โลกกำลังจะแตกหรือ?ผมรู้สึกเสียใจกับภัยพิบัติของชาวญี่ปุ่นไม่น้อยกว่าทุกคน
ขอไว้อาลัยด้วยการระลึกถึงบุญกุศลที่ทำมาเท่าที่จะนึกออก
และอธิษฐานให้ความสว่างแห่งบุญ
อันปรากฏในห้วงมโนทวาร จะมีประมาณใด
ขอเจาะจงอุทิศให้ผู้ล่วงลับทั้งหมดทั้งสิ้นความสะเทือนของแผ่นดินญี่ปุ่นครั้งนี้
นับเป็นความสะเทือนใจของคนทั่วโลกพร้อมกัน
อาจจะเป็นเพราะญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญที่ผู้คนรู้จักดี
มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศเคยผ่านไปเยือนมาแล้ว
หรืออาจจะเป็นเพราะภาพชวนสลดที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
เห็นว่าภัยจากน้ำและไฟล้างเมืองน่าสยดสยองเพียงใด
หรืออาจจะเป็นเพราะเพิ่งเกิดแผ่นดินไหวที่นิวซีแลนด์มาไม่นาน
ชวนให้หวั่นใจกันว่าครั้งหน้าจะเป็นที่ใดอีก
ห้วงแห่งการนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะตาย
เข้ากันได้ดีกับการฝึกความเป็นพุทธ
เพราะพุทธเราสรรเสริญการเตรียมความพร้อมที่จะตาย
และติเตียนความประมาท นึกอยู่ว่าจะมีชีวิตเรื่อยๆร่ำไปพุทธเราสรรเสริญจิตที่ผ่องแผ้ว
เพราะย่อมเป็นเหตุให้ตายสว่าง ขึ้นไปสู่สุคติ
คือมีมนุษยภูมิ เทวภูมิ และพรหมภูมิเป็นที่หวังได้
กับทั้งติเตียนจิตที่เศร้าหมอง
เพราะย่อมเป็นเหตุให้ตายมืด ไหลลงสู่ทุคติ
คือมีนรกภูมิ เดรัจฉานภูมิ และเปรตภูมิเป็นที่เหมาะสม
ชาวพุทธและศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ
ที่มีศรัทธาเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ
นับว่าได้เปรียบคนไร้ศาสนา
เพราะในเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม เจียนอยู่เจียนตาย
ย่อมเกิดความอบอุ่นใจ
สามารถระลึกถึงบุญกุศลที่ทำมา
หรือนึกถึงศาสดาอันเป็นที่ตั้งของศรัทธาเฉพาะตน
ได้ด้วยความมั่นคงแห่งใจ
ไม่ใช่นึกอะไรไม่ออก เคว้งคว้าง และหวาดกลัวท่าเดียว
คำว่า "แค่มั่นใจในตัวเองก็พอแล้ว" ที่ท่องมาทั้งชีวิต
ดูเหมือนเอาไปใช้ตอนใกล้ตายไม่ได้เลยสำหรับคนไร้ศาสนา
สรุปคือถ้ามีศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา
คุณไม่ต้องกลัวตาย ไม่ต้องหวาดผวาว่าภัยจะมาถึงตัวเมื่อไร
แต่หากขาดศรัทธา ก็ควรเร่งหาไว้ก่อนสาย
คราวนี้มาคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้
เราคงได้ยินเสียงแห่งความตื่นภัยจากรอบด้านระงมดังขึ้นเรื่อยๆ
แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่เป็นการ "เมาท์" กันตามความเชื่อ
หรือไม่ก็เจอใบสั่งอุดปาก
ไม่ใช่พูดคุยกันตามข้อเท็จจริงตามที่ควรจะเป็น
ธรรมชาติของการเมาท์นะครับ
คนรู้ครึ่งๆกลางๆ กับคนไม่รู้อะไรเลย
จะพูดจาคล้ายๆกัน คือเชื่ออย่างไรก็พูดอย่างนั้น
หวังเอาอารมณ์ร่วมเป็นหลัก
ซึ่งถ้าเล่นกันแบบนี้ล่ะก็
อย่าว่าแต่เรื่องข้างหน้าที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยครับ
ขนาดเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
คนยังเอามาเป็นข้อถกเถียง
แสดงความเห็นหลากๆกันได้ไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งของการบั่นทอนสติ
ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญแห่งสติ
ตอนนี้คนในโลกมีอยู่สามพวก
พวกแรกยืนกรานกระต่ายขาเดียวไม่เชื่อเรื่องโลกแตก
แม้กระทั่งเกิดภัยพิบัติขึ้นถี่ๆที่โน่นที่นี่ในช่วงหลัง
แต่เมื่อยังมาไม่ถึงตัว
ก็จะยังคงย้ำคิดย้ำพูดอยู่ว่าไม่มีอะไรหรอก
ทุกอย่างจะเหมือนเดิม
กลุ่มนี้จะปฏิเสธทุกสิ่ง
เสียงแข็งว่าไม่ต้องเตรียมตัว ไม่ต้องเตรียมใจ
แถมไปด่าคนที่เขาอยากรับรู้ความจริงเพื่อเตรียมตัว
หาว่าโง่งมงายหรือเป็นกระต่ายตื่นตูม
พวกที่สองเชื่อเรื่องโลกแตกมากเกินไป
ไม่ว่าเกิดข่าวร้ายที่ไหน
ก็เอามาผสมกันจนกลายเป็นจินตนาการหลอนไปหมด
คล้ายทุกอย่างจะจบสิ้นในไม่กี่วันข้างหน้า
ไม่เป็นอันทำอะไร เตรียมตัวเตรียมใจไม่ถูก
เอาแต่หดหู่เศร้าหมองกัน
แม้ใครจะพยายามอธิบายว่าโลกจะยังไม่แตก
มีแต่การเปลี่ยนแปลงที่อาจไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด
ก็จะปิดกั้น ไม่รับฟังใดๆทั้งสิ้น
ปักใจยึดอยู่กับความสิ้นหวังท่าเดียว
พวกสุดท้ายคือยอมรับว่าตัวเองรู้อะไรบ้าง ไม่รู้อะไรบ้าง
พวกนี้ยังแบ่งย่อยออกไปได้อีก
คืออยากศึกษาหาข้อเท็จจริงเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ
กับไม่ได้อยากค้นคว้าอะไรเพิ่มเติม
เพราะรู้สึกว่าตัวก็พร้อม ใจก็พร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งอยู่แล้วคนพวกสุดท้ายนี้ ถ้ามีความเป็นนักวิทยาศาสตร์เสียหน่อย
ไม่มีใจเอียงไปทางเชื่อสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่งไว้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
กับทั้งขยันค้นคว้าหาความจริงมานานพอ
ก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการกลับมาบอกต่อแก่เพื่อนๆได้เป็นอย่างดี
เท่าที่ผมอ่านๆมาและเข้าข่ายดังกล่าว เอาแบบไกลตัวหน่อย
น่าจะได้แก่ชาวออสเตรเลียนามว่า โรเบิร์ต บาสต์ (Robert Bast)
ซึ่งทำตัวเหมือนเหมือนพวกเราสักคน
ที่สงสัยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
แล้วใช้เวลานับสิบปีไปรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาทั้งหมด
เพื่อให้ได้ข้อสรุปอย่างเป็นกลาง
ตัดเรื่องเหลวไหลทิ้ง เหลือไว้แต่เรื่องที่มีมูลมาให้อ่านกัน
แบบกระชับสั้น เอาแต่เนื้อๆ ไม่เอาน้ำ
ทุกบรรทัดให้ความกระจ่าง
คลายปมสงสัยที่มักเกิดขึ้นในใจคนที่ฟังทางโน้นทีทางนี้ทีจนสับสน
เขาเขียนเป็นหนังสือแจกฟรี
เป็นการเขียนแบบไม่ได้อวดตัวว่ารู้อนาคต
แต่ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่ารู้ปัจจัยต่างๆในปัจจุบันมากพอ
ความยาวแค่ ๑๕ หน้า แต่เนื้อหาหลักโยงใยกับคำพยากรณ์ดังๆ
ตลอดจนข้อเท็จจริงอันเป็นวิทยาศาสตร์ไว้ครบ
เป็นฐานความรู้ที่เอาไปต่อยอดได้ทันที
ข้อสรุปที่ได้หลังจากอ่านหนังสือขนาดสั้นของเขา คือ
"ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่มีการทำนายใดๆบอกไว้ชัดเจน
มีแต่ความประจวบกันของคำพยากรณ์ที่ลงตัวทางเวลา และต้องตีความ"
ดาวน์โหลดได้หลังจากให้อีเมลรับลิงก์ที่http://survive2012.com/index.php/2012-facts-ebook.htmlถ้าคุณอยู่ในอารมณ์อยากร่วมกับกลุ่มที่เชื่อเรื่องมหาหายนะ
และคุยกันแบบทำนายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
เพื่อให้ได้ข้อสรุปหลังจากอ่านเนื้อหาทั้งหมด คือ
"หลักฐานจากพิบัติภัยทางธรรมชาติหลังๆ คือลางแห่งโลกาวินาศ"
เข้าไปอ่านได้อย่างจุใจที่
http://blog.2012pro.com/หรือแบบเป็นวิทยาศาสตร์น้อยลงที่
http://www.december212012.com(ข้อควรระวังคือบางกระทู้อาจเหน็บแนมพวกไม่เชื่อเรื่อง 2012
หาว่าดื้อด้าน ไม่ยอมลืมตาดูความจริงที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตา)
ถ้าคุณอยู่ในอารมณ์อยากด่าพวกเชื่อเรื่องโลกแตก
ยืนพื้นความคิดอยู่ที่ว่า
"2012 คงเหมือนกับอดีตคำทำนายครั้งแล้วครั้งเล่าที่เป็นหมันหมด"
ไม่ว่าจะเป็นสงครามนิวเคลียร์ 1999
คอมพิวเตอร์รวน Y2K
ตลอดจนอุกาบาตชนโลก 2003 ฯลฯ
ก็เข้าไปอ่านเพื่อความสบายใจยิ่งขึ้นได้ที่http://www.2012hoax.org/(ข้อควรระวังคือเว็บนี้อาจมีเนื้อหาเอียงไปในทางกระทบกระเทียบ
ด่าทอคนเชื่อเรื่องโลกแตก 2012 ว่าหลอกง่าย โง่เง่าเต่าตุ่น)
ลิงก์ทั้งหมดที่ผมคัดมาข้างต้น ล้วนคุยกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ไม่ใช่เอะอะจะเชื่อๆ แบบไม่ต้องมีข้อมูลอะไรมายันกัน
อย่างน้อยก็ดีกว่าเปิดสภากาแฟเมาท์กันแบบเลื่อนลอย
แต่ถ้าไม่อยากอ่านอะไรรุงรังแบบโลกๆ
อยากรู้สึกว่าได้เตรียมตัวแบบพุทธไว้พร้อมแล้ว
ขอแนะนำหนังสือ "เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว" ฉบับ อยู่สบาย ไปสบาย
ดาวน์โหลดอ่านได้ทั้งเล่มที่http://dungtrin.com/prepare/LiveWellToDieWell.pdfส่วนจินตนาการเกี่ยวกับโลกก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ขอแนะนำนวนิยายเรื่อง "จิตจักรพรรดิ"
ตอนมาเฟียพลังจิต
http://dungtrin.com/EmperorMind/Vol1.pdfตอนลายเซ็นจักรพรรดิ
http://dungtrin.com/EmperorMind/Vol2.pdfและตอนโลกาวินาศ
http://dungtrin.com/EmperorMind/Vol3.pdfแล้วคุณคงพบในที่สุดว่าโลกภายนอกหวั่นไหวกัมปนาทขนาดไหน
จะมีผลน้อยมากหากโลกภายในของเรามั่นคงสงัดเงียบดีพอแล้วครับ

ดังตฤณ
มีนาคม ๕๔
ที่มา www.dlitemag.com