ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เตือนคนไทย ทำบุญได้บาป ? หยิบยื่นยาพิษให้สงฆ์บริโภค  (อ่าน 3611 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

รายงานพิเศษ : เตือนคนไทย ทำบุญได้บาป ? หยิบยื่นยาพิษให้สงฆ์บริโภค


          ไม่รู้ว่าเป็น "กรรม" หรือ เป็น "บาป" ของคนไทย ที่เกิดปัญหาสังคม ทางด้าน ศีลธรรม และ คุณธรรม เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า หลายฝ่ายจะพยายามช่วยกันขจัดให้มันหมดไปจาก แวดวงของสังคม แต่ พอปัญหาหนึ่งจบสิ้นลง อีกปัญหาหนึ่งก็เกิดซ้ำขึ้นมาอีก แถมเป็นการ เกิดซ้ำแบบ หน้าด้าน ทนทาน เหมือน พวกเชื้อโรคดื้อยา หรือ ไม่กลัวยา นั่นแหละ

          ขนาดว่าจะพยายามตัดตอน แบบวิธี ล้างไพ่กันใหม่ เพื่อให้ สิ่งที่เกิดใหม่ ไม่มีเชื้อโรคปลอมปนเข้ามา แต่พอเริ่มเกิดของใหม่ขึ้นมา เจ้าเชื้อโรคร้ายก็แฝงเข้ามาอีกจนได้

          ทำนองเดียวกับ "การเมือง" ที่ พอไม่เป็น ประชาธิปไตย ก็ด่า พอ เป็นประชาธิปไตย ครึ่งใบก็ด่า อีก จนถึงเป็น ประชาธิปไตยเต็มใบ ก็ยังถูกด่าไม่ยุติเสียที

          เตือนคนไทยใจบุญระวัง !? ทำบุญได้บาป

หลังมีร้านขายสังฆทานหัวใสนำวัตถุดิบหมดอายุมาจัดจำหน่ายอยู่ในรูปแบบของ สินค้าเพื่อการทำสังฆทาน ซึ่งทาง ด้านสคบ.(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) จะได้เร่งออกสำรวจร้านจำหน่ายสังฆภันฑ์ทั่วประเทศและประกาศว่า หากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินการทางกฎหมายทันที แต่ดูเหมือนว่า ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่

          ปัจจุบันบรรดาพุทธศาสนิกชน ทั้งหลายนิยมถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์ กันมากขึ้น
จนสังฆทานกลายเป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่งที่กำลังมีนักธุรกิจและนักการตลาดมอง เห็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเริ่มมีคนนำ "สังฆทาน" มาเป็นสินค้าแบบพุทธพาณิชย์ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

          แต่เบื้องหลังของสังฆทานในวันนี้ไม่ได้ "ผ่องแผ้ว"เสียแล้วเมื่อมีคนเห็นแก่ได้จำนวนไม่น้อยนำวัตถุดิบที่ใกล้หมด อายุหรือหมด มาบรรจุลงไปในถังสีเหลืองสวยงามเพื่อให้คนใจบุญทั้งหลายซื้อหาไปทำบุญตามวัด ต่างๆทั่วประเทศนั้น บางส่วนมีสิ่งของที่หมดอายุใส่เข้าไปในถังด้วย ส่งผลทำให้พระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้รับสังฆทานและนำไปบริโภคนั้นเกิดอาการ "อาพาธ"จนต้องหามส่งโรงพยาบาลกันอยู่เรื่อยๆ


          นายถนัด มานะพันธุ์นิยม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ตระหนักถึงปัญหาของการนำ สินค้าหมดอายุไปบรรจุเป็นสังฆทานสำเร็จรูปจึงได้มีการออกสุ่มตรวจสินค้า ประเภทดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง และหลังจากสุ่มตรวจก็พบว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

          แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากที่มีกระแสข่าวการลักลอบนำสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน สินค้าหมดอายุบรรจุในสังฆทานล่าสุด รายการมุมมืดได้ทำการสุ่มสำรวจสังฆทานที่พุทธศาสนนิกชนจะนำไปทำบุญตามโอกาส ต่างๆพบว่ามีปัญหาเช่นนี้อยู่ สคบ.จึงได้หามาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อไป

          โดยล่าสุดได้มีการจัดการประชุมผู้ประกอบธุรกิจสินค้าที่ควบคุมฉลากเรื่องการ จัดทำฉลากสินค้าประเภทชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมตามประกาศว่าด้วยฉลากโดย เชิญผู้ประกอบธุรกิจด้านนี้มาทำความเข้าใจ ซึ่งจากผลการประชุมในครั้งนั้นมีข้อสรุปว่า

ผู้ประกอบการติดฉลากบอกราย ละเอียดของสินค้าชุดสังฆทานและชุดไทยธรรม ตั้งแต่วันผลิต ส่วนประกอบ วันหมดอายุ ราคา และหลังจากวันนี้แล้วจะให้เวลากับร้านจำหน่ายเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเตรียมปรับปรุง ขณะเดียวกันจะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสุ่มตรวจทั่วประเทศ โดยในกรุงเทพมหานครจะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

          ส่วนต่างจังหวัดได้แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเป็น พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบฉลากชุดสังฆทานและชุดไทยธรรม หากพบร้านจำหน่ายกระทำผิดจะตักเตือนก่อน หลังจาก 3 เดือนแล้วหากไปตรวจพบกระทำผิดเป็นครั้งที่ 2 จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

          "เราไม่ทำลักษณะที่รุนแรงแต่จะถือโอกาสทำความเข้าใจก่อน ชี้แจงให้เข้าใจว่าสังฆทานและไทยธรรมเป็นสินค้าประเภททำบุญ ทำทาน ทุกคนก็คงปรารถนาเดียวกันคือทำบุญทำกุศล เพราะฉะนั้นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย หรือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคถือเป็นการทำบาป ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ที่ผ่านมา สคบ.ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคและพระสงฆ์ เช่น ผ้าสบงไม่เต็มผืนจนพระใช้ไม่ได้ ธูปแนบหนึ่งมีเพียง 3 ดอก เครื่องกระป๋องหมดอายุ กระป๋องบุบเป็นสนิม ฯลฯ"


          ถนัด อธิบายต่อไปว่า หากมีร้านใดที่ยังใช้สินค้าด้อยคุณภาพ หมดอายุ ออกมาจำหน่ายจนเกิดการร้องเรียนหรือมีการร้องเรียนเข้ามายัง สคบ.จะตักเตือนก่อนหากฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที สำหรับโทษของร้านจำหน่ายชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมที่ทำผิดประกาศว่าด้วยฉลาก จะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ส่วนผู้ผลิตจะมีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

          แม้ว่าทางฟากของรัฐบาลจะงัดมาตรการขั้นเด็ดขาดออกมาใช้แต่ยังมีพ่อค้าแม่ขาย ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวจนยอมที่จะเสี่ยงกระทำผิดพร้อมๆกับทำบาปโดยการนำ สินค้าด้อยคุณภาพและหมดอายุออกจำหน่ายอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันยังมี สังฆทานที่ด้อยคุณภาพตามวัดต่างๆ

          พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย บอกว่า เคยพบถังสังฆทานที่ญาติโยมนำมาถวายไม่ได้คุณภาพเหมือนกัน แต่เราไม่โทษคนนำมาถวาย แต่คงต้องโทษบางร้านที่นำมาขาย โดยคิดถึงแต่ผลกำไรมากกว่า บางแห่งรู้กันกับวัด นำสังฆทานมาวนขายนอกวัดด้วยก็มีเช่นกัน กลายเป็นธุรกิจสังฆทานไปแล้ว

          อย่างไรก็ตามอาตมาก็อยากจะขอแนะนำญาติโยมที่ต้องการถวายสังฆทาน ถ้าจะให้มั่นใจในคุณภาพของใช้ที่จะนำถวาย ควรไปซื้อสินค้าแต่ละชนิดจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือห้างสรรพสินค้า ก่อนนำมาบรรจุใส่ถุงก็ได้ ซื้อของที่จำเป็นในการดำรงชีพ หรือของที่พระในวัดนั้นขาดแคลน นำไปถวายก็จะเป็นประโยชน์สูงสุด ได้บุญกุศล พระภิกษุที่รับก็จะได้อนุโมทนา ตรงกับวัตถุประสงค์ด้วย

          ขณะที่พระมหาสุพัฒน์ ชุติวทฺฒโน วัดบวรนิเวศวิหาร บอกว่า ปัญหาเรื่องสังฆทานไม่ได้คุณภาพ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดความผิดพลาดในการจัดวางสังฆทานรวมกันในถัง เช่น นำสบู่หรือผงซักฟอกไปวางติดกับถุงข้าวสาร พออัดแน่นกันนานๆ กลิ่นมันติดเข้าไปในของอีกชิ้นหนึ่ง จนไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่ในส่วนปัญหาที่เกิดจากความตั้งใจกระทำของร้านค้านั้น หรือบางร้านจะยัดหนังสือพิมพ์หรือกระดาษแข็งเข้าไว้เต็มก้นถัง ส่วนที่เป็นสังฆทาน หรือข้าวของเครื่องใช้จริง ๆ จะถูกบรรจุไว้แถวขอบปากถังเพื่อให้ดูว่ามีของใช้มากมายจนล้นปากถัง

          "ข้าวของเครื่องใช้ที่บรรจุมักเป็นของคุณภาพต่ำ เช่น ธูปเทียนคุณภาพต่ำ แปรงสีฟันที่ขนแปรงแข็งโป๊ก ผ้าอาบน้ำฝนที่ใส่มาพอเป็นพิธีคือ ขนาดกว้างยาวไม่เกิน 1 เมตร ที่นำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ น้ำปลาราคาถูกที่ดูออกว่าเป็นน้ำใส่สีละลายเกลือ ข้าวสารที่ใส่มาแค่ถุงเล็ก ๆ หยิบมือเดียวพอเป็นพิธี"พระมหาสุพัฒน์กล่าว


          การทำสังฆทานนั้นพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเชื่อว่าคนที่ได้มีโอกาสทำจะได้บุญ กุศลที่สูงส่งซึ่งความเชื่อนี่เองทำให้สังฆทานกลายเป็นการทำบุญอีกแบบหนึ่ง ที่ชาวพุทธนิยมปฏิบัติจนกลายเป็นที่มาของปัญหาดังกล่าวข้างต้น

          "สังฆทาน" หมายถึง การถวายสิ่งของแก่พระภิกษุสงฆ์ ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปจึงจะครบองค์ประชุม ซี่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าการถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงแล้ว จะได้บุญสูงสุดยิ่งกว่าถวายแก่พระอรหันต์หรือถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย ทั้งนี้เพราะพระพุทธเจ้าทรงต้องการให้ชาวพุทธเป็นคนใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อ แผ่

          ดังนั้นเมื่อใครก็ตามที่ได้ถวายสังฆทานแล้วพระสงฆ์ที่มารับกล่าวคำว่า "อาตมารับแทนสงฆ์" นั่นหมายความว่าพระสงฆ์รูปนั้น ๆ ถือเป็นตัวแทนรับแทนคณะสงฆ์ทั้งวัดเพื่อมารับสังฆทาน และจะต้องนำสังฆทานที่ได้รับการถวายนั้นเข้าส่วนกองกลางของวัด เพื่อเป็นประโยชน์แก่พระภิกษุสงฆ์ภายในวัด

          สำหรับการถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์นั้นจะมีหลัก 3 ประการคือ หนึ่งมีความตั้งใจจริงก่อน สองปัจจัยที่หามานั้นต้องบริสุทธิ์ และสิ่งของเหล่านี้จะต้องไปหามาด้วยตัวเองและถวายด้วยตัวเอง ถ้าทำตามหลักทั้ง 3 ประการก็ถือว่าได้บุญแล้ว ซึ่งการจัดสังฆทานถวายพระสงฆ์นั้นต้องประกอบด้วยวัตถุทาน 10 อย่าง อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม ใบมีดโกน ผงซักฟอก เครื่องดื่ม ผ้าอาบน้ำฝน และของอื่น ๆเป็นต้น

          ทั้งนี้ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม หรือศูนย์คุณธรรม ได้สนับสนุนให้ทางบริษัทกันตนาเป็นผู้ผลิตเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ถึงปัญหาและรู้เท่าทันการเอาเปรียบของผู้ประกอบการที่ขาดจิตสำนึก และเพื่อร่วมกันสอดส่องไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก หากผู้ใดสนใจจะขอชมสารคดีชุดนี้ ติดต่อได้ที่ศูนย์คุณธรรม โทร.644 - 4901-3

          ทำบุญด้วยใจ คนทำบุญก็จะเป็นสุขใจ ส่วนคนทำบุญด้วยจิตวิญญาณ ความสุขในชีวิตจะเชื่อมโยงต่อไปชั่งกาลนาน--จบ--

ที่มา: http://www.naewna.com
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ