ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “วัดหลวง” หรือ “พระอารามหลวง” คืออะไร ต้องเข้าเกณฑ์ใดถึงได้เป็น.?  (อ่าน 31 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (ภาพจาก : วรวิทย์ พาณิชนันท์)


“วัดหลวง” หรือ “พระอารามหลวง” คืออะไร ต้องเข้าเกณฑ์ใดถึงได้เป็น.?

วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว วัดที่เกิดจากราษฎรก็สามารถขึ้นเป็น วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง ได้เช่นกัน

ในหนังสือ “วัดหลวงสมัยรัตนโกสินทร์” อธิบายถึงคำว่า “วัดหลวง” หรือ “พระอารามหลวง” ไว้ว่า…

    “วัดที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ก็ดี พระราชทานเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมา หรือแก่วัดเองก็ดี มีอยู่จำนวนหนึ่งที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารผู้ใหญ่ทรงสร้างหรือสร้างขึ้น หรือทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์และสร้างขึ้น แล้วน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระอารามหลวง รวมถึงวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงด้วย”



วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง (ภาพจาก : fb วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร )


วัดราษฎรหากต้องการยกขึ้นเป็นวัดหลวงจะต้องประกอบด้วยลักษณะสำคัญ 6 ประการ ดังนี้

1. เป็นวัดที่เป็นหลักฐาน โดยมีเสนาสนะถาวรหรือมีปูชนียวัตถุที่เป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ

2. เป็นวัดที่มีการปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักฐาน

3. เป็นวัดที่มีการพัฒนาและมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

4. มีพระสงฆ์จำพรรษาตั้งแต่ 20 รูปขึ้นไปติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีถึงปีปัจจุบัน

5. เป็นวัดสำคัญของท้องถิ่น หรือเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของทางราชการเป็นประจำหรือเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์

6. ต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป

เมื่อเข้าข้อกำหนด 6 ข้อแล้ว นายอำเภอ เจ้าคณะอำเภอจะต้องพิจารณา รายงาน และขอความเห็นชอบตามลำดับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าผ่านแล้วจะรายงานไปยังกรมการศาสนา หากเห็นสมควรก็จะขอความเห็นชอบจากเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดและเจ้าคณะใหญ่ ก่อนจะรายงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เสนอต่อมหาเถรสมาคม จากนั้นกระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการขอพระราชทานวัดนั้นขึ้นเป็นพระอารามหลวง



วัดสุทัศน์และเสาชิงช้า (ภาพจาก : วัดสุทัศนเทพวราราม Wat Suthat)


เมื่อได้เป็นวัดหลวงหรือพระอารามหลวงแล้ว ก็จะแบ่งชั้นและชนิดตามลำดับความสำคัญเป็น 3 ชั้น ดังนี้

1. ชั้นเอก ได้แก่ วัดที่มีเจดีย์สถานสำคัญ วัดที่บรรจุพระบรมอัฐิหรือวัดที่มีเกียรติอย่างสูง มี 3 ชนิด คือ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร และวรมหาวิหาร

2. ชั้นโท ได้แก่ วัดที่มีเจดีย์สถานสำคัญหรือวัดที่มีเกียรติ มี 4 ชนิด คือ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร วรมหาวิหาร และวรวิหาร

3. ชั้นตรี ได้แก่ วัดที่มีเกียรติ วัดประจำเมือง หรือวัดสามัญ มี 3 ชนิด คือ ราชวรวิหาร วรวิหาร และสามัญ

คำว่า “ราชวรมหาวิหาร” “ราชวรวิหาร” “วรวิหาร” “วรมหาวิหาร” “สามัญ” ที่หลายคนเห็นต่อท้ายชื่อวัดยังมีความหมายต่างกัน สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะและที่มาของวัดได้อย่างดี



วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ประกอบ วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง (ภาพจาก : วรวิทย์ พาณิชนันท์)


หากต่อท้ายชื่อวัดว่า “ราชวรมหาวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ทั้งยังมีพระอารามใหญ่โตและมีของก่อสร้างใหญ่โต

ถ้าเป็น “ราชวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์

ส่วน “วรมหาวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์พระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมาก็ดี แก่วัดเองก็ดี รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงควรยกเป็นเกียรติยศจัดว่าเป็นวัดมีเกียรติ มีวรวิหารที่เป็นพระอารามใหญ่โตและมีของก่อสร้างใหญ่โต



พระอุโบสถ วัดราชาธิวาสวรวิหาร (ภาพโดย : วรวิทย์ พานิชนันท์)


ขณะที่ “วรวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์พระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมาก็ดี แก่วัดเองก็ดี รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงควรยกเป็นเกียรติยศจัดว่าเป็นวัดมีเกียรติ

“สามัญ” คือ พระอารามหลวงที่ไม่เข้าในเกณฑ์ดังกล่าว

จากการค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานว่า ปัจจุบันมีพระอารามหลวงทั่วประเทศไทยทั้งหมด 311 แห่ง

อ่านเพิ่มเติม :-

    • วัดโสมนัสฯ “ทัชมาฮาล” เมืองไทย รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างให้ใคร?
    • “วัดหนัง” วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่ยังคง “ชื่อเดิม” จนถึงรัตนโกสินทร์
    • เบื้องหลังชื่อ“วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์” ย่านท่าพระจันทร์ กว่าจะได้มาเปลี่ยนไปหลายรอบ





ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : ปดิวลดา บวรศักดิ์
เผยแพร่ : วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2568
website : https://www.silpa-mag.com/history/article_148705
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ