ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คารวะต่อคนทั่วไป ไม่เคยทำให้ใครเสียศักดิ์ศรี  (อ่าน 9 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29560
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



คารวะ (บาลีวันละคำ 1,512)

คารวะต่อคนทั่วไป ไม่เคยทำให้ใครเสียศักดิ์ศรี
กระด้างดื้อถือดี ก็ไม่เคยทำให้ใครมีเกียรติสูงขึ้น




 st12

คารวะ อ่านว่า คา-ระ-วะ บาลีเขียน “คารว”

“คารว” (คา-ระ-วะ) รากศัพท์มาจาก ครุ + ณ ปัจจัย

(๑) “ครุ” (คะ-รุ) รากศัพท์มาจาก

     ก) ครฺ (ธาตุ = ไหลไป; ลอยขึ้น) + อุ ปัจจัย : ครฺ + อุ = ครุ แปลตามศัพท์ว่า
         (1) “สิ่งที่เลื่อนไหลกว้างขวางไป”
         (2) “ผู้ลอยเด่น”
     ข) คิรฺ (ธาตุ = คาย, หลั่ง) + อุ ปัจจัย, ลบสระต้นธาตุ (คิรฺ > ครฺ) : คิรฺ + อุ = คิรุ > ครุ แปลตามศัพท์ว่า
         (1) “ผู้คายความรักให้หมู่ศิษย์”
         (2) “ผู้หลั่งความรักไปในหมู่ศิษย์”

“ครุ” ในบาลีใช้ในความหมายว่า
      (1) หนัก, น้ำหนักบรรทุก (heavy, a load)
      (2) สำคัญ, ควรเคารพ, พึงเคารพ (important, venerable, reverend)
      (3) คนที่ควรนับถือ, ครู (a venerable person, a teacher)

(๒) ครุ + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อุ ที่ (ค)-รุ เป็น โอ แล้วแปลง โอ เป็น อว (ครุ > คโร > ครว), ทีฆะ อะ ที่ต้นศัพท์ คือ ค-(รว) เป็น อา ด้วยอำนาจ ณ ปัจจัย (ครว > คารว) : ครุ + ณ = ครุณ > ครุ > คโร > ครว > คารว (ปุงลิงค์)

แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะแห่งครุ” หมายถึง การคารวะ, ความเคารพ, ความนับถือ (reverence, respect, esteem) ; ความยำเกรง, ความนอบน้อม (respect for, reverence towards)

@@@@@@@

ความหมายในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า

“คารวะ : (คำนาม) ความเคารพ, ความนับถือ. (คำกริยา) แสดงความเคารพ. (ป.).”

ในภาษาไทย เคยมีคำพูดติดปากอันเนื่องมาจากสำนวนหนังสือกำลังภายในว่า “ขอคารวะหนึ่งจอก” เป็นคำพูดประกอบกิริยารินสุราแล้วน้อมยื่นให้ด้วยความนับถือ

“คารวะ” ท่านจัดเป็นมงคลข้อหนึ่งในมงคล 38 ประการ อันเป็นคุณธรรมที่ยังผู้ประพฤติปฏิบัติให้เข้าถึงความสุขความเจริญก้าวหน้า





“คารวะ” สำหรับชาวพุทธ โดยเฉพาะภิกษุ มีอะไรบ้าง พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ข้อ [261] แสดงไว้ดังนี้

[261] คารวะ หรือ คารวตา 6 (ความเคารพ, การถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะพึงใส่ใจและปฏิบัติด้วยความเอื้อเฟื้อ หรือโดยความหนักแน่นจริงจัง, การมองเห็นคุณค่าและความสำคัญแล้วปฏิบัติต่อบุคคลหรือสิ่งนั้นโดยถูกต้อง ด้วยความจริงใจ — Gārava, Gāravatā : reverence ; esteem ; attention ; respect; appreciative action)

1. สัตถุคารวตา (ความเคารพในพระศาสดา — reverence for the Master) ข้อนี้บางแห่งเขียนเป็น พุทธคารวตา (ความเคารพในพระพุทธเจ้า — Satthu-gāravatā: reverence for the Buddha)

2. ธัมมคารวตา (ความเคารพในธรรม — Dhamma-gāravatā: reverence for the Dhamma)

3. สังฆคารวตา (ความเคารพในสงฆ์ — Saŋgha-gāravatā: reverence for the Order)

4. สิกขาคารวตา (ความเคารพในการศึกษา — Sikkhā-gāravatā: reverence for the Training)

5. อัปปมาทคารวตา (ความเคารพในความไม่ประมาท — Appamāda-gāravatā: reverence for earnestness)

6. ปฏิสันถารคารวตา (ความเคารพในปฏิสันถาร คือ การต้อนรับปราศรัย — Paṭisanthāra-gāravatā: reverence for hospitality)

ธรรม 6 อย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแห่งภิกษุ.

@@@@@@@

: คารวะต่อคนทั่วไป ไม่เคยทำให้ใครเสียศักดิ์ศรี
: กระด้างดื้อถือดี ก็ไม่เคยทำให้ใครมีเกียรติสูงขึ้น




Thank to : https://dhamtara.com/?p=5133
25 กรกฎาคม 2016 tppattaya2343@gmail.com
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29560
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
.



คารวะ ในมงคลสูตร (บาลีวันละคำ 3,304)

ดูก่อนภราดา.! อำนาจทำให้คนกลัวได้ แต่ทำให้คนเคารพไม่ได้



 :25:

คารวะ ในมงคลสูตร

ความเคารพ คำในพระสูตร : คารโว จ (คา-ระ-โว จะ) “คารวะ” อ่านว่า คา-ระ-วะ

“คารวะ” เขียนแบบบาลีเป็น “คารว” อ่านว่า คา-ระ-วะ รากศัพท์มาจาก ครุ + ณ ปัจจัย


(ก) “ครุ” (คะ-รุ) รากศัพท์มาจาก

     (1) ครฺ (ธาตุ = ไหลไป; ลอยขึ้น) + อุ ปัจจัย : ครฺ + อุ = ครุ แปลตามศัพท์ว่า
          -(1) “สิ่งที่เลื่อนไหลกว้างขวางไป”
          - (2) “ผู้ลอยเด่น”

     (2) คิรฺ (ธาตุ = คาย, หลั่ง) + อุ ปัจจัย, ลบสระต้นธาตุ (คิรฺ > ครฺ) : คิรฺ + อุ = คิรุ > ครุ แปลตามศัพท์ว่า
         - (1) “ผู้คายความรักให้หมู่ศิษย์”
         - (2) “ผู้หลั่งความรักไปในหมู่ศิษย์”

“ครุ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้

     เป็นคุณศัพท์ หมายถึง
     (1) หนัก, น้ำหนักบรรทุก (heavy, a load)
     (2) สำคัญ, ควรเคารพ, พึงเคารพ (important, venerable, reverend)
     เป็นคำนาม (ปุงลิงค์) หมายถึง
     (3) คนที่ควรนับถือ, ครู (a venerable person, a teacher)

@@@@@@@

(ข) ครุ + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อุ ที่ (ค)-รุ เป็น โอ แล้วแปลง โอ เป็น อว (ครุ > คโร > ครว), ทีฆะ อะ ที่ต้นศัพท์ คือ ค-(รว) เป็น อา ด้วยอำนาจ ณ ปัจจัย (ครว > คารว) : ครุ + ณ = ครุณ > ครุ > คโร > ครว > คารว (ปุงลิงค์)

แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะแห่งครุ” หมายถึง การคารวะ, ความเคารพ, ความนับถือ (reverence, respect, esteem); ความยำเกรง, ความนอบน้อม (respect for, reverence towards)

ความหมายในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า

“คารวะ : (คำนาม) ความเคารพ, ความนับถือ. (คำกริยา) แสดงความเคารพ. (ป.).”





ขยายความ

มงคลข้อที่ 22 ในมงคล 38 ตามนัยแห่งมงคลสูตร คำบาลีในพระสูตรว่า “คารโว จ” (คา-ระ-โว จะ) แปลว่า “ความเคารพ ประการหนึ่ง”

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [353] มงคล 38 บอกไว้ว่า

22. คารโว จ (ความเคารพ, การแสดงออกที่แสดงถึงความเป็นผู้รู้จักคุณค่าของบุคคล สิ่งของ สถานที่ หรือกิจการนั้นๆ และรู้จักให้ความสำคัญและความใส่ใจเอื้อเฟื้อโดยเหมาะสม — Gārava : reverence ; respect ; appreciative action)

“คารวะ” สำหรับชาวพุทธ โดยเฉพาะภิกษุ มีอะไรบ้าง พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ข้อ [261] แสดงไว้ดังนี้

[261] คารวะ หรือ คารวตา 6 (ความเคารพ, การถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะพึงใส่ใจและปฏิบัติด้วยความเอื้อเฟื้อ หรือโดยความหนักแน่นจริงจัง, การมองเห็นคุณค่าและความสำคัญแล้วปฏิบัติต่อบุคคลหรือสิ่งนั้นโดยถูกต้อง ด้วยความจริงใจ — Gārava, Gāravatā : reverence ; esteem ; attention ; respect ; appreciative action)

1. สัตถุคารวตา (ความเคารพในพระศาสดา — reverence for the Master) ข้อนี้บางแห่งเขียนเป็น พุทธคารวตา (ความเคารพในพระพุทธเจ้า — Satthu-gāravatā: reverence for the Buddha)

2. ธัมมคารวตา (ความเคารพในธรรม — Dhamma-gāravatā : reverence for the Dhamma)

3. สังฆคารวตา (ความเคารพในสงฆ์ — Saŋgha-gāravatā : reverence for the Order)

4. สิกขาคารวตา (ความเคารพในการศึกษา — Sikkhā-gāravatā : reverence for the Training)

5. อัปปมาทคารวตา (ความเคารพในความไม่ประมาท — Appamāda-gāravatā : reverence for earnestness)

6. ปฏิสันถารคารวตา (ความเคารพในปฏิสันถาร คือ การต้อนรับปราศรัย — Paṭisanthāra-gāravatā : reverence for hospitality)

ธรรม 6 อย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแห่งภิกษุ.

@@@@@@@

ในคัมภีร์ท่านแสดงอานิสงส์ของ “คารวะ = ความเคารพ” ไว้ดังนี้

โส สุคติคมนาทีนํ เหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
มงฺคลตฺตวจเนน จสฺส อคารวสฺส อมงฺคลตฺตํ ทีปิตํ โหติ.
อคารโว หิ ทุคฺคติคมนาทิเหตุโต อมงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.

ความเคารพนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งอิฐผลมีไปสุคติ เป็นอาทิ.
ก็ความที่อคารวะนั้นไม่เป็นมงคล เป็นอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว ด้วยการตรัสความที่คารวะนั้นเป็นมงคล.
ความจริง ความไม่เคารพพึงทราบว่าเป็นอมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งอนิฐผลมีไปทุคติ เป็นต้น.

_______________________________
ที่มา : มังคลัตถทีปนี ภาค 2 ข้อ 262 หน้า 194

@@@@@@@

ดูก่อนภราดา.! อำนาจทำให้คนกลัวได้ แต่ทำให้คนเคารพไม่ได้




ขอบคุณ : https://dhamtara.com/?p=16002
29 มิถุนายน 2021 | Admin ชมรมธรรมธารา


 :25: :25: :25:

มงคลสูตร ว่าด้วยมงคล (จุฬา)

[๙] (๒๒) ความเคารพ (๒๓) ความถ่อมตน (๒๔) ความสันโดษ (๒๕) ความกตัญญู 
      (๒๖) การฟังธรรมตามกาล นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

|๖.๘| คารโว จ นิวาโต จ  สนฺตุฏฺฐี จ กตญฺญุตา
         กาเลน ธมฺมสฺสวนํ   เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ฯ


@@@@@@@

ความในอรรถกถา : คาถาที่ ๗ (มี ๕ มงคล)
   
บัดนี้ พึงทราบวินิจฉัยในคาถานี้ว่า คารโว จ เป็นต้นดังต่อไปนี้.

ความเคารพ ชื่อว่า คารวะ.
ความประพฤติถ่อมตน ชื่อว่า นิวาตะ.
ความสันโดษ ชื่อว่า สันตุฏฐี
การรู้อุปการะที่ผู้อื่นทำแล้ว ชื่อว่า กตัญญุตา.

บทว่า กาเลน ได้แก่ โดยขณะ คือโดยสมัย.
การฟังธรรมชื่อว่า ธัมมัสสวนะ.
คำที่เหลือมีนัยอันข้าพเจ้ากล่าวแล้วนั้นแหละ.
นี่คือการพรรณนาเฉพาะบท.

------------------------

ส่วนการพรรณนาเนื้อความ พึงทราบดังต่อไปนี้.
       
การกระทำความเคารพ การกระทำความหนักแน่น ความเป็นผู้มีคารวะตามสมควร ในพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า สาวกของพระตถาคตเจ้า อาจารย์ อุปัชฌาย์ มารดาบิดา พี่ชายพี่สาวเป็นต้น ที่ควรแก่การกระทำความเคารพ ชื่อว่า คารวะ เพราะคารวะนี้นั้น เป็นเหตุแห่งการไปสู่สุคติภพเป็นต้น

เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ (ในจูฬกัมมวิภังคสูตร) ว่า(๑-)

บุคคลกระทำความเคารพในบุคคลผู้ควรเคารพ ได้แก่นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา บุคคลเช่นนั้นเบื้องหน้าแต่การตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ด้วยกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานแล้วอย่างนี้. ถ้าหากว่าเบื้องหน้าแต่การตายเพราะกายแตก เขาไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาสู่ความเป็นมนุษย์ จะอุบัติในที่ใดๆ ในภายหลัง ย่อมเป็นคนมีสกุลสูง ในที่นั้นๆ

____________________________
(๑-) ม. อุ. เล่ม ๑๔/ข้อ ๕๙๓

เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า(๒-)

ภิกษุทั้งหลาย อปริหานิยธรรม ๗ ประการเหล่านี้.
๗ ประการ อะไรบ้าง คือ มีความเคารพในพระศาสดาเป็นต้น

____________________________
(๒-) องฺ. สตฺตก. เล่ม ๒๓/ข้อ ๒๙

เพราะฉะนั้น ความเคารพ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่าเป็นมงคล.
         
------------------------

ความเป็นผู้อ่อนน้อม คือ ความเป็นผู้มีความประพฤติถ่อมตน ชื่อว่า นิวาตะ ความประพฤติถ่อมตน.
บุคคลประกอบด้วยความเป็นผู้ประพฤติถ่อมตนใด ถูกนำมานะออกแล้ว ถูกนำความกระด้างออกแล้ว เป็นผู้เสมอด้วยผ้าเช็ดเท้า เป็นผู้เสมอด้วยโคเขาขาด และเป็นผู้เสมอด้วยงูที่ถูกถอนเขี้ยวเสียแล้ว เป็นผู้มีวาจาอ่อนหวานไพเราะและเสนาะโสต นี้ชื่อว่า นิวาตะ.

นิวาตะนี้นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งการได้คุณมียศเป็นต้น ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า บุคคลที่มีความประพฤติถ่อมตนเช่นนั้น เป็นผู้ไม่กระด้างแล้ว ย่อมได้ยศ(๓-) ดังนี้เป็นต้น

____________________________
(๓-) ที. ปา. เล่ม ๑๑/ข้อ ๒๐๕


ที่มา : อรรถกถา ขุททกนิกาย สุตตนิบาต จูฬวรรค (มงคลสูตร หน้าต่างที่ ๒/๒.)
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25.0&i=317&p=2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันนี้ เวลา 09:04:02 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ