ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: งูเห่าในสภา นารีในวัด เป็นภัยที่ต้องตระหนัก พระพุทธองค์ตรัสถึงภัยนี้ไว้อย่างไร  (อ่าน 41 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29405
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



งูเห่าในสภา และ นารีในวัด
เป็นภัยที่ต้องตระหนัก พระพุทธองค์ตรัสถึงภัยนี้ไว้อย่างไร.?


๙. ปฐมกัณหสัปปสูตร ว่าด้วยงูเห่า สูตรที่ ๑

[๒๒๙] ภิกษุทั้งหลาย งูเห่ามีโทษ ๕ ประการนี้
          โทษ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
                ๑. เป็นสัตว์ไม่สะอาด
                ๒. เป็นสัตว์มีกลิ่นเหม็น
                ๓. เป็นสัตว์น่ากลัว
                ๔. เป็นสัตว์มีภัย
                ๕. เป็นสัตว์มักทำร้ายมิตร
         ภิกษุทั้งหลาย งูเห่ามีโทษ ๕ ประการนี้แล

         ภิกษุทั้งหลาย ในทำนองเดียวกัน มาตุคามมีโทษ ๕ ประการนี้
         โทษ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
                ๑. เป็นผู้ไม่สะอาด
                ๒. เป็นผู้มีกลิ่นเหม็น
                ๓. เป็นผู้น่ากลัวมาก
                ๔. เป็นผู้มีภัย
                ๕. เป็นผู้มักทำร้ายมิตร(๑-)

___________________________
(๑-) ประทุษร้าย เบียดเบียนแม้มิตรผู้ให้น้ำและโภชนาหารแก่ตน (องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๒๒๙/๙๑)     

          ภิกษุทั้งหลาย มาตุคามมีโทษ ๕ ประการนี้แล
 
                    ปฐมกัณหสัปปสูตรที่ ๙ จบ


@@@@@@@

๑๐. ทุติยกัณหสัปปสูตร ว่าด้วยงูเห่า สูตรที่ ๒
       
[๒๓๐] ภิกษุทั้งหลาย งูเห่ามีโทษ ๕ ประการนี้
         โทษ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
                ๑. เป็นสัตว์มักโกรธ
                ๒. เป็นสัตว์มักผูกโกรธ
                ๓. เป็นสัตว์มีพิษร้าย
                ๔. เป็นสัตว์มีลิ้นสองแฉก
                ๕. เป็นสัตว์มักทำร้ายมิตร
        ภิกษุทั้งหลาย งูเห่ามีโทษ ๕ ประการนี้แล

        ภิกษุทั้งหลาย ในทำนองเดียวกัน มาตุคามมีโทษ ๕ ประการนี้
        โทษ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
                ๑. เป็นผู้มักโกรธ
                ๒. เป็นผู้มักผูกโกรธ
                ๓. เป็นผู้มีพิษร้าย
                ๔. เป็นผู้มีลิ้นสองแฉก
                ๕. เป็นผู้มักทำร้ายมิตร
        ภิกษุทั้งหลาย บรรดาโทษ ๕ ประการนั้น
        การที่มาตุคามมีพิษร้าย หมายถึง ส่วนมากมาตุคามมีราคะจัด
        การที่มาตุคามมีลิ้นสองแฉก หมายถึง ส่วนมากมาตุคามมักพูดส่อเสียด
        การที่มาตุคามมักทำร้ายมิตร หมายถึง ส่วนมากมาตุคามมักนอกใจ
       
        ภิกษุทั้งหลาย มาตุคามมีโทษ ๕ ประการนี้แล

                           ทุติยกัณหสัปปสูตรที่ ๑๐ จบ


ที่มา : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=22&siri=230&fontsz=0





พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ ภาษาบาลี อักษรไทย พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ สุตฺต. องฺ. (๓): ปญฺจก-ฉกฺกนิปาตา

[๒๒๙] ปญฺจิเม ภิกฺขเว อาทีนวา กณฺหสปฺเป กตเม
          ปญฺจ อสุจิ ทุคฺคนฺโธ สภีรุ สปฺปฏิภโย มิตฺตทุพฺภี อิเม โข
          ภิกฺขเว ปญฺจ อาทีนวา กณฺหสปฺเป เอวเมว โข

          ภิกฺขเว ปญฺจิเม อาทีนวา มาตุคาเม กตเม
          ปญฺจ อสุจิ ทุคฺคนฺโธ สภีรุ สปฺปฏิภโย มิตฺตทุพฺภี อิเม โข   
          ภิกฺขเว ปญฺจ อาทีนวา มาตุคาเมติ ฯ

@@@@@@@

[๒๓๐] ปญฺจิเม ภิกฺขเว อาทีนวา กณฺหสปฺเป กตเม 
         ปญฺจ โกธโน อุปนาหี โฆรวิโส ทุชิโวฺห มิตฺตทุพฺภี อิเม โข 
         ภิกฺขเว ปญฺจ อาทีนวา กณฺหสปฺเป เอวเมว โข   

         ภิกฺขเว ปญฺจิเม อาทีนวา มาตุคาเม กตเม   
         ปญฺจ โกธโน อุปนาหี โฆรวิโส ทุชิโวฺห มิตฺตทุพฺภี ตตฺริทํ   

         ภิกฺขเว มาตุคามสฺส โฆรวิสตา เยภุยฺเยน 
         ภิกฺขเว มาตุคาโม ติพฺพราโค ตตฺริทํ 

         ภิกฺขเว มาตุคามสฺส ทุชิวฺหตา เยภยฺเยน   
         ภิกฺขเว มาตุคาโม ปิสุณวาโจ ตตฺริทํ

         ภิกฺขเว มาตุคามสฺส มิตฺตทุพฺภิตา เยภุยฺเยน   
         ภิกฺขเว มาตุคาโม อติจารินี อิเม โข

         ภิกฺขเว ปญฺจ อาทีนวา มาตุคาเมติ ฯ

                    ทีฆจาริกวคฺโค ตติโย ฯ



ที่มา : https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=22&item=229&items=1&preline=0&pagebreak=0&modeTY=2





อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ปัญจมปัณณาสก์ ทีฆจาริกวรรคที่ ๓
๙. สัปปสูตรที่ ๑


อรรถกถาปฐมสัปปสูตรที่ ๙         
พึงทราบวินิจฉัยในปฐมสัปปสูตรที่ ๙ ดังต่อไปนี้ :-
         
บทว่า สภีรุ ได้แก่ เป็นสัตว์ในโพรงนอนหลับสนิทหลับนาน.
บทว่า สปฺปฏิภโย ได้แก่ ภัยย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยงูเห่านั้น.

เพราะฉะนั้น มันจึงชื่อว่า มีภัยเฉพาะหน้า.

บทว่า มิตฺตทุพฺภี ได้แก่ ประทุษร้าย เบียดเบียนมิตร แม้เป็นผู้ให้น้ำและข้าวกิน.
       
ถึงในมาตุคามก็นัยนี้เหมือนกัน.

         จบอรรถกถาปฐมสัปปสูตรที่ ๙ 


@@@@@@@

อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ปัญจมปัณณาสก์ ทีฆจาริกวรรคที่ ๓
๑๐. สัปปสูตรที่ ๒


อรรถกถาทุติยสัปปสูตรที่ ๑๐         
พึงทราบวินิจฉัยในทุติยสัปปสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-
         
บทว่า โฆรวิโส คือ มีพิษร้ายกาจ.
บทว่า ทุชิวฺโห คือ มีลิ้นสองแฉก.
บทว่า โฆรวิสตา คือ เพราะเป็นสัตว์มีพิษร้าย.

แม้ในสองบทที่เหลือก็นัยนี้เหมือนกัน.

         จบอรรถกถาทุติยสัปปสูตรที่ ๑๐       

ที่มา : https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=229&fontsz=0
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=230





อรรถกถาเล่มที่ ๑๖ ภาษาบาลีอักษรไทย องฺ.อ. (มโนรถ.๓)
๙. ปฐมกณฺหสปฺปสุตฺตวณฺณนา


[๒๒๙] นวเม สภีรูติ สนิทฺโท มหานิทฺทํ นิทฺทายติ.
          สปฺปฏิภโยติ ตํ นิสฺสาย ภยํ อุปฺปชฺชติ,
          ตสฺมา สปฺปฏิภโย. มิตฺตทุพฺภีติ ปานโภชนทายกมฺปิ
          มิตฺตํ ทุพฺภติ หึสติ.
          มาตุคาเมปิ เอเสว นโย.


@@@@@@@


อรรถกถาเล่มที่ ๑๖ ภาษาบาลีอักษรไทย องฺ.อ. (มโนรถ.๓)
๑๐. ทุติยกณฺหสปฺปสุตฺตวณฺณนา


[๒๓๐] ทสเม โฆรวิโสติ กกฺขฬวิโส.
         ทุชิโวฺหติ ทฺวิธา ภินฺนชิโวฺห.
         โฆรวิสตาติ โฆรวิสตาย.
         เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.

                        ทีฆจาริกวคฺโค ตติโย.



ที่มา : https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=16&A=2043
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=16&A=2047&modeTY=2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 01, 2025, 02:38:32 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ