การปฏิบัติ ภาวนาโดยไม่ฝึก สมาธิ มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จคุณธรรม ก่อน..ผู้ที่ฝึกสมาธิ ใช่หรือไม่ ครับ
หรือ ผู้ที่ฝึกสมาธิ มีโอกาส ได้คุณธรรมก่อนครับ
มีตัวอย่างประกอบหรือไม่ ครับ
สมาธิมีมาก่อนพุทธกาล รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ กสิณต่างๆ มีมาก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หวังว่า คนจำ อาฬารดาบส อุททกดาบส หรือ ชฎิลสามพี่น้อง ได้นะครับ
การตอบคำถามของคุณ tasawang ต้องขอยกตัวอย่าง ดังนี้ครับ
พระพาหิยเถระ เอตทัคคะในทางตรัสรู้เร็วพลันพาหิยะ ได้พยายามกราบทูลอ้อนวอนถึง ๓ ครั้ง พระบรมศาสดา จึงทรงแสดงพระธรรม
เทศให้ฟัง โดยตรัสสอนให้สำรวมอินทรีย์ คือ เมื่อเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่า
ได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส และสัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้น อย่า
ยินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น และหมั่นสำเหนียกศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่เป็น นิตย์
พาหิยะ ส่งกระแสจิตไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลในทันที
พระสารีบุตรเถระ เอตทัคคะในทางผู้มีปัญญาพระอัสสชิเถระ ได้ฟังคำของอุปติสสปริพาชก(ชื่อเดิมของพระสารีบุตร)แล้ว
จึงกล่าวหัวข้อธรรมมีใจความว่า:-
“ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด (เกิดแต่เหตุ)พระตถาคตเจ้า ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้นพระมหาสมณะ ตรัสอย่างนี้”
อุปติสสะ เพียงได้ฟังหัวข้อธรรมนี้จากพระเถระเท่านั้นก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เกิด
ธรรมจักษุ คือ ดวงตาเห็นธรรมว่า:-
“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับเป็นธรรมดา” ดังนี้
เมื่อเปรียบเทียบ พระพาหิยะ กับพระสารีบุตร ตามพระสูตร ไม่ได้กล่าวพระพาหิยะเรียกสมาธิมาจากไหน
และอาจเป็นไปได้ที่ไม่ได้เรียนมาเลย แต่พระสารีบุตร ก่อนที่จะพบพระอัสสชิ ได้เข้าศึกษาในสำนัก
สญชัยปริพาชก ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่า ท่านศึกษาอะไร แต่ก็เป็นไปได้ที่ท่านจะเรียนสมาธิจาก สญชัยปริพาชก
เมื่อเทียบการบรรลุธรรมแล้ว พระพาหิยะ กลับบรรลุเร็วกว่า พระสารีบุตร ซึ่งได้เพียงโสดาบัน
ขอยกตัวอย่างอีกคน คือ
พระสีวลีเถระ เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก สีวลีกุมาร บรรลุอรหันต์ ตอนอายุ ๗ ขวบ
พระสารีบุตรเถระ ผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้น คือ
ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้
พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งานเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่ง
เหล่านี้
สีวลีกุมาร ได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจรดมีดโกนเพื่อ
โกนผม ครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็น
พระสกทาคามี จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ
ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ในกรณีของพระสีวลี เรียนกรรมฐานกับพระสารีบุตรขณะโกนผม พอโกนเสร็จก็บรรลุอรหันต์ขอยกตัวอย่างอีกคน
พระปฏาจาราเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงพระวินัย นางปฏาจารา เกิดในตระกูลเศรษฐี ถูกกักบริเวณอยู่แต่ในปราสาท ไม่น่าที่จะได้เรียนสมาธิ
หลังจากหนีตามผู้ชายออกมา ในที่สุดสามีลูกชายตายหมด เธอรับไม่ได้ เสียใจมาก จนเสียสติ
แต่พระพุทธเจ้า ก็เทศน์จนเธอบรรลุโสดาบัน
จากตัวอย่างบุคคลที่ยกมา น่าจะพอให้แนวคิดได้ว่า ไม่ว่าจะเรียนสมาธิมาหรือไม่ ก็บรรลุธรรมได้เช่นกัน
บรรลุช้าหรือเร็วกว่ากัน คงสรุปไม่ได้ แต่ขอนำข้อธรรม จักร ๔ มาแสดงดังนี้ครับ
จักร ล้อ, ล้อรถ, ธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุจล้อนำรถไปสู่ที่หมายมี ๔ อย่างคือ
๑. ปฏิรูปเทสวาสะ อยู่ในถิ่นที่เหมาะ
๒. สัปปุริสูปัสสยะ สมาคมกับคนดี
๓. อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ ๔. ปุพเพกตปุญญตา ได้ทำความดีไว้ก่อน ผมขอสรุปเอาเองว่า การบรรลุธรรมจะช้าหรือเร็ว น่าจะขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมาแต่ชาติก่อนๆ
ผมให้น้ำหนักกับคำว่า "ปุพเพกตปุญญตา" มากกว่าคำอื่น 