สาระควรรู้ เกี่ยวกับ พระสารีบุตร
• บำเพ็ญบารมีมา ๑ อสงไขย กำไรแสนกัป
• เกิดวันเดียวกับ พระโมคคัลลานะ
• สำเร็จอรหันต์ วันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
• ปรินิพพาน วันลอยกระทง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
• คืนปรินิพพาน ผู้ปกครองสวรรค์ทั้งหก มหาพรหมชั้นสุทธาวาส มาเยี่ยม
• พระสารีบุตรอยู่ทิศใด เหมือนพระพุทธเจ้าอยู่ทิศนั้น (พระพุทธองค์ตรัสยกย่องว่า "เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย")

ประวัติน่าสนใจของ "พระสารีบุตร"
"พระสารีบุตร" ผู้เป็น "พระอัครสาวกเบื้องขวา" ของพระพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า "เป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านสติปัญญา" เมื่อแรกเกิดมีชื่อว่า "อุปติสสะ" ท่านเกิดวันเดียวกันกับสหายของท่าน คือ "โกลิตะ" ซึ่งต่อมาคือ "พระมหาโมคคัลลานะ" ผู้เป็น "พระอัครสาวกเบื้องซ้าย" ของพระพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า "เป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านผู้มีฤทธิ์มาก"
บรรลุโสดาบันและบวชในพระพุทธศาสนา "พระอัสสชิ" อันเป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์วันหนึ่งท่านถือบาตรและจีวร ไปสู่กรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต "อุปติสสะ" ได้พบพระอัสสชิเถระ ประทับใจในอิริยาบถน่าเลื่อมใส สำรวมดี ของท่านพระอัสสชิเถระ ผู้มีอินทรีย์ฝึกดีแล้ว
จึงเกิดความคิดว่า "ท่านผู้นี้จักเป็นพระอรหันต์" จึงได้เดินตามหลังพระอัสสชิเถระและสอบถามพระอัสสชิเถระในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับคำสอนของพระศาสดา พระอัสสชิจึงได้กล่าวคำสอนของพระพุทธองค์ว่า
"พระพุทธองค์ท่านกล่าวบทอันลึกซึ้งละเอียดทุกอย่าง เป็นเครื่องฆ่าลูกศร คือ ตัณหา เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล ว่า ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้" _______________________________
ที่มา :
http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_83.html
"พระสารีบุตร" สำเร็จเป็น "พระอรหันต์"
ณ ถ้ำสุกรขาตา หรือ ถ้ำพระสารีบุตร ตั้งอยู่ ณ เชิงเขาคิชฌกูฏ ในขณะที่ท่านกำลังถวายงานพัดให้แก่ พระพุทธองค์อยู่นั้น พระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมเกี่ยวกับ "ทิฏฐิและเวทนา" ให้กับทีฆนขปริพาชก. พระสารีบุตรก็ได้ฟังธรรมเหล่านั้นด้วยจึงทำให้ "พระสารีบุตร" ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ และ "ทีฆนขปริพาชก" ได้บรรลุโสดาบัน
ซึ่งวันนั้นคือ "วันเพ็ญเดือนมาฆะ" หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ให้กับพระอรหันต์ ๑.๒๕๐ รูป (บริวารของพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ๒๕๐ รูปและบริวาลของชฎิล ๓ พี่น้อง ๑.๐๐๐ รูป)_______________________________
ที่มา :
http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_83.html
บั้นปลายชีวิตของ "พระสารีบุตร"
พระสารีบุตรนั้น "นิพพาน" ก่อนพระพุทธเจ้า แต่ก่อนที่ท่านจะละสังขารเข้าสู่นิพพาน ท่านพิจารณาเห็นว่า สมควรที่จะนิพพานในห้องที่ตนเองคลอดจากท้องมารดา เมื่อคิดเช่นนั้นจึงเข้าไปกราบทูลสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วเดินทางไปกับพระจุนทะผู้น้องชายพร้อมด้วยบริวาร
เมื่อไปถึงบ้านเดิมแล้วก็เกิด "ปักขันทิกาพาธ" คือ "โรคท้องร่วง" ขึ้นในคืนนั้น ในเวลาที่ท่านกำลังอาพาธอยู่นั้น.ก็ได้เทศนาโปรด "มารดา" จนได้บรรลุ "พระโสดาบัน" พอเวลาใกล้รุ่งของคืนเพ็ญเดือน ๑๒ ท่านก็ดับขันธ์นิพพาน
พระจุนทะผู้น้องชายก็ได้ร่วมกับญาติทำฌาปนกิจสรีระของท่านในวันรุ่งขึ้น แล้วเก็บอัฐิธาตุนำไปถวายพระบรมศาสดา ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ในเมืองสาวัตถี พระพุทธองค์โปรดให้ก่อเจดีย์ บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรเถระไว้ ณ พระเชตวันมหาวิหาร _______________________________
ที่มา :
http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_83.html
พระพุทธองค์ตรัสยกย่องพระสารีบุตร
จาก อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปทานสูตร > อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา
ณ พระนครสาวัตถีนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์อันบวรที่ปูไว้ ณ บริเวณคันธกุฎี ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นผู้แก่ ภิกษุบางรูป เมื่อเราบอกว่าเราไปตามทางนี้กันเถิด ได้ไปเสียทางอื่น บางรูปวางบาตรและจีวรของเราไว้บนพื้น พวกเธอจงเลือกภิกษุรูปหนึ่ง เป็นอุปฐากประจำของเรา."
ภิกษุทั้งหลายเกิดธรรมสังเวช.
ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ตั้งความปรารถนาไว้กะพระองค์ บำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป ธรรมดาอุปฐากมีปัญญามากเช่นข้าพระองค์สมควรมิใช่หรือ ข้าพระองค์จักอุปฐากพระองค์ ดังนี้."
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสารีบุตรว่า
"อย่าเลย สารีบุตร เธออยู่ในทิศใด ทิศนั้นไม่ว่างเปล่าทีเดียว โอวาทของเธอเช่นเดียวกับโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เธอไม่ต้องทำหน้าที่อุปฐากเรา."
พระมหาสาวก ๘๐ รูป เริ่มแต่พระมหาโมคคัลลานะเป็นต้นได้ลุกขึ้นโดยทำนองเดียวกัน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามพระสาวกเหล่านั้นทั้งหมด. แต่พระอานนทเถระนั่งนิ่งทีเดียว. ฯ_________________________________________
ที่มา :
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=1&p=1#อุปฏฺฐากปริจฺเฉทวณฺณนา