ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จิตปภัสสร จิตเศร้าหมอง จิตล่วงทุกข์ ได้อย่างไร  (อ่าน 3618 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
พุทธภาษิตจากพระโอษฐ์ ว่าด้วยเรื่อง..จิต


2.1 แก้ที่ต้นตอ
     พระเมฆิยเถระ...ปล่อยให้ความวิตก ๓ อย่างเข้าครอบงํา พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
          คนมีปัญญา
          ทำจิตที่ดิ้นรนกวัดแกว่ง
          รักษายาก ห้ามยาก ให้ตรงได้
          เหมือนช่างศรทำลูกศรให้ตรงได้ฉันนั้น




               ปลาถูกเขาจับโยนไปบนบก
          ย่อมดิ้นรนเพื่อจะกลับไปยังแหล่งน้ำที่เคยอาศัย
          จิตใจเราก็เช่นเดียวกัน ดิ้นรนไปหากามคุณ
          เพราะฉะนั้น จึงควรละเว้นกามคุณเสีย




2.2 ไม่แน่ไม่นอน
     ภิกษุรูปหนึ่ง...สนทนากับนางมาติกมาตา นางมาติกมาตานั้นเป็น พระอนาคามีพร้อมด้วยอภิญญาจึงสามารถทราบวาระจิตของผู้อื่นได้ ภิกษุนั้นเป็นเพียงปุถุชนมีความละอายจึงหนีไปยังสํานักของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนภิกษุนั้นด้วยภาษิตว่า...
         จิตควบคุมยาก แปรเปลี่ยนง่าย
         ใฝ่ในอารมณ์ตามที่ใคร่
         ฝึกจิตเช่นนั้นได้เป็นการดี
         เพราะจิตที่ฝึกดีแล้วนำความสุขมาให้




2.3 สุขุมคัมภีรภาพ
     อุกกัณฐิต...ออกบวชเป็นภิกษุ มีความอึดอัดใจในพระอภิธรรมและพระวินัยจึงปรารถนาจะสึก พระภิกษุอาจารย์ทั้ง ๒ ได้นําตัวเข้าเฝ้าพระ พุทธเจ้า อุกกัณฐิตภิกษุกราบทูลว่าถูกศีลและอภิธรรมห้ามปรามไว้ทุกสิ่ง ทํากิจใดไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ทําจิตกิจโดยตรัสภาษิตว่า...
          จิตเห็นได้ยาก ละเอียดยิ่งนัก
          มักใฝ่ในอารมณ์ตามที่ใคร่
          ผู้มีปัญญาจึงควรควบคุมจิตไว้ให้ดี
          เพราะจิตที่ควบคุมได้แล้วนำสุขมาให้




2.4 อย่างลังเล
     ชายเลี้ยงโคผู้หนึ่ง...ออกบวชเพราะความต้องการอาหาร เขาบวชๆ สึกๆ อยู่ถึง ๖ ครั้ง การบวชครั้งที่ ๗ เขาจึงบรรลุอรหัตผล ไม่มีความ อาลัย ไม่ข้องเกี่ยวกับทางโลกอีกต่อไป ภิกษุทั้งหลายทราบความที่พระจิตตหัตถเถระกล่าวว่าตนไม่อาลัย ไม่ข้องเกี่ยวในกามคุณอีกแล้ว จึงโจษกันว่าพระจิตตหัตถเถระกล่าวคําไม่จริง พยากรณ์อรหัตผล พระพุทธเจ้า ทรงทราบความเหล่านั้นแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...
          ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
          แก่ผู้มีจิตไม่มั่นคง
          ไม่รู้พระสัทธรรม
          มีความศรัทธาไม่จริงจัง




               ผู้มีสติตื่นตัวอยู่เนืองนิตย์
          มีจิตเป็นอิสระจากราคะและโทสะ
          ละบุญและบาปได้
          ย่อมไม่กลัวอะไร



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.96rangjai.com/buddha/mind.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 01:00:58 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตปภัสสร จิตเศร้าหมอง จิตล่วงทุกข์ ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 12:40:52 pm »
0

2.5 พ้นจากบ่วงมาร
     พระภาคิไนยสังฆรักขิตเถระ...เป็นหลานของพระสังฆรักขิตเถระ มีความคิดฟุ้งซ่านจนเอาด้ามปฏักตีศีรษะของพระเถระ พระสังฆรักขิตเถระทราบความที่คิดฟุ้งซ่านโดยเจโตปริยญาณจึงกล่าวตําหนิ พระภาคิไนย สังฆรักขิตเถระมีความละอายได้หนีไปเพื่อสึก ภิกษุอื่นจับตัวได้แล้วนํามา ถวายต่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงทราบความทั้งสิ้นจึงตรัสภาษิตว่า...

          จิตท่องเที่ยวไปไกล
          เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง
          อาศัยอยู่ในร่างกายนี้
          ใครควบคุมจิตนี้ได้
          ย่อมพ้นจากบ่วงมาร




2.6 ปัญญาคืออาวุธ
     ภิกษุหลายรูป...เข้าบําเพ็ญสมณธรรมในป่าตลอดพรรษา เทวดาไม่อาจขึ้นสถิต ณ วิมานของตนเหนือพรรณไม้ได้จึงเที่ยวทํากิริยาหลอนภิกษุเหล่านั้นให้หนีไป ภิกษุได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลเรื่องที่เกิดขึ้น พระ พุทธเจ้าจึงให้ท่อง “กรณียเมตตสูตร”
     เมื่อภิกษุเหล่านั้นท่องคาถานี้ก็ได้รับความเมตตาจากเทวดาคอยอุปถัมภ์ภิกษุอยู่เนืองนิตย์ จนในที่สุดภิกษุ  เหล่านี้ก็มีแก่ใจในการบําเพ็ญสมณธรรม พระพุทธเจ้าจึงเปล่งฉัพพรรณรังสีไปปรากฏเฉพาะหน้าแล้วตรัสภาษิตว่า...

          เมื่อรู้ว่าร่างกายนี้แตกดับง่ายเหมือนหม้อน้ำ
          พึงป้องกันจิตให้มั่นเหมือนป้องกันเมืองหลวง
          แล้วพึงรบกับพญามารด้วยอาวุธคือปัญญา
          เมื่อรบชนะแล้วพึงรักษาชัยชนะนั้นไว้
          ระวังอย่าตกอยู่ในอำนาจมารอีก




2.7 กายนี้มิใช่ถาวร
     พระติสสเถระ...ชาวเมืองสาวัตถี เป็นแผลเน่าพุพองไปทั่วเรือนร่างพระสัทธิวิหาริกทั้งหลายทนดูแลไม่ได้จึงทอดทิ้งไปเสีย พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาดูแลพระติสสเถระด้วยพระองค์เองจนพระติสสเถระหายจากโรคร้ายนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...

         อีกไม่นาน
         ร่างกายนี้จักปราศจากวิญญาณ
         ถูกทอดทิ้ง ทับถมแผ่นดิน
         เหมือนท่อนไม้อันหาประโยชน์มิได้




2.8 บำเพ็ญอย่าหลงทาง
     คนเลี้ยงวัวชื่อนายนันทะ...ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจนบรรลุโสดา ปัตติผล ตามส่งเสด็จพระพุทธเจ้าแล้วถูกนายพรานฆ่าตายระหว่างทาง ภิกษุโจษกันว่าเพราะพระพุทธเจ้าใช้ให้เขาตามมาส่งเขาจึงถูกนายพรานฆ่า ตาย พระพุทธเจ้าจึงเล่าบุพกรรมของนายนันทะพร้อมตรัสภาษิตว่า...

         จิตที่ฝึกฝนผิดทาง
         ย่อมทำความเสียหายได้
         ยิ่งกว่าศัตรูทำต่อศัตรู
         หรือคนจองเวรทำต่อคนจองเวร




2.9 ที่พึ่งอันแท้จริง
        โสไรยเศรษฐีผู้บุตร...แลเห็นพระมหากัจจายนเถระมีรูปงาม จึงมีความคิดลามกต่อพระมหาเถระ กรรมนั้นทําให้เขากลับเพศเป็นสตรี ภาย หลังเมื่อขอขมาพระมหาเถระแล้วเขาจึงกลับเพศเป็นบุรุษและออกบวช

       ภิกษุและชนทั้งหลายเที่ยวสอบถามความอยู่เนืองๆ ด้วยเรื่องการ กลับเพศและความรักในบุตรทั้ง ๔ คน อันบุตร ๒ คนเกิดโดยเขาเป็นบิดา บุตร ๒ คนเกิดโดยเขาเป็นมารดา พระโสไรยเถระตอบว่ามีความสิเนหาในบุตรอันเกิดแต่ครรภ์ของตนมากกว่า ชนและภิกษุทั้งหลายย่อมสอบถามดังนี้เป็นนิตย์ พระโสไรยเถระมีความรําคาญภายหลังจึงนิ่งเสีย แล้วตั้งใจ บําเพ็ญสมณธรรมจนบรรลุอรหัตผล

       ภิกษุยังคงมาสอบถามเรื่องบุตร พระโสไรยเถระตอบว่าไม่มีความอาลัยไม่ว่าบุตรคนไหน ภิกษุโจษกันว่ากล่าวเท็จเพราะเมื่อไม่นานยังกล่าว ว่าตนอาลัยในบุตร พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...

       มารดาก็ทำให้ไม่ได้ บิดาก็ให้ไม่ได้
       ญาติพี่น้องก็ทำให้ไม่ได้
       แต่จิตที่ฝึกฝนไว้ชอบย่อมทำสิ่งนั้นให้ได้
       และทำให้ได้อย่างประเสริฐด้วย



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.96rangjai.com/buddha/mind.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 01:01:14 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตปภัสสร จิตเศร้าหมอง จิตล่วงทุกข์ ได้อย่างไร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 12:53:16 pm »
0


ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺฐนฺติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง แต่ว่าจิตนั้นแล เศร้าหมองด้วยอุปกิเลสที่จรมา


อ้างอิง
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกายเอก-ทุก-ติกนิบาต
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  บรรทัดที่ ๑๖๑ - ๒๐๙.  หน้าที่  ๗ - ๙.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=161&Z=209&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=42
ขอบคุณภาพจาก http://www.dmc.tv/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 01:01:30 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ