พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ ชื่อมัชนิกาย มูลปัณณาสก์
เป็นสุตตันตะปิฎกเล่มที่ ๔
๑๖ . เจโตขีลสูตร
สูตรว่าด้วยการอนุมาน
๑. พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชวตนาราม ทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย ถึงเรื่องที่ว่า ถ้าภิกษุยังละกิเลสที่เปรียบเหมือนตอของจิต (เจโตขีละ) ๕ ประการ และถอนกิเลสที่เปรียบเหมือนเครื่องผูกมัดจิต (เจตโสวินิพันธะ) ๕ ประการไม่ได้ ก็มิใช่ฐานะที่ภิกษุนั้นจะถึงความเจริญงอกงามไพบูลในพระธรรมวินัยนี้. ตอของจิต ๕
๒. แล้วทรงแสดงกิเลสที่เปรียบเหมือนตอของจิต ๕ ประการ คือ
๑. สงสัยในพระศาสดา
๒. สงสัยในพระธรรม
๓. สงสัยในพระสงฆ์
๔. สงสัยในสิกขา (ข้อที่จะต้องศึกษา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา)
๕. โกรธเคืองในเพื่อนพรหมจารี เมื่อมีความสงสัยหรือโกรธเคืองข้อใดข้อหนึ่งนี้แล้ว จิตก็ไม่น้อมไปเพื่อความเพียร. เครื่องผูกมัดจิต ๕
๓. แล้วทรงแสดงกิเลสที่เปรียบเหมือนเครื่องผูกมัดจิต ๕ ประการ คือ
๑. ไม่ปราศจากความกำหนัดพอใจรักใคร่ในกาม
๒. ไม่ปราศจากความกำหนัดพอใจรักใคร่ในในกาย
๓. ไม่ปราศจากความกำหนัดพอใจรักใคร่ในรูป
๔. กินแล้วก็ประกอบสุขในการนอน
๕. ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยหวังว่าจะไปเกิดในเทพพวกใดพวกหนึ่ง เมื่อมีกิเลสเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่ง จิตก็ไม่น้อมไปเพื่อความเพียร. ๔. ถ้าละและถอนกิเลสข้างต้นเสียได้ ก็มีฐานะที่จะถึงความเจริญงอกงามไพบูลในพระธรรมวินัยนี้.
๕. ทรงแสดงภิกษุผู้ประกอบด้วยอิทธิบาท คือ คุณธรรมที่ให้ถึงความสำเร็จ ๔ ประการ คือ
๑. พอใจ
๒. เพียร
๓. คิด
๔. ไตร่ตอง
พร้อมทั้งมีความกระตือรือร้น(อุสฺโสฬฺหิ)เป็นที่ ๕ รวมเป็นมีคุณธรรม ๑๕ อย่าง คือ
ละกิเลสอย่างละ ๕ สองอย่างข้างต้น กับคุณธรรมอีก ๕ อย่าง ก็สามารถจะตรัสรู้ได้
เปรียบเหมือนแม่ไก่กกไข่ดี แม้ไม่ปรารถนาอะไรมาก ลูกไปก็ออกมาได้ฉะนั้น. อ้างอิง
พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน อ.สีชีพ ปุญญานุภาพ
http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/4.2.htmlอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ "เจโตขีลสูตร ว่าด้วยตะปูตรึงใจ"
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๓๔๕๐ - ๓๖๓๐. หน้าที่ ๑๔๐ - ๑๔๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=3450&Z=3630&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=226ขอบคุณภาพจาก
http://www.jjmalls.com/,http://www.pixpros.net/,http://commondatastorage.googleapis.com