« เมื่อ: มิถุนายน 30, 2012, 06:10:05 pm »
0
แนวทาง 'เห็นธรรม'..ในฐานะฆราสธรรม
- การทำบุญทานเพื่อเป็นหนทางแห่งการสร้างบารมี
- การฝึกฝนร่างกายและใจ เพื่อมุ่งสู่จิต สมาธิ ปัญญา
- การพาลพบปัญหา อุปสรรค เพื่อฝึกฝนตนให้ผ่านพ้นมุ่งสู่จิตสัมฤทธิ์ผล
- เมื่อถึงพร้อมบารมี จิต สมาธิ ปัญญา ถึงด้วยรู้แจ้ง เห็นจริงทุกสิ่ง หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่น ในอบาย รัก โลภ โกรธ หลง
- การยึดมั่นถือมั่นในอบายรัก โลภ โกรธ หลง ทำให้ตกอยู่ในบ่วงกรรม หมุนวงเวียนไม่จบสิ้น อาสวะ(กิเลส) จะให้เกิดทุกข์ทั้งปวงแก่ชีวิตขั้นตอน ๑. ลดละความยึดมั่นถือมั่นในความที่เป็นตัวตนของตน ในสภาวะของรัก โลภ โกรธ หลง ลงเสียก่อนที่ละน้อย ความยินดีก็จะมีไม่มาก ความเสียใจจากการพลัดพรากจากสิ่งทั้งปวงก็จะไม่มีไปเอง
๒. ทำกุศล และทาน แบบไม่คิดอะไร อย่าหวังสิ่งใดตอบแทน ด้วยใจที่สงบ แช่มชื่น(จะรู้สึกเอง เมื่อได้ทำกุศล ผลบุญจะมาเองไม่ต้องขอในรูปแบบของการระลึกรู้((เซ้นต์)) ถ้าขอจะไม่มา)
๓. นับถือศีล 5 ครบทุกวัน อย่าให้แปดเปื้อนสิ่งที่เป็นอบายทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะ 5ก คือ กิน กาม เกียรติ กลัว โกหก
๔. ตระหนักในจิตลดละ และตัดความยึดมั่นถือมั่นใน รัก โลภ โกรธ หลง ทุกสิ่งเป็นของไม่เที่ยงแท้ ไม่สามารถยึดเหนี่ยวจิตได้(ถ้ามั่วเมาลุ่มหลง จิตจะตกในบ่วงกรรมยากที่จะถ่ายถอนได้) ให้ใจสงบ
๕. เจริญจิตด้วยสมาธิ แล้วจะเกิดปัญญาเห็นแจ้ง เมื่อเห็นแล้วทุกสิ่งเป็นทุกขังอนัตตา ไม่เที่ยง แต่มนุษย์เกิดมาด้วยแรงกุศลกรรมของตนที่ผูกพันกันไว้ ให้เป็นไปในรูปแบบต่างกัน
๖. จะเกิดปัญญารู้แจ้งแห่งปัญญาฆราวาสธรรมจากทีละน้อยไปหามาก จนถึงญาณรู้(สุขสงบจะเกิดขึ้นภายในใจหาที่เปรียบเทียบไม่ได้ อธิบายไปไม่มีใครเชื่อถ้าไม่ได้พบด้วยตน)สรุป แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตฆราสธรรม ที่มั่นในสติปัฏฐานภาวนา รู้แจ้งแห่งตนเสมอ ไม่น่าจะให้เกิดทุกข์แก่สรรพสิ่งใดใดในโลกมากมายนัก ครั้นจะตัดให้สิ้นเชิงนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อชีวิตยังคงต้องดำรงอยู่ การเบียดเบียนย่อมมีเกิดขึ้นตลอดเวลา ย่อมทำให้เกิดทุกข์เป็นของธรรมดา จึงต้องถึงด้วยความพยายามให้เกิดการเบียดเบียนน้อยที่สุด
ด้วยการใช้ชีวิตด้วยจิต สมาธิ ปัญญา ซึ่งเป็นหนทางแห่งการถึงญาณรู้(รู้เอง) รู้แจ้ง แล้ววันนั้นเกิดสุข จิตหลุดพ้นเป็นหนทางแห่งปัญญาฆราวาสธรรม เมื่อนั้นปัญญารู้แจ้ง สรรพสิ่งใดใดจะไม่เป็นทุกข์ เดือดร้อน จากการกระทำของเราทิ้งท้าย อันปัญญาฆราวาสธรรมนี้ใครทำใครได้ บอกไปก็ใช่ว่าจะเข้าใจ ต้องทำด้วยการลดละความยึดมั่นถือมั่นก่อน ตามด้วยทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ญาณรู้แจ้ง
เรียบเรียงโดย พ. กิตฺติโสภี ที่มา
http://www.kroobannok.com/blog/27725ขอบคุณภาพจาก
http://www.dhammajak.net/,http://cdn.gotoknow.org/