พิมพ์

[raponsan]

ฮือฮา!! "ถ่ายติดหญิงโบราณ" คอหวยแห่ขอเลขเด็ด

ฮือฮา ถ่ายภาพติดรูปผู้หญิงโบราณ กลางโบราณสถานยุคทวารวดี อายุนับพันปี นักเลงหวยแห่ขอเลขเด็ด อัศจรรย์เจอวัตถุโบราณหลายชิ้น ประสานกรมศิลปากรเร่งตรวจสอบ....

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีการขุดพบโบราณสถานกลางทุ่งนาหมู่ 10 บ้านสวนหลวง ต.บ้านไร่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ จึงออกไปยังจุดดังกล่าวพบ นายสมชาติ เจริญรส อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/5 หมู่ 10 บ้านสวนหลวง ต.บ้านไร่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ สมาชิก อบต.บ้านไร่ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่นาแปลงที่พบโบราณสถานตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 20 บ้านคลองกระดาน ต.บ้านไร่ กล่าวว่า เป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นพ่อ-แม่พื้นที่ทั้งหมด 37 ไร่ แบ่งแยกกับพี่น้องแล้วรวม 3 คน

โดยหลังแบ่งที่ดินแล้ว ตนเองก็ใช้พื้นที่ทำกินมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ว่าจ้างรถแบ็กโฮ มาปรับพื้นที่ดอน จอมปลวก และต้นไม้ให้ราบเรียบเพื่อเตรียมทำนา และได้โค่นต้นสะเดาจนล้มไป 1 ต้น จึงพบเศษถ้วย หม้อ กระดูก พระพุทธรูปดินแกะสลัก และเศษอิฐโบราณขนาดกว้าง 1 คืบ ยาว 2 คืบ

มีทั้งที่แตกหักและบางส่วนอยู่ในสภาพดีจำนวนมากบริเวณรากของต้นสะเดา จึงเก็บรวบรวมแล้วนำมากองไว้ ประกอบกับก่อนหน้านี้มีคนเห็นดวงไฟดวงใหญ่เคลื่อนตัวอยู่บริเวณดังกล่าวบ่อยครั้งในเวลากลางคืน จนบางคนตกใจใช้ปืนยิงจนหมดโม่

ขณะที่รถแบ็กโฮ ขุดไปจุดดังกล่าวเครื่องก็เกิดเครื่องดับหลายครั้ง ทั้งที่เป็นรถใหม่ และก่อนหน้านี้มีหลายคนแอบหยิบสิ่งของไปก็เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ นานา จนต้องนำกลับมาคืนหมด

โดยคนทรงที่ไปเข้าทรงบอกว่า ที่พบวัตถุโบราณและภาพปริศนานั้นเป็นดวงวิญญาณที่มีชื่อว่า ท้าวเวฬุราช และท้าวเทวีทาราวตี มีความประสงค์จะออกมาช่วยสร้างโบสถ์ของวัดสวนหลวง ซึ่งก็สอดคล้องกันขณะนี้มีการเซ็นสัญญาสร้างโบสถ์แล้ว แต่ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก จึงได้จ้างรถแบ็กโฮ มาขุดทำคันรอบๆ เอาไว้ เพื่อป้องกันน้ำท่วม จนกระทั่งข่าวที่แพร่สะพัดออกไปจึงทำให้มีผู้คนหลั่งไหลไปสักการะและบางส่วนก็ถือโอกาสขอเลขเด็ดจำนวนมาก

โดยช่วงใกล้วันหวยออก จะจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนบูชาได้จำนวนมาก ทำให้มีประชาชนไปเปิดร้านขายของจำนวนมากสร้างรายได้เป็นอย่างดี แต่ที่สร้างความแปลกตาตื่นใจก็คือ มีคอหวยไปอธิษฐานขอเลขเด็ดแล้วถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือไว้

เมื่อนำกลับไปบ้านเปิดดู ก็พบภาพปริศนาเป็นภาพของหญิงสาวสวย ผิวขาว จมูกโด่งพองาม เขียนคิ้วสีดำ เขียนขอบปากสีแดงชัดเจน ทรงผมผ่านการตกแต่งเป็นพุ่ม และสวมเสื้อผ้าคล้ายเครื่องทรงสีทอง หันข้าง หลับตาอยู่ข้างวัตถุที่เห็นเป็นภาพใสรางๆ คล้ายกับโบสถ์

ส่วนภาพที่ได้มานั้นได้นำมาให้ทางวัดใส่ข้อความวัดสวนหลวง แล้วประทับตราวัดด้วย เพื่อที่จะมอบให้กับชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญ และมีบางคนถูกหวยจำนวนมากได้จ้างลิเกไปแสดงแก้บน

ทางด้าน นางตุ๊กตา เก่งการเรือ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/2 หมู่ 10 ต.บ้านไร่ เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่มีการโค่นต้นสะเดาดังกล่าวลงมานอนอยู่กับพื้นนาแต่ยังไม่ตายราว 2-3 วัน ยังมียอดอ่อนและดอกสะเดาอยู่ ตนจึงไปเก็บเพื่อนำไปทำกับข้าว

ขณะที่นั่งอยู่ที่ต้นสะเดามือก็ควานลงไปพื้นดินเจอเศียรเทวรูป ดินเผาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ต่อมาทราบชื่อว่า ท้าวเวฬุราช จึงนำใส่ในกระเป๋าเสื้อแล้วบอกกับเศียรเทวรูปว่าจะนำไปไว้ที่วัด เมื่อไปถึงวัดพระภิกษุกลับให้นำไปไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์

แต่ตนเองไม่ยอมและบอกกับเศียรเทวรูปว่า จะหาที่อยู่ในวัดที่เหมาะสมให้ จึงนำเศียรเทวรูปใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิม จากนั้นก็ขับรถตระเวนบอกคนทั้งหมู่บ้านแบบไม่รู้ตัวว่าพบเศียรรูป คืนแรกนำเทวรูปขึ้นหิ้งบูชาไว้ที่บ้านก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

จนกระทั่งวันต่อมาจึงนำไปถวายพระที่วัดคลองกระดาน พอกลับมาที่บ้านก็เห็นคนสวมโจงกระเบนเดินวนเวียนอยู่บนบ้านจำนวนมากเวลานาน พอเวลากลางคืนเข้านอนก็ปิดประตูหน้ามิดชิด ก็คล้ายกับมือคนตีที่ขา 1 ที และในเวลาต่อมาก็ตีที่หลังเป็นครั้งที่ 2 แรงขึ้น และครั้งที่ 3 ตบไปที่หัวไหล่เสียงดังเปี๊ยะจนเจ็บ

จนตนไม่ไหวจึงตะโกนด่าออกไป ก็มีรูปหน้าของคนโบราณเสียงห้าวบอกว่าให้นำเศียรเทวรูปกลับมา ประกอบกับมีเหตุการณ์สอดคล้องกันอีกหลายเหตุการณ์ จึงไปขอเศียรเทวรูปจากวัดคลองกระดานกลับมาไว้ที่เดิม เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ส่วนอีกเศียรหนึ่งขนาดเล็กกว่ามีคนนำกลับมาคืน แล้วตั้งชื่อในเวลาต่อมาว่า ท้าวเทวีทาราวตี แทบทุกวันจะมีนักเสี่ยงโชคแวะเวียนเข้าไปขอหวยด้วยการอธิษฐานแล้วก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายแล้วก็จะมีตัวเลขขึ้นมา และยังบอกต่อว่ามีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งบอกว่า นักเสี่ยงที่มาที่นี่เป็นผู้หญิง 1 คนจะถูกรางวัลที่ 1 แต่ไม่ทราบว่างวดไหน

เมื่อสอบถามไปที่สำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี ทราบว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วน่าจะเป็นส่วนฐานของเจดีย์หรือว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของโบราณสถาน ซึ่งจะต้องตรวจสอบกันต่อไป โดยทาง อบต.บ้านไร่ ได้ขอให้สำนักศิลปากรประมาณการค่าใช้จ่ายในการขุดสำรวจซึ่งแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
    ระยะที่ 1 การขุดสำรวจ ระหว่างเดือน ก.พ.-ก.ย. วงเงิน 1.5 แสนบาท
    และส่วนที่ 2 การบูรณะ ระหว่างเดือน ต.ค. 55 - ก.ย.56 อีก 1.5 แสนบาท
    และได้ขออนุมัติไปทางกรมศิลปากรเพื่อดำเนินการขุดสำรวจต่อไป เพราะโบราณสถานเป็นสมบัติของชาติ

 
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.thairath.co.th/content/region/245654