเฉี่ยว เรียนปถมังอาถรรพ์ณ์
  ปลูกกุฏิวิหารการเปรียญ เขียนรูปภาพนานา
  ทำศาลาแลมณฑป พนมศพพนมเมรุ
  พระครูกูชื่อ พระกัจจายเถร เธอเสด็จเข้าสู่พระนิพพานัง ปะถะมังสุขัง

៙ พุทธัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ
  ธัมมัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ
  สังฆัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ

                     ธรรมจิต สวัสดี

จาก https://montra9mahawed.wordpress.com/2012/05/05/โองการธรณีสารใหญ่-และโอ/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR3W-5QV_TC3pd0vvCWD6KBb_CDnayw3Dy65DFnFu4-zaCJ9Nc5k-7MnTnQ_aem_GYuEgBVzTdLLEhZ9wbVyCQ
05 พ.ค.





ขอบคุณที่มา :-
เฟซบุ้ค โนรา | 25 สิงหาคม 2016
URL : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=581345615385680&id=105633059623607&set=a.105679556285624&locale=th_TH


 :96: :96: :96:

หมายเหตุ

ปัจจุบัน (วันที่ 11 พฤสจิกายน 2567) ข้อมูลข้างต้น อยู่ในเว็บ ๙ มหาเวทย์
http://9mahawed.blogspot.com/2013/07/blog-post_24.html
เขียนโดย ๙ มหาเวทย์ ที่ 23:52

คำเตือน

ผู้รู้กล่าวว่า หากไม่ใช่อรหันต์ อย่าทำน้ำมนต์ธรณีสาร เพราะ ผีห่า ซาตาน อรสูรร้าย จะมาเยือน เวรภัยจะเกิดแก่ท่าน

 :25: :25: :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2024, 09:19:58 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2024, 09:15:25 am »
0
.



คาถาทำน้ำมนต์ธรณีสาร

คาถาน้ำมนต์ธรณีสารนี้ ใช้ทำอาบ ให้คนที่ซวย เช่น ถูกสัตว์กัด จิ้งจก แมงสาบ หนู หรือถูกคนอื่นด่าว่านินทา หรือคนที่ชวย ฝันร้าย เจ็บ ป่วยหรือถูกลมเพลมพัด หรือเกิดอุปสรรต่าง ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้ คนประเภทนี้ควรอาบน้ำมนต์ธรณีสารล้างชวย

คาถาว่าดังนี้ ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า ดังนี้

    @@@@@@@

    “นะโม นะมัสสะการ พระอิศวรนารายณ์ผู้เป็นเจ้า ท้าวจะเสด็จ ลงมาตั้งฟ้า ตั้งดิน ตั้งพระอินทร์ ตั้งพระพรหม ตั้งพระยม ตั้งพระกาฬ เธอจึงให้กูผลาญ ต้นไม้อันมีผี ตั้งพิธีเบิกโขลน เปิดทวารบานประตู ขุดคู ขุดบ่อ ขุดท่อถางทาง ขุดบางขุดสระ แกะรูปพระ สลักหนัง ยังมีพรายและ ตายโหง ตั้งต่อโลงและโกสผา ทำศาลา และมณฑป พนมศพและพนมเมรุ

    ครูกูชื่อ พระอนุรุทธมหาเถร เธอจึงจะให้กูตีเชือกคล้องคองู และปลอกขอ ขวั้นสายหมอ สายรัดคนด้ายมนต์ที่เธอว่าไว้ เธอจึงหยิบน้ำพระปริตมายื่น ให้แก่กู กูจะรดคนทั้งหลาย รดทั้งผู้หญิงผู้ชาย ทั้งพ่อค้าแม่ขาย คนไข้คนป่วย คนรวยคนจน คนขัดสนด้วยเงินทอง คนอับโชค คนมีโรคมีภัย คนทำอะไรไม่สมความปรารถนา

    รดวัวรดควาย รอช้างรดม้า รดขมิ้นขิงข่า รดฟักแฟง รดน้ำเต้า รดแม่โพสพเจ้า อันอยู่กลางไร่ และกลางนา รดทั้งมูลผา รดมะม่วง และปริงปราง รดนางต้องเขนงและผัวยาก รดหมาก รดพลู รดงูขึ้นเรือน รถคนเที่ยวกันเถื่อนอยู่ในไพร รดนกเค้าจับหลังคา รดเขี้ยวงาแตกสลาย

    พระครูกูให้เอาต้นมาต่อต้น พระครูกูให้เอาปลายมาต่อปลาย ต้นฝากไว้แก่พระพาย ปลายฝากไว้ที่ธรณีสาร

    โอมนะมะ จักขุทะลุบาดาล ธรณีสารผลาญอุบาทว์จัญไร อุบาทว์ฝากไว้แก่พระไพร จัญไรฝากไว้แก่พระพาย ความร้ายฝากนางธรณี ความสวัสดีจงมีแก่...... (ทำมนต์ให้ใครเอ่ยชื่อคนนั้น ) โอมสิทธิ สวาหะ นะ โม พุท ธา ยะ จะ ภะ กะ สะ”


    @@@@@@@

น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ได้เคยใช้มามากแล้ว ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เป็นอย่างดี ดังนั้นขอให้จดจำเอาไว้ เพราะว่าหายากมาก ถ้าจะได้สามารถช่วยคนอื่น ๆ ได้อีกมาก





__________________________________
ขอบคุณที่มา : ตำราวิชาไสยศาสตร์ เรียนหรือปฏิบัติด้วยตนเอง
เขียนโดย อาจารย์ ชุ่ม จันโท (ป.ธ.๖ , พ.ม. , พ.ท.บ.) อดีต ท่านพระครูโกวิทวิหารการ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 11, 2024, 09:20:21 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2024, 10:13:15 am »
0
.



น้ำมนต์

ภาพที่เห็นจนคุ้นตาหลังจากการฟังเทศน์เรียบร้อยแล้วทุกครั้ง คือ ผู้คนจะนั่งพนมมือรอรับน้ำมนต์ที่ประพรมโดยพระที่อาวุโสที่สุดในหมู่สงฆ์นั้น ซึ่งถือกันว่าเป็นมงคลแก่ตัว จึงเกิดสงสัยว่านอกจากน้ำมนต์จะใช้ประพรมเพื่อเป็นมงคลแล้ว ยังจะใช้เพื่อการอื่นได้หรือไม่.? อย่างไร.? 

สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม ๑๕ อธิบายไว้ว่า

น้ำมนต์โดยทั่วไป กำหนดได้เป็น ๓ อย่าง คือ

   ๑. ใช้เพื่อเป็นมงคล
   คือ ใช้ในการทำบุญทางศาสนาที่เรียกว่า งานมงคล  เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานสมรส ซึ่งสังฆเถระจะประพรมน้ำมนต์ให้แก่เจ้าของงานและแก่ผู้มาร่วมงาน

   ๒. ใช้เพื่อรักษาโรค 
  โบราณนิยมทำเป็นประจำ โดยจะนมัสการตักน้ำมนต์ในโบสถ์วัดต่าง ๆ เอามารวมลงในหม้อน้ำมนต์ที่บ้านตั้งไว้หน้าที่บูชาพระ ใครเป็นอะไร เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ก็ไปกราบขอน้ำมนต์นั้นมากิน โดยมากก็มักหาย คนจึงนิยม  และนิยมใช้รักษาสารพัดโรค ซึ่งผู้จะรักษาต้องแน่ใจ และครูต้องครอบให้ ถ้าทำโดยพลการเรียกว่า “ต้องธรณีสาร” หรือ การหลู่ครูนั่นเอง ซึ่งถือกันว่าเป็นเสนียดจัญไรอย่างยิ่ง ต้องล้างด้วยน้ำมนต์ธรณีสาร เตือนให้รู้ว่า ต้องบูชาครู โดยครูทำน้ำมนต์ธรณีสารรดให้ แล้วจัดการลงโทษ แล้วครอบให้ จึงจะรักษาได้ต่อไป

   ๓. ใช้ระงับทุกข์ภัย 
   ในธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๗ ปกิณกวรรค เรื่องอัตโนบุพกรรมท่านเล่าว่า ในกรุงไพสาลี แคว้นวัชชี เกิดภัยใหญ่ ๓ ประการคือ ข้าวยากหมากแพง อมนุษย์ให้โทษ และเกิดโรคระบาด พระเจ้าลิจฉวีจึงทูลเชิญพระพุทธองค์ที่ประทับอยู่กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธให้มาแก้ไข เมื่อพระพุทธองค์เสด็จถึงกรุงไพสาลี โปรดให้พระอานนท์รับเรียนรัตนสูตร ให้พระเจ้าลิจฉวีถือบาตรน้ำมนต์ พระอานนท์บริกรรมรัตนปริต ประพรมน้ำมนต์ทั่วบริเวณกรุงไพสาลี ในกำแพงเมืองทั้ง ๓ ชั้น ภัยทั้ง ๓ ระงับทันที ประชาชนกลับมาเป็นปรกติสุขตามเดิม

น้ำมนต์นี้ ถ้าเสกด้วยพระพุทธมนต์ เรียกว่า น้ำพระพุทธมนต์ นิยมว่าต้องพระเสก ถ้าเสกด้วยโองการตามลัทธิไสยศาสตร์ เรียกว่า เทพมนต์ หรือทิพมนต์ อย่างที่พราหมณ์ทำอยู่ที่โบสถ์พราหมณ์กรุงเทพฯ.

                          กนกวรรณ  ทองตะโก



ขอบคุณที่มา : legacy.orst.go.th/?knowledges=น้ำมนต์-๒๗-ตุลาคม-๒๕๕๒
น้ำมนต์ (๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒)



 :96: :96:

ธรณีสาร

พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถานความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน

ธรณีสาร
    น. เสนียดจัญไร เรียกคนที่มีลักษณะซึมเซาง่วงเหงาหาวนอนอยู่เสมอว่า คนต้องธรณีสาร. ดูใน ธรณี.
    น. ชื่อไม้พุ่มขนาดเล็กชนิด Phyllanthus pulcher Wall. ex Muell. Arg. ในวงศ์ Euphorbiaceae ลําต้นตรง ใช้ทํายาได้ ว่านธรณีสาร ก็เรียก.



ขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/dictionary/dict/dict-th-th-royal-institute/search/ธรณีสาร/



 :96: :96:

"ต้องธรณีสาร"

"ต้องธรณีสาร" เป็นความเชื่อโบราณ หมายถึง "หากผู้ใดไปทำผิดข้อห้ามอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ หรือการประสบพบเจอสิ่งที่ผิดธรรมชาติ การกระทำกริยา อาการที่คนโบราณเขาไม่ทำกัน"

ว่าง่ายๆ ก็คือ ทำตัวแปลกๆ ไม่เหมือนคนอื่นนั่นเอง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า "ธรณีสาร" ก็เป็นชื่อต้นไม้เช่นเดียวกัน
และยังเป็นสมุนไพรอีกด้วย

เรื่องแนะนำ "ต้นธรณีสาร สรรพคุณช่วยรักษาผิวหนังอักเสบ"
https://amprohealth.com/herb/phyllanthus-pulcher/



ขอบคุณที่มา เฟซบุ้ค สถานีวิจัยลำตะคอง |4 มิถุนายน 2020 
https://www.facebook.com/LamtakhongResearch/posts/ต้องธรณีสาร-เป็นความเชื่อโบราณ-หมายถึง-หากผู้ใดไปทำผิดข้อห้ามอย่างใดอย่างหนึ่ง-โ/576807026312232/






ต้องธรณีสาร สิ่งร้ายแรงแต่กลับมองข้ามกันไป

คำว่า "ต้องธรณีสาร" คนที่คนเล่นของรู้ความหมาย และหลายๆคนเกรงกลัว แต่น้อยคนที่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริง และร้ายไปกว่านั้น คือต้อง"ธรณีสาร" โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

คำว่า "ต้องธรณีสาร" ความหมายคือ ผิดครู ผิดข้อห้ามทางวิชาที่ครูได้กำหนดไว้ ความน่ากลัวของการต้องธรณีสารก็คือ ผู้ที่ต้องธรณีสารจะไม่เห็นผลทันที ทันใด แต่กว่าจะรู้สึกตัว และเห็นผลจากการต้องธรณีสาร เมื่อนั้นก็เกือบจะสายเกินไปแล้ว บางคนก็ชีวิตประสบพบความฉิบหายไปแล้ว เมื่อรู้ตัวก็สายเกินแก้

"ต้องธรณีสาร" ความหมายแท้จริงก็คือ ถูกคำสาปจากแม่ธรณี หรือแม่ธรณีท่านไม่โปรด ไม่เมตตา ไม่คุ้มครองผู้ที่ต้องธรณีสาร และผลแห่งต้องธรณีสารก็คือ หากไม่ทำการแก้ไข ผลของคำสาปก็จะมีผลต่อไป แม้จะตายแล้วเกิดใหม่ ธรณีสารก็ยังคงติดกับดวงวิญญาณมา จะหมดสิ้นไปก็ต่อเมื่อแม่ธรณีไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว พูดอีกนัยก็คือ "ชั่วฟ้าดินสลาย" นั่นล่ะครับ เรียกได้ว่า ตราบใดที่ยังคงต้องเหยียบบนแม่ธรณีอยู่ ก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้

การต้องธรณีสาร บางครั้งก็จากสาเหตุเล็กๆน้อยๆ การผิดขลำเล็กๆน้อยๆ เปรียบก็เหมือนกับเสี้ยนหนามเล็กๆที่ทิ่มเรา หรือรอยสกปรกเล็กๆน้อยๆบนเสื้อผ้า ที่หากละเลยทิ้งไว้ เสี้ยนไม่บ่งออก ก็อาจจะเป็นหนองพุพอง แผลติดเชื้อ อันตรายถึงชีวิต รอยสกปรกเล็กๆ ที่อยู่นานเข้าก็กลายเป็นคราบฝังลึกซักไม่ออก


@@@@@@@

โบราณท่านจึงถือกันมากเรื่องการผิดครู การต้องธรณีสาร การอาบน้ำมนต์ธรณีสาร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามละเลย โดยปรกติทุกๆวันพระใหญ่ คนเล่นของถือวิชา จะทำน้ำมนต์ธรณีสารอาบกัน แม้ในการประกอบพิธีใดๆ น้ำมนต์ธรณีสารเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะเมื่อจบพิธีจะต้องทำการประพรมตัวเอง เพราะอาจจะผิดธรณีสาร โดยไม่รู้ตัว

แต่อนิจจา สิ่งสำคัญมากมายขนาดนี้ แต่กลับเป็นสิ่งที่คนเล่นของยุคนี้ มองข้ามละเลยไปกันมากที่สุด ปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีคนเล่นของคนไหนสนใจกระทำกันแล้ว ทั้งๆที่ต้นเหตุจากการเล่นของไม่ขึ้น ใช้วัตถุชิ้นไหน สำนักไหน ท่องคาถาใช้มนต์อะไรก็ไม่เกิดผล สาเหตุหลักๆมันก็มาจากการที่ตัวคนผู้นั้นต้องธรณีสาร แต่คนสมัยนี้ถนัดโทษสิ่งรอบข้าง โทษคนอื่นๆมากกว่าจะสำรวจและปรับปรุงตัวเอง ซึ่งสิ่งที่ทำให้เป็นแบบนี้ ผลมันก็มาจากการต้องธรณีสารนั่นล่ะครับ ทำให้ตัวเรามือบอดทางปัญญา หาต้นตอทางแก้ไขไม่เจอ

ส่วนบางคนทึ่กังวล สงสัยว่าจะทำน้ำมนต์ธรณีสารอาบเองได้หรือไม่ ตอบตรงนี้ให้หายสงสัย คือ ถ้าสวดมนต์ไหว้พระได้ ก็ทำน้ำมนต์ธรณีสารได้ เพราะโบราณจารย์เจตนาท่านไม่ได้หวงห้ามคาถานี้แต่อย่างใด

คาถาธรณีสาร ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้หายากเย็นอะไร ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ก็หาเอาได้ง่ายๆจากกูเกิล รู้จักกันในชื่อบทธรณีสารน้อย อย่าละเลยและมองข้ามกัน กับเรื่องที่คิดว่าเล็กๆน้อยๆ เพราะต้นเหตุแห่งเรื่องใหญ่ทั้งหลาย จุดเริ่มต้นมันก็มาจากเรื่องเล็กๆกันแทบจะทั้งนั้นครับ




ขอบคุณที่มา : https://www.ruesavet.com/blog/6209/ต้องธรณีสาร-สิ่งร้ายแรงแต่กลับมองข้ามกันไป
อัพเดทล่าสุด : 11 ม.ค. 2024
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2024, 10:35:29 am »
0
.



ธรณีสาร คือ อะไร.?

มนต์บทแรกที่นักเรียนไสยเวทย์ต้องศึกษาคือ "มนต์ธรณีสาร" เพื่อทำน้ำมนต์ธรณีสาร ไว้สำหรับประสะตนเอง (ชำระล้างตนเองให้หมดจดจากสิ่งอันเป็นอัปมงคล) มนต์ธรณีสารนี้มีหลายฉบับ ได้แก่ มนต์ธรณีสารใหญ่ มนต์ธรณีสารน้อย ฯลฯ ซึ่งครูบาอาจารย์จะสอนมนต์นี้เป็นมนต์แรก เมื่อนักเรียนสำเร็จมนต์นี้แล้ว ครูบาอาจารย์จึงจะสอนมนต์บทอื่นๆต่อไป

เพราะเหตุใดมนต์ธรณีสารถึงสำคัญเพียงนั้น.? เพราะมนต์ธรณีสารสำหรับใช้เสกน้ำเพื่อประสะตนเองให้บริสุทธิ์ อันเกิดจากการ "ต้องเสนียดจัญไร"

คำว่า "เสนียดจัญไร" แปลว่า ความอัปมงคล กาลกิณี เลวทราม มีมลทิน ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ดังต่อไปนี้

   @@@@@@@

    ๑. การซักผ้าและตากผ้ารวมกัน โดยการนำผ้าเบื้องต่ำ คือ ผ้าที่ใช้ต่ำกว่าใต้สะดือ ซักตากปนกับผ้าเบื้องสูง คือ ผ้าที่ใช้เหนืออกขึ้นไป และไม่แยกราวผ้าให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละชนิด
    ๒. การรอดราวผ้า ถึงแม้ว่าราวผ้านั้นจะไม่มีผ้าแขวนอยู่ก็ตาม ทำให้อับราศี ถึงแม้มีของขลังอยู่กับตัวก็จะทำให้อิทธิคุณอ่อนลง
    ๓. การใช้ผ้าเบื้องต่ำมาเช็ดเบื้องสูงของร่างกาย
    ๔. การทำ Oral Sex เพราะว่าปากคือ อวัยวะสำหรับสวดมนต์ เป็นอวัยวะเบื้องสูง ไม่สมควรใช้ปากเพื่อเพศสัมพันธ์ ผู้ใดที่กระทำจะทำให้มนต์ที่ท่องนั้นเสื่อมและยากจะแก้ไข และทำให้ราศีกลับอีกด้วย
    ๕. การเรียนเวทมนต์โดยปราศจากครูบาอาจารย์ที่สืบสายมาอย่างถูกต้อง

    ๖. การล่วงเกินครูบาอาจารย์ทั้งเจตนาหรือไม่เจตนา ด้วยรู้หรือไม่รู้ แม้การขัดคำสั่งครูบาอาจารย์ก็มีโทษมาก หากครูบาอาจารย์นั้นมีพลังจิตสูง คุณธรรมสูง โทษก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
    ๗. การล่วงเกินสิ่งอันเป็นสัญลักษณ์ของครูบาอาจารย์ เช่น การจับเหล็กจาร การจับคัมภีร์ ต้องประณมมือนมัสการครูก่อนแล้วจึงสัมผัส แม้แต่การข้ามกรายสิ่งของเครื่องใช้สอยของครูบาอาจารย์ก็เป็นเสนียดเช่นกัน
    ๘. การท่องคาถาผิด การลบผงอักขระผิด เรียกว่าต้องเสนียดครู หรือเสนียดวิชา
    ๙. เกิดจากอสุรกายหรือวิญญาณร้ายรังควาน
  ๑๐. เกิดจากพระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลังที่ผ่านกระบวนการปลุกเสกอย่างไม่ถูกต้อง เพราะตนเองไม่ทราบว่าครูบาอาจารย์ที่มานั่งปลุกเสกอยู่นั้น ท่านต้องธรณีสารหรือไม่? เมื่อครูบาอาจารย์ที่มานั่งปลุกเสกต้องธรณีสาร หรือรู้ไม่จริงก็จะทำให้วัตถุมงคลเหล่านั้น เป็นวัตถุอวมงคล เป็นวัตถุต้องธรณีสารทั้งสิ้น

  @@@@@@@

  ๑๑. เกิดจากการสัมผัสกับผู้ต้องธรณีสาร หรือสัมผัสกับวัตถุของผู้ต้องธรณีสาร เพราะธรณีสารนั้นติดได้ง่าย แต่ป้องกันยาก รักษายาก

  ๑๒. ความสะเพร่ามักง่าย ได้แก่ นำก้างปลามาแคะซอกฟัน, นำเปลือกหอยมาตักข้าวแทนช้อน, นำครกมาใส่อาหารรับประทานแทนจาน, จกอาหารจากครกแล้วรับประทานโดยตรง, ใช้หม้อหุงข้าวแทนจาน, เอาฝาชีมาครอบหัวเล่น, เอาสุ่มไก่มาครอบตัว, เดินรอดใต้แห-อวน-สุ่มจับปลา, บ้วนน้ำลายและเสมหะลงโถขับถ่าย

  ๑๓. อาถรรพณ์ที่เกิดจากสัตว์ เช่น แมลงสาปกัด กิ้งกือกัด นอนแล้วมีหนูมากัด สุนัขเดินมาฉี่รด นกขี้รดใส่หัว งูเลื้อยตกที่ตัวหรือตกใส่รถ ล้วนเป็นอาถรรพณ์ที่เตือนว่าตนกำลังเข้าสู่การเสื่อมราศีและความเป็นมงคลทั้งปวง

  ๑๔. การด่ารับอรุณ คือ การดุด่าตั้งแต่เช้าก่อนตะวันขึ้น หรือตะวันกำลังขึ้น บางรายหนักกว่านั้นเพราะด่าทั้งเช้า ด่าทั้งเย็น เรียกว่า “ทั้งรับทั้งส่งตะวัน” แบบนี้ชีวิตยากจะหาความเจริญวัฒนาได้ ผู้ที่ถูกด่าจะอับราศี ปวดศีรษะ อารมณ์เศร้าหมองเป็นนิตย์ ทำให้บ้านรุ่มร้อน บุตรหลานจะไม่อยากอยู่ ผีบ้านผีเรือนรังเกียจบุคคลเช่นนี้ แม้การสวดมนต์ก็ยากที่จะร่มเย็นเป็นสุข ลาภยศที่มีก็จะมีแต่เสื่อมลงตามลำดับ บางครั้งภูติผีก็มาปรากฏให้เห็นลางๆ หรือผีทำเสียงขลุกขลักในบ้าน

  ๑๕. อาถรรพณ์จากผรุสวาจา คือ การพูดคำหยาบ การด่าในขณะที่จิตเปี่ยมไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง และคำสาปแช่ง โดยเฉพาะคำสาปแช่งที่เกิดจากบุพการี เกิดจากผู้มีพระคุณแม้การเลี้ยงข้าวสักมื้อ เลี้ยงน้ำสักแก้ว หรือให้แม้แต่เศษเงินเล็กน้อย หรือเข้าห้องสุขาปลดทุกข์ในบ้านของคนอื่น คำสาปที่เกิดจากบุคคลเหล่านี้จะมีผลมากและรวดเร็วกว่าบุคคลที่สาปแช่งทั่วไปที่ไม่ได้มีบุญคุณกับตน (หากเขาเลี้ยงข้าวเราเพียงมื้อเดียว จงตอบแทนเขาด้วยการเลี้ยงข้าวสิบมื้อจะได้ไม่มีหนี้ค้างต่อกัน) เมื่อใดก็ตามที่อกุศลวิบากของตนส่งผล อำนาจของคำสาปแช่งก็จะมาสู่ผู้นั้นอย่างแน่นอน

  @@@@@@@

  ๑๖. การทำร้ายตนเอง บิดามารดาเป็นผู้สร้างกายมนุษย์นี้มา เพื่อให้กระทำความดีที่จะสืบต่อไปในภพหน้า และเป็นทายาทสืบสกุล การโกรธเคืองแล้วหาทางระบายโดยการตีอกชกหัว ทุบตีตนเอง กรีดข้อมือ และทำร้ายตนเองด้วยวิธีการต่างๆ เป็นการสร้างอาถรรพณ์แก่ตนเอง ในเมื่อตนยังไม่รักตนเองแล้วจะมีเมตตาต่อผู้อื่นได้อย่างไร? อีกทั้งเป็นการเนรคุณต่อบิดามารดาปู่ย่าตายายและบรรพบุรุษอีกด้วย ผู้ใดที่กระทำเช่นนี้จะมีแต่เรื่องตรอมตรมขมขื่นเข้ามาในชีวิต และกระจายไปสู่ตระกูลในวงกว้าง ซ้ำยังทำให้ชีวิตประสบแต่อุปสรรค การเงินติดขัด มีผู้ประทุษร้ายอยู่เนืองๆ

  ๑๗. อาถรรพณ์ที่ติดตัว อาถรรพณ์บางอย่างติดตัวมาข้ามภพชาติ หรือเกิดจากการต้องเสนียดจัญไร จะส่งผลให้มีการแสดงออกโดยเจตภูติของตนบันดาลให้ประจักษ์ ได้แก่ นอนกัดฟัน นอนละเมอ ฝันร้ายเป็นประจำ ฝันถึงคนตายบ่อยๆ เมื่อปราศรัยหรือสนทนากับใครก็ไม่มีใครสนใจ มีอาการทางประสาทที่มักชักกระตุกเสมอ กลิ่นกายเหม็นสาปสางแม้ชำระกายเท่าใดกลิ่นก็ยังคงติดอยู่ในเนื้อ

  ๑๘. อาถรรพณ์ที่เกิดจากอาชีพ เช่น ร้านตัดผม ช่างตัดผม ช่างทำผมเป็นอาชีพที่พบเจอผู้ลูกค้าทุกชาติศาสนา ซึ่งมีทั้งฅนดี ฅนร้าย ฅนคิดทรยศชาติบ้านเมือง ฅนเนรคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์ ฅนกาลกิณีอัปรีย์จัญไร คือ ฅนที่ละเมิดศีลในขณะที่ตนเป็นภิกษุต้องอาบัติตั้งแต่ปาจิตตีย์ไปจนอาบัติปาราชิก หากเส้นผมของบุคคลเหล่านี้มาตกต้องติดค้างในร้านตัดผม ก็นับเป็นเสนียดจัญไรแก่ร้านได้ และอาชีพหมอนวดก็เช่นเดียวกัน

  ๑๙. การนิมนต์ “โมฆบุรุษ” เข้าบ้าน เรื่องนี้จะยากที่จะตรวจสอบสักหน่อย เพราะเราไม่มีทางจะรู้เลยว่า ภิกษุสงฆ์ที่ตนนิมนต์มานั้น เป็น “ปกตัตตะภิกษุ” หรือไม่? ปกตัตตะภิกษุ แปลว่า ผู้เป็นภิกษุโดยปกติ, ภิกษุผู้มีศีลและอาจาระเสมอกับภิกษุทั้งหลายตามปกติ คือไม่ต้องอาบัติปาราชิก หรือถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม รวมทั้งมิใช่ภิกษุผู้กำลังประพฤติวุฏฐานวิธีเพื่อออกจากอาบัติสังฆาทิเสส และภิกษุที่ถูกสงฆ์ลงนิคหกรรมอื่นๆ แม้ภิกษุที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็เช่นเดียวกัน พวกนี้รวมเรียกว่าโมฆบุรุษ

หากโมฆบุรุษเหล่านี้เข้าบ้านเมื่อไร ความพินาศฉิบหายจะมาเยือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มนต์คาถาและพระพุทธมนต์ที่สวดก็กลับกลายเป็นอวมงคล ทักษิณาทานก็ไม่บริสุทธิ์เพราะปฏิคาหกเป็นผู้ทุศีล เหล่าเทวดาอารักษ์ประจำบ้านก็จะหลีกหนีไปสิ้น แม้การอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ตายก็ทำให้ผู้ที่ตายนั้นไม่สามารถอนุโมทนาได้ เพราะเปรตก็ดี อสุรกายก็ดี หรือทวยเทพยดาก็ดีจะไม่อนุโมทนากับทานที่ให้แก่ผู้ทุศีล

____________________________________
ที่มา : https://www.dhammahome.com/webboard/topic/29623

เพราะโมฆบุรุษนี้เปรียบดัง “ตาลยอดด้วน” หากนำบุคคลเหล่านี้เข้าเคหสถานเมื่อใด ความอัปรีย์จัญไรจะหนักหนากว่าทุกข้อที่กล่าวมาทั้งหมด แล้วจะทำอย่างไรจะดีที่สุดในกรณีนี้.?

ขอแนะนำว่า ควรเจริญพระพุทธมนต์ด้วยจิตที่เลื่อมใสด้วยตนเอง สมาทานศีลและประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ต่อเนื่องเป็นเวลา ๓ เดือน ย่อมดีกว่าการนิมนต์ภิกษุมาเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้านเป็นไหนๆ หรือเชิญสัปบุรุษมารับโภชนาหารที่บ้านก็ได้ผลดุจเดียวกัน





วิธีการแก้ไข

๑. น้ำมนต์ธรณีสารไม่สามารถใช้ได้ทุกกรณีเสมอไป หากกรณีนั้นเกิดจากการอกุศลกรรมของตนเองเป็นผู้ก่อขึ้น คาถาย่อมไม่ปกป้องผู้กระทำอกุศลกรรม นอกจากตนสำนึกในบาปของตน แล้วปฏิญาณต่อพระรัตนตรัยว่าตนจะไม่กระทำอกุศลขึ้นอีก จากนั้นจึงนำน้ำมนต์ธรณีสารมาดื่มและอาบ อีกทั้งพรมสถานที่ทั้งภายในและภายนอก

๒. อาถรรพณ์ที่เกิดจากคำสาปแช่งของบุพการีและผู้มีพระคุณ ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด และผู้แช่งบันดาลโทสะสาปแช่งคุณ คุณต้องจัดดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาท่านเหล่านั้นก่อนเป็นอันดับแรก ขอให้ท่านอภัยโทษแก่ตัวคุณเอง จะใช้ให้ใครทำแทนไม่ได้ และต้องทำต่อหน้าในขณะมีชีวิต ให้ท่านกล่าวยกโทษด้วยวาจา ๓ ครั้ง เพราะตนเป็นผู้ก่อเรื่อง ตนต้องแก้ไขเอง เมื่อได้รับการอภัยโทษแล้ว จึงทำน้ำมนต์ธรณีสารประสะตัวเอง แต่ถ้าตนไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ผลของคำสาปแช่งนั้นจะย้อนกลับไปสู่ผู้แช่งเองตามกฏแห่งกรรม

๓. ปรับเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีของตนให้เป็นคนดี คือการล้างเสนียดจากภายในสู่ภายนอกและได้ผลอย่างยั่งยืน

๔. หมั่นทำน้ำมนต์ธรณีสาร หรือรับน้ำมนต์ธรณีสารจากผู้รู้อย่างสม่ำเสมอ หรือได้รับการประสะจากผู้ทรงวิทยาคมแก่กล้า ถ้าหากน้ำมนต์ธรณีสารนั้นทำโดยผู้ที่รู้ไม่จริง คุณก็จะต้องธรณีสารอีกรอบหนึ่ง

@@@@@@@

จะรู้ได้อย่างไรว่า มนต์ล้างธรณีสารของแท้เป็นอย่างไร.? เพื่อป้องกันการถูกต้ม

    ๑. สอบถามผู้ทำน้ำมนต์ว่าใช้มนต์บทใดในการเสก?
    ๒. มนต์บทนั้นเป็นคาถาปัฐยาวัตต์หรือไม่? (เคยอธิบายไว้แล้วเรื่องคาถาบาลี)
    ๓. มนต์นั้นแปลว่าอะไร? ต้องรู้คำแปลว่าตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่
    ๔. ผู้ทำน้ำมนต์ธรณีสารเข้าใจการสวดท่องแค่ไหน?
    ๕. ผู้ทำน้ำมนต์ธรณีสารรู้ฉันทลักษณ์แค่ไหน?
    ๖. ผู้ทำน้ำมนต์ธรณีสารรู้กฏและข้อกำหนดแห่งไวยากรณ์แค่ไหน?
    ๗. ผู้ทำน้ำมนต์ธรณีสารรู้สูตรสำหรับล้างธรณีสารแค่ไหน? เพราะต้องมีการทำอาตมวิสุทธิ์เพื่อชำระตนเอง ป้องกันตนเอง แล้วจึงกระทำให้ผู้อื่นก่อน
    ๘. ผู้ทำน้ำมนต์ธรณีสารต้องรู้ข้อกำหนดทางดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ การดูฤกษ์ยามเพื่อทำน้ำมนต์ธรณีสาร และต้องอธิบายได้ชัดเจนไม่ติดขัด





สำหรับผู้ที่บูชา "น้ำมันพรหมลิขิต" จะได้รับคู่มือการใช้ ซึ่งในคู่มือการใช้นั้นจะมีคาถาล้างธรณีสาร ซึ่งเป็นคาถาที่ไม่มีตำราเล่มใดเปิดเผยมาก่อน ทุกคนจะได้เรียนคาถาล้างธรณีสาร แต่มีกฎว่าห้ามเปิดเผยส่วนหนึ่งส่วนใดของคาถาโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดวิชาของครูบาอาจารย์ และเป็นการต้องธรณีสารใหญ่และลบล้างไม่ได้เลย

ผู้ที่สนใจบูชาน้ำมันพรหมลิขิต กรุณาติดต่อ คุณชาณิภา ภูดลบริรักษ์ ที่ Facebook และ Line ตามที่ให้นี้

พระจตุรเวทวิทยาคม
วันพุธที่ ๒๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๕๖๓





ขอบคุณที่มา : facebook พระจตุรเวทวิทยาคม 22 กรกฎาคม 2020  ·
https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=691273641428553&id=382168339005753
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29286
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: แก้อาถรรพณ์ คุณไสย เภทภัยต่างๆ ด้วย "น้ำมนต์ธรณีสาร"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2024, 06:43:20 am »
0
.



เหตุผลและข้อห้าม..ความเชื่อเรื่องต้องธรณีสาร
26 กรกฎาคม 2565 (16:01) โพสท์โดย Man

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาหาบทความอะไรมาทำเพิ่มเติม แต่ก็ไปดูในblogเก่าๆ ที่ทำไว้ มีบทความหลายๆบทความน่าสนใจ เปิดมาเจอบทความนี้ ความเชื่อเรื่องต้องธรณีสาร ซึ่งทำเอาไว้เมื่อ ปี 2016

เห็นว่ามันน่าสนใจเพราะเก็บรวบรวมมาจากหลายที่ ก็เลยมานำเสนอครับสนใจ ก็ลองอ่านดูนะครับ ซึ่งเหตุที่คนโบราณท่านห้ามประพฤติ ห้ามพบกับเหตุการณ์เหล่านั้นก็ด้วยว่าทุกข้อห้ามนั้นคนโบราณท่านแฝงเหตุผลไว้ครับ


 :96: :96: :96:

ความเชื่อเรื่องต้องธรณีสาร

ความเชื่อเรื่องธรณีสาร (สิ่งที่ถือว่าเป็นเสนียดจัญไร = ความหมายจากพจนานุกรม แปลไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร) ปรากฏในบทโองการธรณีสารใหญ่ซึ่งใช้โอมอ่านคาถาเวลาทำน้ำมนต์เพื่อใช้ประพรมแก้สิ่งที่ไม่ดีให้กลับเป็นสิ่งดี ซึ่งธรณีสารนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดี ห้ามประพฤติ ห้ามกระทำ หรือเป็นเหตุการณ์ไม่ดีควรหลีกเลี่ยง ซึ่ถ้าใครประพฤติไม่ดี หรือประสบเหตุการณ์ไม่ดี เราจะเรียกคนเหล่านั้นว่า "ต้องธรณีสาร"

ซึ่งเหตุที่คนโบราณท่านห้ามประพฤติ ห้ามพบกับเหตุการณ์เหล่านั้นก็ด้วยว่าทุกข้อห้ามนั้นคนโบราณท่านแฝงเหตุผลไว้ ซึ่งท่านจะไม่บอกเราตรง ๆ เพราะกลัวเราหาเหตุผลมาเถียงแล้วฝีนทำสิ่งเหล่านั้น ท่านจึงมักจะอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติที่พิสูจน์ไม่ได้ เพื่อให้ลูกหลานกลัวด้วยเป็นสิ่งเหนือเหตุผล นี่คือภูมิปัญญาของคนโบราณที่แฝงอยู่ในคติธรณีสาร ซึ่งสิ่งที่คนโบราณท่านห้ามเรื่องธรณีสาร มีดังนี้





1. เสาเรือนยอดสลัก หักใต้กระได
เรือนไทยแต่โบราณใช้วิธีการบากไม้ทำเดือยและยึดด้วยสลักไม้เนื้อแข็ง ยอดของเสาเรือนก็มีเดือยไม้สวมรรับกับขื่อ เรียกว่า "หัวเทียน" บันไดบ้านก็ยึดด้วยสลักเช่นกัน ถ้าสลักยึดที่ตามจุดต่าง ๆ ของเรือนหักลง คนโบราณจะถือว่าเป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งมองในแง่เหตุผลก็สมควรอยู่ เพราะเท่ากับเรือนทั้งหลังขาดความมั่นคงเสียแล้ว ถ้าลมพัดพายุมาดีร้ายอาจพังถล่มลงทั้งหลังได้

2. วัวไถนามากลางตลาด
ชื่อก็บอกแล้วว่า วัวไถนา ซึ่งมันต้องอยู่ในนาเท่านั้น การปล่อยให้วัวมาเดินตามตลาดจึงเป็นสิ่งที่ไม่น่ากระทำ เพราะวัวอาจเดินเรื่อยเปื่อยไปเหยียบข้าวของให้เสียหายหรือเฉี่ยวชนคนให้บาดเจ็บได้ คนโบราณท่านขู่เรื่องนี้ว่าเป็นการต้องธรณีสารเพื่อจะให้ลูกหลานดูแลวัวควายให้ดี อย่าปล่อยวัวปล่อยควายให้เดินเพ่นพ่านทำความเดือดร้อนแก่คนอื่นนั่นเอง

3. เสาเรือนไสกบ
เสาเรือนในสมัยโบราณทำจากไม้ทั้งต้น การจะเอากบไลให้เสาเรียบเป็นเหลี่ยมเรียบตรงทั้งเสา จึงเป็นเรื่องยากลำบากและเสียเวลามาก เสาเรือนที่ไสกบจึงมักจะทำกันแค่เสาศาลาวัดและเสาตำหนักเจ้านายเท่านั้น คนโบราณท่านจึงห้ามไสกบที่เสาเรือนเพราะเป็นการทำเทียมเจ้าและทำเทียมวัดนั่นเอง

4. เอาต้นต่อต้น เอาปลายต่อปลาย
การต่อไม้โดยเฉพาะเสาเรือนท่านจะใช้วิะีต่อไม้โดยใช้ปลายไม้ต้นแรกต่อกับโคนต้นไม้ต้นที่สอง เพราะลักษณของเสาที่เกลาจากต้นไม้นั้น โคนจะใหญ่กว่าส่วนปลาย ถ้าต่อเสาเรือนแล้วเอาปลายไม้ต่อปลายไม้ เสาต้นนั้นจะกลายเป็นเสาเรือนคอดตรงกลาง แต่ถ้าเสาเรือนเอาโคนไม้ต่อโคนไม้ เสาต้นนั้นก็จะกลายเป็นเสาเรือนป่องกลาง ซึ่งไม่ดีทั้งสองแบบ ถ้าจะถากจะเหลาก็เสียเวลามาก ท่านจึงใช้วิธีเอาโคนต่อปลายเพราะจะได้เสารูปร่างโคนใหญ่ปลายเล็กเหมือนเสาเรือนทั่วไป

5. บาตรแตกสาแหรกขาด
บาตรเป็นภาชนะใส่ของสำหรับพระสงฆ์ ส่วนสาแหรกเป็นภาชนะใส่ของของชาวบ้านเพื่อใช้หาบคอนไปที่ต่าง ๆ ได้ ถ้าสองสิ่งนี้ชำรุดเสียแล้วก็ไม่ควรใช้ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ และสองสิ่งที่เป็นของที่ต้องขนย้าย บาตรพระต้องใช้เดินบิณฑบาต สาแหรกก็ต้องหาบเดินทาง ถ้าชำรุดระหว่างทางก็ยิ่งอับอายขายหน้าชาวบ้านยิ่งนัก ท่านจึงห้ามใช้ด้วยเหตุนี้

6. ตะลุ่มทาชาด กินช้อนหอยมุก
ตะลุ่มคือภาชนะไม้ที่ใช้ใส่ชามอาหาร ถ้าเป็นภาชนะใส่ชามอาหารแบบชาวบ้านจะทำง่าย ๆ ด้วยไม้ต่อเรียกว่า กระบะ แต่ถ้าเป็นตะลุ่มจะทำทรวดทรงให้งามกว่ากระบะด้วยการทำเป็นแปดเหลี่ยมบ้าง ย่อมุมไม้สิบสองบ้าง และมักประดับประดาทาสีแดงด้วยชาด บางอันก็จะประดับด้วยกระจกมุกให้งดงาม เพื่อใ้ช้ใส่อาหารถวายพระและทำเป็นสำรับของขุนนางเจ้านาย ช้อนที่ทำจากหอยมุกก็เช่นกัน ถ้าชาวบ้านจะใช้ช้อนทำจากกระเบื้องหรือกะลา ส่วนช้อนหอยมุกเป็นของเจ้านายเท่านั้น โบราณท่านจึงห้ามใช้ของเหล่านี้ เพราะเป็นการทำเทียมเจ้านายและพระสงฆ์นั่นเอง




7. ร่วมอาสน์ท้าวพระยา
นี่ก็เป็นความเชื่อเรื่องการทำตนเทียมเจ้านายขุนนาง คือที่นั่งของชนชั้นสูง อย่าได้ไปนั่งเข้าจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นการต้องธรณีสาร เพราะคนไทยเราแต่โบราณเป็นสังคมที่มีการแบ่งชนชั้น ถึงแม้จะไม่ตายตัวเหมือนระบบวรรณะของชาวอินเดีย แต่ก็มีการให้เกียรติแก่ชนชั้นสูง คนแต่ก่อนท่านจึงไม่ยอมทำตนเทียมชนชั้นสูงเด็ดขาด

8. ถอดงาช้างเถื่อน
การฆ่าช้างป่าเพื่อเอางา เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญและมีกำลังผู้คนมาก ๆ เพราะสมัยก่อนพรานป่ามีเพียงหอกแหลนหลาวธนูและหน้าไม้ ซึ่งอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ช้างตายโดยเร็วเหมือนปืน พอดีพอร้ายช้างที่กำลังบาดเจ็บอาจหันมาทำร้ายเราจนตายได้ โบราณท่านจึงห้าม

9. เลื่อนผีตายโหง ไม้สักต่อโลง โยงเข้าป่าช้า
สามเรื่องนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องก็ว่าได้ เป็นเรื่องของสัปเหร่อที่ต้องดำเนินการ คนแต่ก่อนท่านจึงห้ามคนทั่วไปเข้าไปยุ่ง เพราะผีตายโหงนั้นคือคนที่ตายด้วยอุบัติเหตุ สภาพของศพจึงน่ากลัวกว่าคนที่แก่ตายเจ็บตาย ท่านห้ามเพราะกลัวเราไปเห็นภาพน่าสยดสยองนั่นเอง

10. ชายกระเบนเช็ดหน้า
ชายกระเบนเป็นส่วนที่เหน็บกับก้น ซึ่งเราต้องนั่งทับอยู่ตลอดเวลา ผ้าชายกระเบนจึงมีโอกาสสัมผัสกับฝุ่นและความสกปรกมากว่าผ้าส่วนอื่น การเอาชายกระเบนมาเช็ดหน้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ เพราะเท่ากับเราเอาผ้าสกปรกมาเช็ดหน้านั่นเอง

11. ก้างปลาจิ้มฟัน
ก้างปลานั้นถึงจะแหลมแต่มีความเปราะ ถ้าเราเอามาจิ้มฟันแคะเศษอาหารในปาก ดีไม่ดีก้างปลาอาจหักคาซอกฟันหรือตำให้เหงือกเป็นแผลได้ โบราณท่านจึงห้าม

12. กระไดสี่ขั้น
ที่โบราณท่านห้ามเพราะความลำบากของช่างไม้นั่นเอง การทำขั้นบันไดเป็นเลขคู่นั้นทำยากกว่าทำขั้นเป็นเลขคี่ เพราะถ้าจะทำบันไดสี่ขั้นเราต้องเอาความยาวของแนวบันไดมาหารด้วยห้า ซึ่งมักจะเหลือเศษความยาว ถ้าช่างวัดแบ่งไม่ดี ขั้นบันไดอาจไม่เท่ากันได้ แต่ถ้าเราทำบันไดหกขั้น เราก็เอาหกหารความยาวของแนวบันได เลขหกซึ่งเป็นเลขคู่จะทำให้หารลงตัวได้ง่าย ไม่เหลือเศษ การวดการแบ่งขั้นบันไดจึงง่าย โบราณท่านจึงห้ามเพราะเป็นห่วงช่างทำขั้นบันไดนั่นเอง





13. ปลูกเรือนร่วมวัด ไม้กวาดปัดหลังคา
วิถีชีวิตของชาวบ้านกับพระสงฆ์นั้นต่างกันมาก การปลูกบ้านใกล้ชิดวัดขนาดที่เราอยู่บนเรือนสามารถเอาไม้กวาดบ้านเราเอื้อมไปกวาดหลังคาวัดได้นั้นจึงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เอาเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่นการรับประทานอาหาร พระท่านฉันสองมื้อเว้นมื้อเย็น แต่ชาวบ้านเรา ๆ รับประทานอาหารสามมื้อ

พอตกเย็นเราหุงข้าวผัดพริกหอมฉุย คิดหรือว่ากลิ่นจะไม่ลอยลมเข้าวัด พระท่านได้กลิ่นก็คงหิวเหมือนกัน แต่ท่านก็ต้องทนเพราะท่านเป็นพระ นี่แค่เรื่องนี้ก็บาปแล้วที่ไปยั่วกิเลสพระ นี่แค่เรื่องเดียวไหนจะเรื่องการอยู่ การมีคู่ครอง การทำมาหากิน ประกอบอาชีพ เราก็สามารถสร้างความเดือดร้อนให้พระได้ คนโบราณท่านจึงให้ปลูกเรือนห่างวัดก็ด้วยเหตุนี้นี่เอง

14. เสาเรือนฟ้าผ่า
เสาเรือนที่เคยโดนฟ้าผ่า อาจมีร่องรอยชำรุด ซึ่งไม่มั่นคงแข็งแรกพอที่จะนำมาใช้ปลูกเรือนครั้งใหม่ ท่านจึงถือว่าเป็นของต้องธรณีสารไม่ควรนำกลับมาใช้

15. หลังคาไฟไหม้
สิ่งนี้ก็เช่นเดียวกับเสาเรือนฟ้าผ่าเช่นกัน ถึงจะดับไฟได้ยังเหลือไม้โครงหลังคาบางส่วน เราก็ไม่ควรนำมาใช้ใหม่เช่นกัน เพราะอาจมีบางส่วนชำรุดที่เรามองไม่เห็น เมื่อเอาไปใช้จึงรู้ว่าชำรุด โบราณท่านจึงห้าม

16. ใช้แม่กระได ใช้กระดานบานประตู
คนโบราณท่านมักอ้างว่าที่บานประตูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเรือนอยู่จะเอามาทำแม่กระไดให้คนเหยียบย่ำเป็นสิ่งไม่สมควร แต่ความจริงในหลักเหตุผลานั้น แม่กระไดต้องใช้ไม้ที่มีความหนาและมั่นคงแข็งแรง แต่บานประตูเป็นไม้ที่มีความบาง ถ้าจะเอามาทำแม่กระไดจึงไม่มัน่คงแข็งแรง ใช้ไปไม่นานก็จะพังได้

17. เลี้ยงนกประสมคู่ หนูน้อยมีไข่
นกที่ขังกรงไว้เพื่อให้มีลูกมีหลาน ถ้าเป็นลูกนกอายุไม่เท่าไรก็สามารถออกไข่ได้แล้ว โบราณท่านไม่ให้เลี้ยง เพราะนั่นคือนกที่จะกลายพันธุ์แล้ว ลูกหลานที่ออกมาก็จะไม่แข็งแรงและอายุสั้นลงตามไปเรื่อย ๆ ท่านจึงถือเป็นของต้องธรณีสาร

18. เสาเรือนไฟไหม้ ปักไม้เสาเจาะ
ข้อห้ามนี้ก็เช่นเดียวกับที่ห้ามเรื่องเสาเรือนฟ้าผ่า เพราะเสาเรือนที่เคยโดนไฟไหม้มันคือเสาที่ไม่แข็งแรงนั่นเอง จะเจาะจะปักอย่างไรก็หาความแข็งแรงไม่ได้

@@@@@@@

เป็นอย่างไรบ้างครับ เมื่ออ่านจบมาถึงตอนสุดท้ายความเชื่อต่างๆเขามีเหตุผลนะครับ คนโบราณมีเหตุและผลในการนำเสนอคำสอนหรือข้อห้ามต่างๆที่แยบยลและน่าสนใจ บางคนคงไม่เชื่อ แต่บางคนก็เชื่อ แล้วแต่นะครับ สิทธิในการแสดงความคิดและความเห็นของแต่ละคน แต่ถ้าเราไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่เป็นดีที่สุดครับ







ขอขอบคุณ :-
website : https://board.postjung.com/1413187
โพสท์โดย : เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย man
อ้างอิงจาก : wikipedia และ YouTube
คลิกชมได้ที่นี่ : https://youtu.be/fvCYliV5zls
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2024, 06:45:44 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ