« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2024, 10:58:38 am »
0
.
ทศพิธราชธรรม ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระนิพนธ์ “ทศพิธราชธรรม ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ใน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จัดทำขึ้นจากธรรมบรรยายเรื่อง “ทศพิธราชธรรม” ที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงบรรยายเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระผู้ทรงมหันตคุณอันประเสิรฐยิ่ง แก่พสกนิกรชาวไทย ในอุตตมมงคลวโรกาสที่ พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พระพรรษา ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๐
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติไทยก็ได้ทรงดํารงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมตาม เยี่ยงโบราณราชประเพณีมาโดยตลอด นับแต่ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นต้นมา และได้ทรงประกาศพระราชปณิธานในการปกครองแผ่นดินไว้อย่างชัดเจน ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ได้พระราชทานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
คําว่า โดยธรรมในพระบรมราชโองการนี้ จึงเข้าใจว่า ตามครรลองแห่ง ทศพิธราชธรรมและพระคุณธรรมในทางพระพุทธศาสนานั่นเอง คําสอนเรื่องทศพิธราชธรรมนั้น มีแสดงไว้ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาว่าเป็นของเก่า มีมาก่อนพุทธกาลโบราณ บัณฑิตนิยมแสดงถวายพระราชาผู้ปกครองประชาชน ครั้นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้น ทรงเห็นว่าเป็นคําสอนที่ดีมีประโยชน์ จึงได้ทรงนํามาตรัสสอน โดยตรัสเล่าไว้ในคัมภีร์ชาดก อันเป็นที่รวมของเรื่องเก่าก่อนพุทธกาล เรียกคำสอนหมวดนี้ว่า "ราชธรรมมี ๑๐ ประการ" คือ
๑. ทาน การให้ เพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์ บูชา เป็นต้น
๒. ศีล การระวังรักษาความประพฤติทางกาย วาจา ตลอดถึงใจให้สงบเรียบร้อย
๓. ปริจจาคะ การเสียสละ เช่น การเสียสะสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม, การเสียสละสุขที่พอประมาณ เพื่อประโยชน์สุขที่เป็นส่วนใหญ่, การเสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, การเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต, การที่ยอมเสียสละทั้งชีวิตทั้งทรัพย์ทั้งอวัยวะเพื่อรักษาธรรม
๔. อาชชวะ ความซื่อตรง
๕. มัททวะ ความอ่อนโยน
๖. ตปะ ความเพียรพยายามเพื่อกําจัดความเกียจคร้าน และความชั่ว ในอันปฏิบัติหน้าที่ให้สําเร็จด้วยดี ไม่
ทอดทิ้งหน้าทีมุ่งร้ายผู้อื่น
๗. อักโกธะ ความไม่โกรธ ตลอดถึงไม่พยายาม
๘. อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียนผู้อื่น ตลอดถึงสัตว์มีชีวิตให้ได้ทุกข์เดือดร้อน
๙. ขันติ ความอดทนต่อความทุกข์ยาก ต่อถ้อยคํา และเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ทั้งปวง
๑๐. อวิโรธนะ การปฏิบัติไม่ให้ผิดจากทางที่ถูกที่ควร ไม่ให้ผิดจากทํานองคลองธรรม แต่ให้เป็นไปตามธรรม
เนื่องจากราชธรรมมี ๑๐ ประการ จึงนิยมเรียกกันว่า "ทศพิธราชธรรม" ซึ่งแปลตรงตัวว่า ธรรมสําหรับพระราชา ๑๐ ประการ
@@@@@@@
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชจริยาวัตร เนื่องในทศพิธรราชธรรมอย่างไรบ้าง สําหรับประชาชนทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะมีความรู้เกี่ยวกับทศพิธราชธรรมแล้ว ก็คงจะไม่เข้าใจหรือมองไม่เห็นว่า ทรงมีพระราชจริยาวัตรที่นับว่า เป็นการปฏิบัติทศพิธราชธรรมอย่างไรบ้าง แต่สําหรับผู้ที่รู้เรื่องทศพิธราชธรรมดีก็คงประจักษ์ด้วยตนเองว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงมีพระราชจริยาวัตรที่มั่นคงอยู่ในหลักทศพิธราชธรรมอย่างไรบ้าง
พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวๆในด้านต่าง ๆ เท่าที่ทรงปฏิบัติเป็นประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติ และประชาชน นับแต่เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ ซึ่งเป็นเวลายาวนานถึง ๔๒ ปีนั้น มีมากมายเกินกว่าที่ จะบรรยายได้ในที่นี้ และพระราชกรณียกิจเหล่านั้น ก็ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงพระราชจริยาวัตรอันนับเนื่องในทศพิธราชธรรมทั้งนั้น ในที่นี้จะขอนํามาแสดงพอเป็นตัวอย่าง เพื่อประกอบความเข้าใจในเรื่องทศพิธราชธรรมแต่เพียงบางประการ เท่าที่เวลาจะอำนวยให้
พระราชกรณียกิจที่สําคัญประการหนึ่งของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พวกเราคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี ก็คือ การเสด็จพระราชดําเนินทรงเยี่ยมเยียนประชาชนในที่ต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยียนนั้น ก็จะพระราชทานสิ่งของต่าง ๆ แก่ประชาชน ในถิ่นนั้น ๆ ตามความเหมาะสมแก่ปัญหาและความต้องการของพวกเขาเหล่านั้น เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประชาชนบ้าง เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นบ้าง เช่น ในดินแดนที่ห่างไกลไร้สถานที่ศึกษา ก็พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้สร้างโรงเรียน ตลอดถึงพระราชทานอุปกรณ์การเรียนแก่นักเรียน
@@@@@@@
ในที่ที่ประชาชนขาดที่ทํามาหากิน ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนเข้าทำกินในรูปของโครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ เช่น โครงการฯ หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี โครงการฯ ทุ่งลุยลาย จังหวัดชัยภูมิ และพระราชทานที่นาของสํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในจังหวัดต่าง ๆ รวมกว่า ๕๐,๐๐๐ไร่ สําหรับจัดสรรให้ประชาชนผู้ยากจนทํากิน เป็นต้น
ในบางท้องที่ที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเกษตร ก็ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน อุปกรณ์ที่จําเป็น พร้อมทั้งพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์เลี้ยงชนิดต่าง ๆ ในท้องถิ่นที่ขาดแคลนน้ําก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างเหมืองฝายบ้าง อ่างเก็บน้ำบ้าง พระราชทานหรือพระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบ้าง เป็นต้น
นอกจากจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพัสดุสิ่งของอันจําเป็นแก่ การยังชีพและการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นในด้านต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว ยังได้ทรงพระกรุณาพระราชทาน พระราชดําริและพระราชดํารัสในทางวิชาการอันเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์และพัฒนาการศึกษา การอาชีพ การสุขอนามัย และความเป็นอยู่ ของประชาชนอีกเป็นอเนกประการ ดังเป็นที่รู้กันอยู่ สิ่งที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานแก่ประชาชนในลักษณะต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้ ก็มีทั้งส่วนที่พระราชทานจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และจากทุนทรัพย์ที่มีผู้โดยเสด็จพระราชกุศล
ที่กล่าวมาพอเป็นตัวอย่างนี้ ก็คือ พระราชจริยาวัตร ในส่วนที่เป็นการทรงปฏิบัติ ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๑ คือ ทาน การให้ปันอันเป็นการเฉลี่ยความสุขแก่ผู้อื่นตามควรแก่ฐานะ นั้นเอง และจะเห็นได้ว่า สิ่งที่พระราชทานแก่ประชาชนนั้น มีทั้ง พัสดุสิ่งของและความรู้ความคิดอันเป็นประโยชน์ ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า พระราชจริยาวัตรในทศพิธราชธรรมข้อที่ ๑ คือ ทานนั้น ได้ทรงปฏิบัติอย่างครบถ้วน คือ ทั้งอามิสทาน การให้ปันพัสดุสิ่งของและธรรมทาน การให้ปันธรรม คือ ความรู้ ความคิดและข้อแนะนํา อันเป็นประโยชน์ต่อผู้รับในด้านต่าง ๆ
@@@@@@
ผู้ที่มีโอกาสได้เฝ้าแหนหรือใกล้ชิดพระยุคลบาท คงจะได้ประจักษ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงมีพระราชจริยาวัตรทั้งทางพระกายและพระวาจาสงบเรียบร้อยงดงาม ทรงดํารงพระองค์อยู่ในความสงบและมั่นคง ไม่ว่าจะเสด็จฯ หรือประทับ ณ ที่ใด ๆ ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ใด ๆ ไม่ทรงกระทําการใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดเป็นทุกข์เป็นโทษแก่ผู้อื่น ตรงกันข้าม ทรงปฏิบัติแต่พระราชภารกิจอันจะก่อประโยชน์สุข ทั้งแก่พระองค์เองและผู้อื่นเท่านั้น ไม่ตรัสพระวาจาอันจะก่อให้ เกิดความแตกร้าวและเสียหายต่อผู้อื่น แต่ตรัสเท่าที่จําเป็นและในสิ่งที่มีประโยชน์เท่านั้น อันแสดงถึงการที่ทรงควบคุมพระองค์ได้เป็นเลิศในทุกสถานการณ์
ฉะนั้น ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯ หรือประทับอยู่ ณ ที่ใด จึงเป็นที่เย็นใจของผู้ใกล้ชิด เป็นที่เคารพยําเกรงของผู้ประสบพบเห็น และเป็นที่ชื่นชมของพสกนิกรทั่วไป
พระราชจริยาวัตรอันสงบเยือกเย็นและงดงามดังนี้ นับได้ว่าเป็นการทรงปฏิบัติใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๒ คือ ศีล การระวังรักษาความประพฤติทางกาย ทางวาจาให้สงบ เรียบร้อยด้วยทรงรักษาพระราชหฤทัยให้สงบเรียบร้อย นอก จากจะทรงดํารงพระองค์อยู่ในศีลอย่างมั่นคงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงใฝ่พระราชหฤทัยศึกษาและปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาตลอดมามิได้ขาด ทําให้พระราชหฤทัยประกอบด้วยพระคุณธรรมอื่น ๆ อีกอเนกประการ อันเป็นผลสนับสนุนให้ทรงดํารงพระองค์อยู่ในศีลอย่างมั่นคงได้โดยไม่ลําบากจนกลายเป็นพระปกตินิสัย ซึ่งเป็นศีลแท้ ดังเป็นที่ปรากฏแก่เราท่านทั้งหลายแล้ว
@@@@@@@
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้เวลาเสด็จพระราชดําเนินไปทรงเยี่ยมเยียนประชาชนในถิ่นต่าง ๆ ทุกภาค ของพระราชอาณาจักรประมาณปีละ ๘ เดือน ท้องถิ่นที่เสด็จฯไปทรงเยี่ยมเยียนนั้น บางแห่งก็ทุรกันดารมาก บางแห่งถึงต้องเสด็จพระราชดําเนินด้วยพระบาทเป็นระยะทางนับเป็นกิโลเมตร แต่ก็มิได้ทําให้ทรงย่อท้อพระราชหฤทัย เพราะทรงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในอันที่จะเสด็จฯ ไปให้ถึงที่ที่มีปัญหา
ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทุกข์สุขของประชาชนด้วยพระองค์เอง เพื่อที่จะได้ทรงประจักษ์ถึงปัญหาและความต้องการของประชาชนโดยตรงด้วยพระองค์ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้พระราชทานความช่วยเหลือหรือที่จะพระราชทานพระราชดําริแนะนําได้อย่างถูกต้อง คราวหนึ่งได้ทรงมีพระราชดํารัสกับ นักข่าวว่า
“ในหลาย ๆ ประเทศสถาบันกษัตริย์เปรียบเสมือน รูปปิระมิดที่มีประชาชนเป็นฐาน สูงขึ้นไปก็มีบรรดาข้าราชการต่าง ๆ และกษัตริย์อยู่บนยอดปิระมิด แต่หน้าที่ของพระมหากษัตริย์ไทยในปัจจุบันกลับกัน เป็นปิระมิดที่คว่ําหัวลง คือ ประชาชนทั้งหลายอยู่ข้างบนและสถาบันกษัตริย์อยู่ที่จุดล่างสุดทําหน้าที่บริการสนองความต้องการของประชาชนที่อยู่ข้างบน”
จากพระราชดํารัสนี้แสดงถึงพระราชปณิธานในอันที่จะทรงปฏิบัติพระองค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตามพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานแก่ประชาชนว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ด้วยพระราชปณิธานดั่งนี้นั่นเอง ที่กระตุ้นเตือนให้พระองค์ทรงเสียสละความสุขสําราญส่วนพระองค์เสด็จฯ ไป ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ในที่ทุกสถานไม่ว่าจะใกล้ไกล หรือยากลําบากเพียงไร ดังเป็นภาพที่คุ้นตาของพวกเราทั้งหลายอยู่แล้ว ซึ่งอันที่จริงแล้วโดยฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาติ พระองค์ ไม่จําต้องทรงปฏิบัติดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็ได้ แต่ด้วยพลังแห่งพระมหากรุณาและพระราชปณิธานอันแน่วแน่ จึงทําให้พระองค์ไม่อาจจะทรงเฉยเมยต่อความเป็นไปของพสกนิกรของพระองค์ได้
พระราชกรณียกิจในส่วนนี้ นับได้ว่าเป็นการเสียสละประโยชน์สุขส่วนพระองค์เพื่อประชาชนและประเทศชาติโดยแท้ นับได้ว่าเป็นพระราชจริยาวัตรใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๓ คือ ปริจจาคะ การเสียสละประโยชน์สุขส่วนตนเพื่อ ประโยชน์สุขของส่วนรวม
การที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อย่างเที่ยง ตรงต่อภาระหน้าที่ เที่ยงตรงต่อกาลเวลา และเที่ยงตรงต่อ พระราชปณิธานในพระราชหฤทัยที่ทรงมีต่อพสกนิกร โดยมิได้ทรงละเลยและย่อท้อนั้น นับว่าเป็นพระราชจริยาวัตรใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๔ คือ อาชชวะ ความซื่อตรง ต่อตนเอง ต่อหน้าที่ และต่อประชาชน
และด้วยพระราชสํานึกในพระคุณ ธรรมข้อนี้นั่นเอง บางครั้งแม้จะทรงพระประชวร หากไม่มีพระ อาการมากจนเกินไป ก็จะเสด็จพระราชดําเนินไปทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจโดยมิได้ทรงผัดเพี้ยนในการเสด็จพระราชดําเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะในวโรกาสใด หรือ ณ สถานที่ใด จะทรงมีความละมุนละไมและอ่อนโยนเสมอ
เป็นต้นว่า ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับประชาชนตามควรแก่ฐานะด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม ด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนโยนเป็นปกติโดยมิได้ทรงแบ่งชั้นวรรณะ และโดยที่มิได้ทรงถือพระองค์ บ่อยครั้งที่เราจะเห็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับราบบนพื้น เพื่อทรงสนทนากับประชาชน พระราชจริยาวัตรในส่วนนี้นับได้ว่า ทรงปฏิบัติใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๕ คือ มัททวะ ความ อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่งถือตัว
@@@@@@@
และด้วยพระคุณธรรมข้อนี้นั่นเอง จึงทรงเป็นที่เคารพรักของประชาชนทั่วไปไม่ว่าจะเสด็จฯ ที่ไหน ประชาชนต่างก็พอใจที่จะเฝ้าชมพระบารมีโดยไม่รู้จักเบื่อ บางคนอาจจะเดินทางมาจากที่ไกล ๆ เพียงเพื่อขอให้ได้เฝ้าชม พระบารมีเท่านั้นก็พอใจแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโครงการ และพระราชดําริไว้มากมายหลายสาขา ในอันที่จะบรรเทาหรือ แก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ตลอดถึง ได้ทรงติดตามตรวจสอบผลอันจะพึงได้จากโครงการและพระราชดํารินั้น ๆ โดยใกล้ชิดเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเสด็จฯไปทอดพระเนตรโครงการตามพระราชดําริต่าง ๆ นั้นด้วยพระองค์เองเสมอมิได้ขาด เมื่อทรงพบข้อบกพร่อง ก็จะทรงพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เมื่อทรงเห็นว่าได้ผลดีมีประโยชน์ ก็จะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ส่งเสริมให้พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้น
นี้นับว่า เป็นพระราชวิริยะอุตสาหะในอันที่จะแก้ไขปัญหาและ พัฒนาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชน โดยแท้ พระองค์ทรงมีพระราชวิริยะอุตสาหะในพระราช กรณียกิจส่วนนี้อย่างมิรู้จักหยุดยั้ง ฉะนั้น ในปัจจุบันจึงมีโครง การตามพระราชดําริในสาขาต่าง ๆ เกิดขึ้นมา กว่า ๑,๐๐๐ โครงการ ซึ่งโครงการเหล่านี้มีลักษณะคล้ายเป็นการเริ่มต้นให้ รัฐบาลก่อน เป็นแบบที่เรียกกันว่า Pilot Project
เมื่อทรงริเริ่มแล้ว รัฐบาลเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงก็จะเข้ามาร่วม สนับสนุนในภายหลัง เหล่านี้คือพระราชจริยาวัตรใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๖ คือ ตปะ ความเพียร พยายามเพื่อกําจัดสิ่ง เลวร้ายและสร้างสรรค์สิ่งดีงาม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุข ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งในรูปของวัตถุธรรมและนามธรรม
ส่วนพระราชจริยาวัตรอันแสดงออกซึ่งพระเมตตาต่อปวงพสกนิกรในทุกโอกาสที่เสด็จฯ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ไม่เคยทรงแสดงความเกรี้ยวกราดแข็ง กระด้างต่อใคร ๆ แต่ทรงปฏิบัติต่อบุคคลต่าง ๆ ด้วยความ สุภาพอ่อนโยนอย่างพอเหมาะพอควรแก่สถานะนั้นนับเป็นการ ทรงปฏิบัติใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๗ อักโกธะ ความไม่โกรธ ไม่แข็งกระด้างและไม่พยาบาทมุ่งร้ายต่อใคร ๆ พระคุณธรรมข้อนี้คงเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนอยู่แล้วเช่นกัน
@@@@@@@
เนื่องจากทรงดํารงพระองค์มั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม ข้อ อักโกธะ คือความไม่โกรธ ไม่พยาบาทมุ่งร้ายต่อใคร ๆ จึงเป็นการตัดทางที่จะนําไปสู่การกระทําใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดความ เดือดร้อนเสียหายต่อผู้อื่นอย่างปราศจากศีลธรรมและเหตุผลด้วย และก็ไม่เคยปรากฏว่า ได้ทรงกระทําการใด ๆ อัน เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ตลอดไปถึงสัตว์ด้วย มีแต่พระราชทานความร่มเย็นอันเป็นพระมหากรุณาในลักษณะต่าง ๆ ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า ได้ทรงปฏิบัติพระองค์อยู่ใน ทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๘ คือ อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน อย่างบริบูรณ์
การปฏิบัติพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวในโอกาสและสถานที่ต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมา พอเป็นตัวอย่างทั้งหมดนี้ ล้วนแสดงให้เห็นพระคุณธรรมอีกขอหนึ่ง คือ ขันติ ความอดทน อันเป็นทศพิธราชธรรม ข้อที่ ๙
เพราะในการทางปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลาย ๆ โอกาส ในหลาย ๆ สถานที่ ต้องทรงบุกป่าฝ่าดงไปเป็นระยะทางไกล ๆ บางครั้งก็ต้องทรงพระดําเนินไปท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุบ้าง ท่ามกลางสายฝนบ้าง และพระราชกรณียกิจที่ต้องทรงปฏิบัติ นั้นก็มีมากมายจนแทบจะไม่มีเวลาทรงพระสําราญส่วนพระองค์ แต่ถึงกระนั้น ก็ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เหล่านั้นให้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีโดยมิได้ทรงย่อท้อ ทั้งนี้ก็ด้วยพลังแห่งพระขันติธรรม อันเต็มเปี่ยมอยู่ในพระราชหฤทัยนั่นเอง
@@@@@@@
และเมื่อประมวลพระราชจริยาวัตรทั้งมวลที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเข้าด้วยกัน ก็จัดได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติพระองค์อยู่ในทํานองคลองธรรมและต้องตาม พระราชประเพณีที่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทั้งหลายในอดีตได้ทรงปฏิบัติสืบ ๆ กันมาแต่โบราณ ไม่ทรงปฏิบัติพระองค์ แผกเพี้ยนไปจากขัตติยราชประเพณีอันดีงาม และไม่ทรงละเลย คุณธรรมในทางพระศาสนา
ไม่ทรงแสวงหาความสุขสําราญส่วนพระองค์ โดยทรงละเลยพระราชภารกิจอันจะพึงปฏิบัติ หรือ ก่อให้เกิดความทุกข์ยากแก่ประชาชน แต่ตรงกันข้าม ทรงดํารงพระองค์มั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม ทรงใฝ่พระราชหฤทัยในการพระศาสนาและศีลธรรม ทรงปฏิบัติรักษาขนบประเพณีอันดีงามของชาติ และทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ ประชาชนในทุกด้าน
ทั้งหมดนี้นับได้ว่าเป็นพระราชจริยาวัตรใน ทศพิธราชธรรมข้อสุดท้าย คือ อวิโรธนะ การไม่ปฏิบัติให้ผิด จากที่ถูกที่ควร ไม่ผิดจากทํานองคลองธรรม ก็คือปฏิบัติให้เป็นไปตามธรรม ดังที่ได้ตรัสไว้ในพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะแผ่นดินครองแผ่นดินโดยธรรม” นั่นเอง
@@@@@@@
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ดังตัวอย่างที่ได้กล่าวมานี้อย่างสอดคล้องกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาลและประชาชน โดยมิได้ทรงยกหรือแยกพระองค์ออกไปเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากรัฐบาลและประชาชน โดยฐานที่ทรงเป็นองค์พระประมุขแห่งชาติ ก็ด้วยทรงปฏิบัติพระองค์ตามหลักของทศพิธราชธรรม บํารุงสุขของปวงพสกนิกร เช่นเดียวกับที่คนไทยทั้งปวงปฏิบัติ เพื่อบําบัดทุกข์ตามหน้าที่ของตน เพื่อความเจริญก้าวหน้าของชาติบ้านเมือง นั่นเอง
ทรงมีพระราชสํานึกอยู่เสมอว่า คนไทยทุกคนไม่ว่าจะในฐานะเป็นองค์พระประมุขแห่งรัฐคณะรัฐบาล หรือประชาชนสามัญทั่วไป ต่างก็จะต้องใช้สติปัญญาความสามารถให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองตามควรแก่สถานภาพของตน ด้วยสํานึกในความเป็นชาติและโดยมีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นหลักเป็นแกนแห่งการกระทําเสมอเหมือนกันไม่มียกเว้น
ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ นั้น จึงทรงปฏิบัติด้วยพระราชสํานึกและตามพระคุณธรรมมีทศพิธราชธรรม เป็นต้น เยี่ยงที่คนไทยทั้งหลายในทุกฐานะปฏิบัติกันอยู่โดยฐานที่เป็นคนไทย
เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ น้อยใหญ่ ตลอดมามิได้หยุดหย่อน นับแต่เริ่มรัชกาลเป็นต้นมาจนทุกวันนี้ ในปัจจุบันมีคณะกรรมการซึ่งมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลปฏิบัติสนองพระราชดําริทุกแห่ง และมีคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริที่เรียกสั้นว่า กปร. มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงประชาชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ (ยกมาแสดงบางส่วน)
ขอขอบคุณ :-
ที่มา : จากหนังสือ ทศพิธราชธรรม ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) จัดทำโดย มหามกุฏราชวิทยาลัย
website :
https://www.phutthathum.com/สื่อธรรมะ/ธรรมประพันธ์/ทศพิธราชธรรม-ของ-พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2024, 11:40:15 am โดย raponsan »

บันทึกการเข้า

ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ