เห็นปฏิจจสมุปบาท คือฉลาดในเรื่องกรรม
บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะชาติ (กำเนิด) ก็หามิได้; จะมิใช่พราหมณ์เพราะชาติก็หามิได้:
บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะกรรม; ไม่เป็นพราหมณ์ก็เพราะกรรม.
บุคคลเป็นชาวนา ก็เพราะกรรม; เป็นศิลปิน ก็เพราะกรรม,
บุคคลเป็นพ่อค้า ก็เพราะกรรม; เป็นคนรับใช้ ก็เพราะกรรม,
บุคคลแม้เป็นโจร ก็เพราะกรรม; เป็นนักรบ ก็เพราะกรรม,
บุคคลเป็นปุโรหิต ก็เพราะกรรม; แม้เป็นพระราชา ก็เพราะกรรม,
บัณฑิตทั้งหลายย่อมเห็นซึ่งกรรมนั้น ตามที่เป็นจริงอย่างนี้
ชื่อว่าเป็นผู้เห็นซึ่งปฏิจจสมุปบาท เป็นผู้ฉลาดในเรื่องวิบากแห่งกรรม.โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม หมู่สัตว์ ย่อมเป็นไปตามกรรม
สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นเครื่องรึงรัด เหมือนลิ่มสลักขันยึดรถที่กำลังแล่นไปอยู่.
เพราะการบำเพ็ญตบะ การประพฤติพรหมจรรย์ การสำรวม และเพราะการฝึกตน; นั่นแหละ บุคคลจึงเป็นพราหมณ ์ นั่นแหละ ความเป็นพราหมณ ์ชั้นสูงสุด;
บุคคลผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชา ๓ เป็นผู้รำ งับแล้ว มีภพใหม่สิ้นแล้ว มีอยู่;
ดูก่อนวาเสฏฐะ! ท่านจงรู้บุคคลอย่างนี้ ว่าเป็นพรหม เป็นสักกะ ของท่านผู้รู้
วาเสฏฐสูตร มหาวรรค สุ.ขุ. ๒๕/๔๕๗/๓๘๒, ตรัสแก่วาเสฏฐมาณพ ซึ่งมีภารทวาชมาณพฟังอยู่ด้วยที่อิจฉานังคละไพรสณฑ์.